ลูกเขยมังกร

บทที่ 824 หลบหนี



บทที่ 824 หลบหนี

แต่ดูเหมือนตอนนี้ เขาคิดผิด เขาไม่ควรดูถูกคนธรรมดาคน ไหน

“คุณชายเฉิน ถ้าเกิดคุณเป็นห่วงคนรอบข้างหลังจากที่คุณไป แล้ว ผมรู้สึกว่าคุณสามารถวางใจได้ มหาปรมาจารย์คนนั้นไม่ว่า จะยังไงก็ยังรู้ว่าอะไรที่ไม่ควรทำ เขาคงไม่รู้มือกับคนอื่นหรอก”

เฉินเฟิงยังคงลังเล เจ้าอ้วนจึงพูดอีกครั้ง

เฉินเฟิงเองก็ไม่รู้สึกว่ามหาปรมาจารย์คนนั้นจะลงไม้ลงมือกับ คนธรรมดา แต่ถ้าเกิดเขาหนีไป ก็ไม่รู้ว่ายังสามารถกลับมาได้ อีกไหม ความแค้นที่ลูกชายถูกฆ่าไม่ใช่สิ่งที่จะลืมกันได้ง่ายๆ

แต่ก็ยังรู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจทันที ไม่แน่ว่ามหาปรมาจารย์

คนนั้นอาจจะได้ข่าวแล้ว ตอนนี้คงอยู่ระหว่างเดินทาง

เพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองจะถูกคนอื่นรู้เข้า เฉินเฟิงจึงออกจากยันเจียงในตอนกลางคืน เดิมทีเขากะจะกลับ ไปที่ชางโจว แต่เขาคิดว่าพวกที่เป็นศัตรูกับเขาจะต้องมีสายอยู่ที่ ชางโจวอย่างแน่นอน ขอแค่เขาปรากฏตัว ข่าวของเขาคงไปถึงหู ของมหาปรมาจารย์คนนั้น

จนสุดท้ายเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรไปที่ไหนดี

ขับรถไปเรื่อยพอรู้ตัวอีกทีก็กลับมาที่ภูเขาที่ชิงจืออาศัยอยู่อีก ครั้ง จอดรถอยู่ข้างล่างภูเขา เขานั่งอยู่ในรถ สูบบุหรี่จนถึงก้นของบุหรี่

เขาคิดว่าถ้าเกิดเขาอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ งั้นเขาก็คงไม่ ต้องถูกบีบบังคับให้หนีตายแบบนี้ จนคิดไปถึงสิ่งที่ชิงชิวพูดกับ เขา เกิดความคิดในใจว่าถ้าเกิดซิงฉือตายไปล่ะก็ เรื่องพวกนี้คง ไม่เกิดขึ้น

แต่เรื่องพวกนี้ล้วนได้แต่คิด

พอสูบบุหรี่ไปสองม้วน เขาจึงตัดสินใจไปหลบอยู่ในภูเขาสัก ระยะค่อยว่ากันอีกที เขาคิดว่ากระท่อมแห่งนั้นน่าจะไม่มีใคร อาศัยอยู่แล้ว ซึ่งถือก็น่าจะถูกหญิงสาวในชุดพระราชวังพาไป แล้ว

แต่พอเขาเดินกลับไปถึงภูเขา กลับเห็นว่าข้างในกระท่อมมีคน

อาศัยอยู่

“ทำไมแกถึงอยู่ที่นี่?”

เฉินเฟิงถาม

ชิงชิวในตอนนั้นกำลังตักน้ำอยู่ พอได้ยินคำถามที่เฉินเฟิง ถามเขา เขาก็หันกลับไปมอง

“ข้ามาหาชิงจือ แต่ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีใครอยู่แล้ว ข้าจึงรอ นางอยู่ที่นี่ อืม เจ้าไปไหนมาเหรอ?” ชิงชิวไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาไปแล้วยังกลับมาที่นี่อีก เพราะงั้นถึง

ได้ถามแบบนี้
“ชิงจื่อถูกหญิงสาวในชุดพระราชวังพาตัวไปแล้ว บางทีคงไม่ กลับมาเร็วๆนี้หรอก”

เฉินเฟิงตอบกลับไป

ชิงซิวไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมาก แค่พยักหน้ารับแล้วส่งเสียง

ทั้งสองพูดกันไม่เยอะ กระท่อมเองก็ใหญ่พอให้ทั้งคนอาศัยอยู่ ได้ เพราะงั้นเฉินเฟิงจึงอาศัยอยู่กับชิงชิว

ของกินต่างก็ต้องหาเอง เก็บผักจากภูเขา ล่าสัตว์บนเขา ดื่ม น้ำจากลำธาร ดูเหมือนว่าพอมีชีวิตอยู่ได้

แต่นอกจากสิ่งที่จําเป็นต้องแลกเปลี่ยน ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไร มาก

แต่พอผ่านไปสองสามวัน ก็ดูเหมือนจะเริ่มชินกับการใช้ชีวิต

อยู่ร่วมกันแล้ว ในที่สุดเฉินเฟิงก็ถามไปว่า

“แกกับชิงจือมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากไหม? แกเคยช่วย เธอหนึ่งครั้ง ตอนนี้ยังอยู่ที่นี่เพื่อรอเธออีก?” ชิงชิวเองก็มอง เฉินเฟิงด้วยความสนใจ เขาลังเลไปสองวินาทีถึงพูดออกมาว่า

“นางเป็นคนที่ข้าไม่มีวันเข้าใกล้ได้ ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงช่วย นาง ข้าแค่รู้สึกว่าข้าต้องการแบบนั้น แบบนี้ข้าถึงจะรู้สึก สบายใจขึ้น

เฉินเฟิงไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขา บางทีอาจเป็นรัก ข้างเดียวของชิงชิว เฉินเฟิงคิดแบบนั้น
“แกชอบเธอเหรอ?”

ดูเหมือนชิงชิวจะไม่รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่ ลำบากใจ แค่ส่ายหัวแล้วพูดว่า

“บางทีอาจมีอยู่ส่วนนึง แต่ถ้าไม่รู้สึกว่านั่นเป็นความรัก แต่ อยากจะทำอะไรเพื่อนาง ฐานะของนางถูกกำหนดตั้งแต่แรกแล้ว ว่าไม่มีทางที่ข้าจะสามารถอยู่กับนางได้ เพราะงั้นข้าเลยไม่เคย คิดแบบนั้นมาก่อน

พอเก็บฟืนที่อยู่บนพื้นจนหมด ชิงชิวก็ไม่พูดอะไรอีก เฉินเฟิง เองก็รู้ว่าเขาไม่อยากตอบคำถามพวกนี้ จึงรู้ตัวว่าไม่ควรถามอีก

บางทีถ้าเกิดหลบแบบนี้ไปสักเดือน รอจนเรื่องข้างนอกสงบลง เฉินเฟิงก็คงสามารถกลับไปที่เมืองได้แล้ว

แต่เขาคงนึกไม่ถึงว่า มหาปรมาจารย์คนนั้นจะมาหาเร็วถึงขึ้น

ขนาดนี้

แสงอาทิตย์ลาจากฟ้าไปแล้ว แต่ก็มีเงาของคนเดินมาจากที่ ไกลๆอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่มีทางที่จะ เป็นการเคลื่อนไหวที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้

หลังจากที่ชิงชิวเห็นแบบนั้นจึงถามด้วยความสนใจว่า

“มาหาเจ้างั้นเหรอ?”

เฉินเฟิงเองก็รู้ว่าคงมาหาเขานั่นแหละ อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนั้น แถมยังไม่ เห็นว่ากำลังเหนื่อยอยู่
หายใจเพียงแค่เจ็ดแปดครั้ง เงานั้นก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว

ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาถึงที่แล้ว ในที่แห่งนี้ เขาเองก็ไม่มีโอกาส ที่จะหนีรอดไปได้ เฉินเฟิงจึงมีแต่ต้องเผชิญหน้า ไม่ว่าจะเป็นหรือ ตาย เขาก็ต้องทุ่มสุดตัว

ต้องการให้ข้าช่วยไหม?”

ระวังที่กำลังสิ้นหวัง นึกไม่ถึงว่าชิงชิวจะพูดแบบนี้ แต่เฉินเพิ่งรู้ดีว่าต่อให้เขากับชิงชิวจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ไม่ สามารถต่อกรกับหนึ่งในมหาปรมาจารย์ได้

นี่คือความห่างชั้นของฝีมือ

“ช่างเถอะ ฉันจะพยายามไม่ให้พวกเราทำลายกระท่อมแห่งนี้ ก็แล้วกัน แกไปหลบอยู่ข้างในดีกว่า! ” เฉินเฟิงพูดด้วยความ สิ้นหวังเล็กน้อย

พอได้ยินเฉินเฟิงพูดแบบนี้ ชิงชิวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาค่อยๆ วางหูขวานที่อยู่บนมือ แล้วเดินเข้าไปในกระท่อม

ส่วนเน่หวาเฟิง ในที่สุดก็มาอยู่ตรงหน้าของเฉินเฟิง

เขายืนอยู่หน้าประตูทางเข้า พอเห็นเฉินเฟิงที่ยืนรออยู่ตรงนั้น ก็ถามด้วยเสียงที่เย็นชาว่า

“เจ้าก็คือเฉินเฟิง?”

เฉินเฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

“ผมก็คือเฉินเฟิง ผมเองก็รู้ว่าคุณมาที่นี่เพื่อสังหารผม แต่สองคนนั้นผมไม่ได้เป็นคนฆ่า ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นฝีมือของใคร คงต้อง ขอให้ท่านตรวจสอบอีกที

เน่หวาเฟิงไม่ได้สงสัยอะไร พูดอย่างใจเย็นว่า

“ข้ารู้แล้ว”

เฉินเฟิงตกใจไปพักนึง เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าแค่นี้จะ สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนแล้ว ส่วนอีกฝ่ายก็ดูไม่เหมือนว่า จะมีข้อสงสัยอะไร

แต่พอได้ยินคําถามต่อมาของเน่หวาเฟิง เฉินเฟิงก็รู้แล้วว่าตัว เองคิดมากไปเอง

“เจ้าเตรียมตัวที่จะลงมือยัง?”

เฉินเฟิงเข้าใจได้ในทันที เรื่องความจริงหลังจากที่พวกเขาคง ไปตรวจสอบอย่างแน่นอน แต่เรื่องที่เฉินเฟิงเป็นคนร้ายตัวจริง หรือไม่กับเรื่องที่เขาจะอยู่หรือตายมันไม่เกี่ยวข้องกัน

อย่างมากก็แค่มีคนตายเพิ่มมาหนึ่งคนก็เท่านั้น ไม่มีใคร ใส่ใจหรอก มหาปรมาจารย์ยิ่งแล้วใหญ่

แต่ถ้าเกิดชีวิตนั้นเป็นของเฉินเฟิง แน่นอนว่าต้องมีคนสนใจ อยู่แล้ว

มองไปยังเน่หวาเฟิง เฉินเฟิงรู้สึกว่าถ้าจะคิดว่าจะสู้กับเขายัง ไง เอาเวลาไปคิดดีกว่าจะหนีจากที่นี่ยังไง

ระหว่างที่กำลังใช้ความคิด เฉินเฟิงก็ใช้วิธีย้อนพลังเพื่อเสริมกำลัง โดยไม่ลังเล ถึงแม้จือจะบอกกับเขาว่ามันมีดีต่อ เขา แต่ตอนไม่เวลาที่

ร่างกายร้อนขึ้น ดวงทั้งสองแดง เรี่ยวแรงมหาศาล เขาชั่วโมง ถ้าชีวิตอยู่ต่อได้ ล้มเหลว สิ่งที่เขาก็แค่ความตาย

จิตสังหารถูกความอยากชีวิตรอดทับไปแทน เขาความ คิด

กลางภูเขาเงาสองเงากำลังราวสัตว์ร้ายที่กำลังไล่

กิ่งก้านถูกหัก หญ้าเหยียบสัตว์

ไม่ตั้งใจ แต่ต้องปล่อยให้เสียงอยู่หลังของพวกเขาก็เท่านั้น

ภูเขาลูกไม่มีอะไรจะสามารถหยุดยั้งพวกเขาลงได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ