ลูกเขยมังกร

บทที่ 867 เกิดมาคู่กัน



บทที่ 867 เกิดมาคู่กัน

เขียนสวนสายตาเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา ราวกับว่ารอ คอยงานแต่งงานครั้งนี้มานานแล้ว เขาไปยังผู้คนที่กำลัง ทํางานวุ่นวายอยู่ แล้วพูดว่า “ถึงแม้ตระกูลเซียนเราแต่งลูกสาว แต่ว่า การจัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อย มากนัก เพียงแค่แก้วแหวนเงินทองที่ใช้เป็นเครื่องประดับ ก็เป็น ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเขียนเราที่ได้สะสมมาแล้ว

สําหรับเรื่องอื่นๆ เช่นว่าอาหารงานเลี้ยง ผ้าไหมผ้าแพร ดวง ไฟประดับ ทั้งหมดทุกอย่างนี้ก็ล้วนแต่ใช้ของราคาแพงที่ มาตรฐานสูงทั้งนั้น แม้แต่ผมเองดูแล้วก็ยังรู้สึกเสียดาย นี่มันเป็น เงินก้อนใหญ่โตมากทีเดียวเลยล่ะ”

เฉินเฟิงฟังแล้วยิ่งรู้สึกอยากรู้ เมื่อครูมองด้วยสายตาผ่านๆไป ไม่ทันได้สังเกต หลังจากที่ได้ฟังการแนะนำของเชียนสวนแล้ว จึงมองไปยังพวกเครื่องประดับตกแต่งภายในงาน ไม่ว่าทั้ง ดอกไม้ แจกันดอกไม้มูลค่าไม่ใช่น้อยทั้งนั้นเลย

สามารถที่จะทำให้ตระกูลเชียนเห็นความสำคัญเช่นนี้ได้ ฝ่าย ชายก็จะต้องเป็นตระกูลใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน อีกทั้ง ยังต้องคู่ควรกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเขียนด้วย ในสมองของ เฉินเฟิงก็ปรากฏตัวเลือกขึ้นมาหลายตระกูลแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ ค่อยแน่ใจนัก

“งั้นคิดว่าทางฝ่ายชายก็คงมีฐานะสูงส่งอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่า……..?” เฉินเฟิงถาม

“ก็เป็นลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์จริง พูดขึ้นมาแล้วตระกูลเขา กับตระกูลเชียนเราก็มีความสัมพันธ์ติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว การแต่งงานครั้งนี้นับได้ว่าเป็นการกระชับความผูกพันให้ใกล้ชิด มากยิ่งขึ้น ถ้าหากคุณท่านเคยไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ก็อาจจะ เคยติดต่อกับพวกเขาบ้างก็ได้นะ” เซียนสวนพูด

“หรือว่าจะเป็นตระกูล แห่งภาคตะวันตกเฉียงใต้” เฉินเฟิงอุ ทานขึ้นด้วยความตกตะลึงว่า “งั้นก็วิเศษสุดๆไปเลย! ตระกูลอู๋ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเซียนที่อยู่ฝั่ง ทะเลทรายนี้เลย เท่าที่ผมรู้มา ไม่กี่ปีนี้เองกิจการตระกูลก็เจริญ รุ่งเรืองดี อีกทั้งยังมีแนวโน้มคิดที่จะขยายกิจการไปยังทางเมือง หลวงด้วย”

เชียนสวนยี่ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่พวกเราก็ไม่ได้ใส่ใจมากหรอก เพียงแต่ว่าลูกชายคนเล็กของหัวหน้าครอบครัวตระกูลก็ถึงวัยที่ ควรแต่งงานมีครอบครัวได้แล้ว นายท่านของบ้านนี้กับหัวหน้า ครอบครัวบ้านตระกูลอู๋ได้พูดคุยเจรจากันแล้ว จึงตกลงให้สอง ฝ่ายแต่งงานกัน ทั้งสองตระกูลต่างก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ก็มี ความรู้สึกว่า ในเมื่อทั้งสองตระกูล จัดงานแต่งงานทั้งที งาน เลี้ยงนี้จึงไม่ควรจัดแบบเรียบง่ายแล้ว ดังนั้นจึงต้องจัดงานเลี้ยง ที่หรูหราอลังการใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมา

ถึงแม้ว่าเห็นแล้วจะเจ็บใจบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่นี้ครั้งนี้ครั้ง เดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะทำให้คนใต้หล้านี้หัวเราะเยาะว่า พวกเราทั้งสองตระกูลใหญ่นี้ตระหนี่มากเกินไป ก็จะทำให้ผู้คนดูถูกดูแคลนใต้”

เฉินเฟิงรู้สึกถอดถอนใจ ยังไงก็ยังคงเป็นบ้านตระกูลใหญ่

จึงหันไปกล่าวคําอวยพรที่เป็นมงคลกับเซียนสวน และเขาก็ ยังมีเรื่องราวอื่นที่จะต้องไปดูแลอีกมากมาย จึงไม่ได้อยู่เป็น เพื่อนเฉินเฟิง

เฉินเฟิงจึงเดินสำรวจไปรอบๆบริเวณ ขณะที่เดินผ่านห้อง รับแขกนั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นเซียนหญิงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เช้า ตรู่เช่นนี้ ขวดเหล้าขวดหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าเขา อีกทั้งก็ยังดื่มไป แล้วครึ่งขวดแล้วด้วย

เฉินเฟิงคิดดูแล้ว ก็เดินเข้าไปหา เพิ่งจะนั่งลงก็ได้กลิ่นเหล้าที่ ฉุนรุนแรง แผ่ซ่านออกมาจากตัวของแชียนหนิง ดูท่าทางแล้วเขา คงไม่ใช่ดื่มไปเพียงแค่นี้

“หรือว่ายังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดีเหรอ?” เฉินเฟิงก็เดิน ตรงเข้าไปใกล้เขียนหนึ่ง

เซียนหนึ่งหันหน้าที่เมาสะลึมสะลือมามอง ดวงตาทั้งสองมีแต่ ความว่างเปล่า นิ่งเฉยไม่มีแววความมีชีวิตชีวาเลย เขาเพ่งมอง ไปสองครั้งจึงจำเฉินเฟิงได้ แต่กลับไม่อยากไปสนใจ หันหน้า กลับไปในเหล้าและดื่มให้กับตัวเองต่อไป

เฉินเฟิงส่งยิ้มให้ ในเมื่อเชียนหนิงไม่ยอมสนใจ เขาก็เตรียม ตัวที่จะเดินไปชมดูที่อื่นต่อไป การจัดงานใหญ่โตเช่นนี้เขาก็ไม่ ค่อยได้เห็นบ่อยครั้งนัก
“แกรู้ไหมว่าเจ้าสาววันนี้เป็นใคร?

เฉินเฟิงฉานไปสักครู่ “ไม่ใช่เป็นลูกสาวคนเล็กของหัวหน้า ครอบครัวเหรอ? แล้วยังไงล่ะ? เกี่ยวข้องอะไรกับแกเหรอ?”

เขียนหนังส่ายหน้า พูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่มี ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แม้แต่นิดเดียว ฉันจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับเธอได้ยังไงกันล่ะ?”

เขาฟุบศีรษะลงบนโต๊ะ พยายามที่จะส่ายหัว ดูเหมือนว่าความ มึนเมาทำให้เขาแม้จะทำท่าทางเช่นนี้ก็ยังลำบาก

เฉินเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “แต่ว่าฉันดูแล้วนะว่าเหล้านี้ แกก็ คงดื่มเพราะว่าเธอแหละ เธอคงไม่ใช่คนสำคัญที่สุดคนนั้นของ แกสินะ”

เพิ่งจะพูดจบ ร่างของเซียนหนึ่งก็เซเข้าไปใกล้ตรงหน้าเฉินเฟิง กลิ่นเหล้าที่รุนแรงทำให้เงินเฟิงต้องขมวดคิ้ว เขามองดูเซียนหน งอย่างน่ารังเกียจ แต่ก็แค่ใช้มือปิดจมูกตัวเองไว้ไม่ได้ผลักไส เชียนหนิงออกไป

“แกก็รู้อีกแล้วนะ!” เขากำลังยิ้มเจื่อนๆ

เฉินเฟิงก็แค่เดาส่งเดช แต่ก็เดาถูกแล้ว เขาถามอย่าง ประหลาดใจว่า “ฉันได้ยินว่าคนที่เธอแต่งงานด้วยเป็นถึง คุณชายตระกูล แห่งภาคตะวันตกเฉียงใต้เชียวนะ เป็นที่ใฝ่ฝัน ของผู้คนจำนวนมากเลยทีเดียวล่ะ คนสำคัญของแกคนนั้น ก็นับ ว่ามีบุญวาสนาดีจริงเลย”

เชียนหนึ่งส่ายหน้า เขายังสามารถฟังคำพูดของเฉินเฟิงได้อย่างชัดเจน ก็ไม่รู้ว่าเขาเมาจริงหรือไม่

“ตระกูลอู๋ ตระกูลอู๋เฮงซวย” เขาร้องตะโกนออกมากะทันหัน

ทันใดนั้นก็มีสายตามองมายังพวกเขา แม้แต่เฉินเฟิงก็รู้สึก เคอะเขินไปด้วย แต่ยังดีที่ทุกคนต่างก็รู้จักเขียนหนึ่ง จึงไม่มีใคร เดินเข้ามา “ฉันน่าจะอยู่ห่างแกหน่อยจะดีกว่านะ ไม่งั้นถูกไล่ออก จากตระกูลเซียน ฉันก็จะไม่แปลกใจเลย

ถึงแม้จะพูดเช่นนั้นก็ตาม แต่ว่าเงินเฟิงก็ยังคงนั่งอยู่ที่นั่นเช่น เดิม

“ฮม พวกแกมองเห็นแต่ความยิ่งใหญ่ของตระกูล มองว่า พวกเขาเป็นตระกูลใหญ่ แต่ว่าเรื่องราวบัดซบสกปรกที่อยู่เบื้อง หลัง พวกแกกลับไม่มีใครพูดถึงเลย”

เชียนหนิงยิ้มอย่างเยาะเย้ย แต่ว่ายิ้มไปสักครู่กลับร้องไห้โฮ ออกมา เด็กหนุ่มอายุเพียงแค่สิบแปดเช่นนี้ก็ต่างจากเด็กน้อย เพียงนิดเดียว เวลาร้องไห้ก็เหมือนกับเด็กน้อยจริงๆ

แต่พอร้องสะอึกสะอื้นได้ไม่กี่วินาที เขาก็เช็ดน้ำตาออกจนแห้ง

“ฉันเห็นแกแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดแทน หรือไม่แกก็พาคนสำคัญ คนนั้นของแกหนีไปเลย หนีออกไปจากที่นี่ตลอดไป”

เฉินเฟิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองไปพูดเช่นนั้นออกมาได้ อย่างไร

แต่พูดออกไปแล้ว เขากลับหวังอยากจะให้เขียนหนิงตอบโต้กลับมา
เขียนหนังหลับตาแล้วก้มหน้าลง ก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่ “ฉันจะพาเธอหนีไป” เซียนหนึ่งพูดพิมพ์

เฉินเฟิงฟังไม่ชัดเจนว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่ จึงถามว่า “แกจะ ทําอะไรนะ?”

“แกพูดถูกแล้ว ฉันจะต้องพาเธอหนีไป ฉันไม่อยากให้เธอ แต่งงานกับคนแซ่ไม่อยากให้เธอตกนรกทั้งเป็น ฉันจะไปช่วย เธอ”

คราวนี้เฉินเฟิงได้ยินชัดเจนแล้ว แต่กลับตกใจขวัญกระเจิงไป

เลย

งานเลี้ยงวันหมั้นที่ตระกูลเซียนตระกูลทั้งสองฝ่ายต่างรอ คอยนั้น ถ้าหากเจ้าสาวเกิดหายไปอย่างกะทันหัน ท่ามกลาง สายตาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเต็มไปหมด ตระกูลเซียนตระกูลอู่ที่ ยืนรับหน้าอยู่ตรงหน้าเวทีพวกเขาจะจัดการอย่างไร แล้วพวกเขา จะพูดอะไรได้บ้าง

เฉินเฟิงนึกภาพไม่ออกเลย อีกทั้งยังไม่นึกไม่ออกเลยว่าคนทั้ง โลกจะหัวเราะเยาะสองตระกูลนี้อย่างไร

“แกอย่าคิดทำเรื่องโง่ๆนะ!” เฉินเฟิงรีบเตือนสติ

เชียนหนิงส่ายหน้า “นี่ไม่ใช่เรื่องโง่ นี่เป็นเรื่องที่ฉันควรจะทำ และเป็นเรื่องที่ฉันจําเป็นต้องทำด้วย

เขาดูเป็นเหมือนว่าจะสร่างเมาแล้ว แต่ว่าเฉินเฟิงยังหวังลึกๆ ว่าคำพูดของเขาตอนนี้ก็เพียงพูดเพ้อเจ้อไปเท่านั้น หลังจากนอนหลับตื่นขึ้นมา ก็คงลืมไปหมดแล้ว

“แก ทางสว่างให้ฉัน ฉันจะพาเธอหนีไป

พูดพลาง เซียนหนิงก็ลุกขึ้นยืน

แต่ว่าเฉินเฟิงลากเขากลับมานั่งที่เดิม แล้วพูดว่า “แกอยาก ตายก็แล้วไป แต่อยากบอกว่าฉันเป็นคนพูดก็แล้วกัน”

เชียนหนึ่งก็ยังยืนอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่ได้ตอบตกลงกับ เฉินเฟิง ก็ดูเหมือนไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน

แต่ว่ายิ่งเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงมากขึ้น

เฉินเฟิงรีบตามเข้าไป เขาบอกว่า “ต่อให้แกอยากจะพาคนหนึ่ ไป แต่ว่าแกเดินเข้าไปแบบนี้ ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”

เดิมทีเขาคิดที่จะถ่วงเวลาเชียนหนิงไว้ และหวังว่าให้เขาล้ม

เลิกความตั้งใจนี้ก็ยิ่งดีที่สุด

เซียนหนิงก็หยุดลงมาจริงๆ ยืนอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนว่ากำลัง ครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี

“ที่นี่เป็นบ้านตระกูลเชียน คิดว่าแกคงจะคุ้นเคยมากกว่านั้น ที่ นี่ยังมียอดฝีมือจํานวนมากมาย ส่วนแกจะสามารถรับมือได้สัก เท่าไหร่เชียว อีกทั้งแกแค่อยากจะได้เห็นหน้าเจ้าสาว ก็ไม่ใช่ เรื่องที่ง่ายอย่างที่คิดแล้ว” เฉินเฟิงพูดต่อไปอีก

เขียนหนึ่งดูเหมือนฟังเข้าหูบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าในใจของเขา ร้อนรนมากเกินไป ไม่ใช่ขาดสติสัมปชัญญะไปเสียหมด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ