ลูกเขยมังกร

บทที่ 873 ห้องลับใต้ดิน



บทที่ 873 ห้องลับใต้ดิน

ภายในห้องใต้ดินที่มืดมิด บริเวณรอบๆไม่มีแสงสว่างอะไร เลย อากาศภายในคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นอับที่ไม่ได้เห็นแสง ตะวันมานับแรมปี

หนูตัวหนึ่งกำลังขบเคี้ยวอะไรอยู่ ทันใดนั้นประตูไม้ที่ขัดสีกัน เกิดเสียงดังแสบแก้วหูขึ้น ทำให้มันตกใจวิ่งหนีไป

หลังจากที่ประตูไม้เปิดออกแล้ว มีคนเปิดสวิตซ์ไฟตรงมุมผนัง ห้อง หลอดไฟทังสเตนที่แสงไฟสลัวดวงหนึ่งแขวนอยู่ตรงกลาง ห้องใต้ดิน แค่ต้องการให้คนสามารถมองเห็นได้เท่านั้น เพียงแต่ เห็นไม่ชัดเจน

เฉินเพิ่งถูกมัดไว้นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวภายในห้อง ใต้ดินนี้ บนศีรษะก็คือหลอดไฟที่เพิ่งเปิดสว่างไว้ ศีรษะของเขาก็ ยังห้อยตกลงมา ดูเหมือนยังกำลังสลบอยู่

คนที่เข้ามานั้นใส่เสื้อคลุมทั้งตัว ปิดบังร่างกายทุกส่วนไว้ จึงดู ไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง จะอ้วนหรือผอม

เขาเดินมาถึงตรงหน้าเฉินเฟิง แล้วเอาอะไรบางอย่างใส่ไว้ ตรงจมูกของเฉินเฟิง ผ่านไปสักพัก เฉินเฟิงก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา แต่ ว่าศีรษะรู้สึกจะปวดร้าวอย่างรุนแรง

เมื่อรอให้เฉินเฟิงฟื้นขึ้นมาแล้ว คนที่ใส่เสื้อคลุมคนนั้นก็ถอย ห่างออกไปหลายก้าว เพื่อรักษาระยะห่างกับเฉินเฟิงไว้
เฉินเพิ่งลืมตาขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองถูกมัดไว้ ก็นับว่ายังสามารถ ควบคุมสติอารมณ์ไว้ได้ดี ดิ้นรนไปสักพักหนึ่ง รู้ว่าไม่มีทางที่จะ ดิ้นหลุดได้ จึงเลิกล้มความตั้งใจ

จากนั้นก็หันไปมองรอบๆด้าน เขาก็ย่อมได้เห็นไอ้คนลึกลับคน นั้นยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่ว่าสายตาก็ไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้น กวาด สายตาไปบริเวณรอบๆต่อไปอีก พบว่าบริเวณแวดล้อมที่ตัวเอง อยู่นั้น เป็นที่โล่งว่างเปล่าปิดมิดชิดไว้ สุดท้ายแล้วสายตาก็หยุด อยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายหนึ่ง

ไอ้หมอนั่นพอเห็นเฉินเฟิงสงบนิ่งแล้ว จึงปริปากพูดว่า “สวัสดี”

เขาทักทายด้วยเสียงแผ่วเบา จงใจพยายามกดเสียง ให้ต่ำลง เพื่อจะได้แยกแยะไม่ออกว่าเขาเป็นเพศอะไร

เฉินเฟิงพูดว่า “ฉันไม่ดีด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าแกเป็นใคร แล้ว

ชายหญิงคู่นั้นล่ะ?”

เฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกตกใจกลัวเพราะว่าตัวเองถูกจับขังไว้ที่นี่ เพราะว่าเขารู้ดีว่าถึงแม้ตัวเองจะตกใจกลัวก็ไม่มีประโยชน์อะไร

คนนั้นพูดว่า “พวกเขาขายแกให้กับฉันแล้ว ในราคาที่ถูกมาก เลย ส่วนตอนนี้แกก็เป็นของฉันแล้ว แต่ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะ

ฆ่าแก ฉันอยากให้แกมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ” เฉินเฟิงไม่มีทางที่จะเข้าใจความหมายของเขา อย่างน้อยก็ ไม่มีทางที่จะเข้าใจว่าทำไมถึงถูกขายเช่นนี้ได้
เขาพูดว่า “ในเมื่อแกไม่อยากฆ่าฉัน งั้นก็จะต้องมีเป้าหมาย อื่นอย่างแน่นอน เงินหรือ? ยังมีอะไรอีกล่ะ?”

เฉินเฟิงพยายามมองดูส่วนที่โผล่ออกมาให้เห็นของฝ่ายนั้น แต่ว่าด้วยแสงไฟส่องลงมาถึงแค่ตรงด้านหน้าตัวเขาเท่านั้น ส่วน คนนั้นก็ยืนอยู่ตำแหน่งตรงนั้นพอดี ทำให้เงินเฟิงไม่สามารถที่จะ เห็นหน้าเขาได้ชัดเจน

“เงินเหรอ? ฉันรู้ว่าแกมีเงินเยอะ แต่ฉันไม่ต้องการ

เฉินเฟิงก็มองหน้าเขาอีกที แล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เรื่องเงิน งั้น สําหรับแกแล้วฉันก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

“ไม่หรอก แกยังมีประโยชน์อีกเยอะ สิ่งที่แกรู้มา ความลับใน ร่างกายแก ยังมีคนที่ต้องการแกพวกนั้นอีก

ในที่สุดเฉินเฟิงก็ถูกยั่วยุประสาทด้วยคำพูดนี้ เขาไม่สามารถ

ควบคุมอารมณ์ให้สงบลงได้อีกแล้ว จึงสอบถามไปว่า “แกเป็น

ใครกันแน่?”

คุณนั้นหัวเราะเยาะว่า “ฮาๆ แกตื่นเต้นล่ะสิ แกรู้แล้วว่าฉันรู้ ความลับในร่างกายแก นี่เป็นความลับส่วนตัวของแกเอง แต่ว่า แกไม่เคยพูดกับคนอื่นเลย แต่ฉันกลับรู้เรื่องนี้ แกถามว่าฉันเป็น ใคร ฉันก็เป็นเพียงคนที่คอยจับตาดูแกอยู่ตลอดเวลานะสิ

เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า “แกกำลังกลัวเหรอ?”

เฉินเฟิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาบ้างจริงๆแล้ว เขารู้ว่าความลับ สุดยอดของตัวเองคืออะไร ก็อย่างที่เขาพูดมานั่นแหละ เขาไม่เคยพูด ให้ใครฟังเลย

เงินเฟิงก็ได้แต่จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ไม่ได้ตอบ คําถามของเขา

แต่เขาก็ไม่แยแส “แกเป็นคนที่บาปหนามากคนหนึ่ง คนเลว ทรามชั่วช้าของผืนแผ่นดินนี้ กลิ่นเน่าเหม็นที่แผ่ซ่านออกจากตัว แกนั้น ก็เริ่มมีหนอนซอนไชเต็มไปหมดแล้ว แต่ว่าไม่มีใครเห็น ยิ่งไม่มีใครเลือกที่จะเตือนสติแก พวกเขาเพียงแต่แกล้งทําเป็น มองไม่เห็น พวกเขาก็บาปกรรมเหมือนกันทั้งนั้น

ดูราวกับว่าเฉินเฟิงได้ทำเรื่องราวที่ชั่วช้าสามานย์อะไรไว้ เขา กำลังพูดตอกย้ำซ้ำเติมเงินเฟิง หนำซ้ำยังพูดอย่างขบเขียวเคี้ยว ฟันอีกด้วย

“ฉันทําผิดอะไรเหรอ……….”เฉินเฟิงถาม

“แกหุบปาก!”

ขณะที่เฉินเฟิงยังไม่ทันถามจบ เขาก็พูดตะคอกตัดตอนด้วย ความโกรธแค้น

เฉินเฟิงก็เพียงแค่อยากจะถามว่าบาปกรรมของตัวเองที่พูด ออกจากปากของเขามันคืออะไรกันแน่ แต่ว่าเขากลับไม่มีความ อดทนที่ไปสนใจเรื่องพวกนี้เลย

“คนบาปหนา แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเรียกร้องความเป็นธรรม อะไรทั้งนั้น สิ่งที่กำลังรอแกอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ทรมานเท่านั้น”

เฉินเฟิงก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไป เขาเชื่อว่าถึงแม้เขาจะพูดไปฝ่ายนั้นก็ไม่น่าจะฟังเข้าหู เขาจึงได้แต่รอดูสถานการณ์เฉพาะ หน้าไปทีละก้าวก็แล้วกัน

ส่วนตอนนี้ท่ามกลางความมืดมิดนั้น ประตูไม้ที่มองเห็นไม่ ค่อยชัดก็มีเสียงเปิดประตูไม้ดังขึ้นอีกครั้ง เฉินเฟิงมองไปด้วย ความประหลาดใจ ตอนนี้ก็มีคนใส่เสื้อคลุมอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา

ความสูงของเขารู้สึกจะเตี้ยกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเฉินเฟิงเล็ก น้อย หลังจากที่เข้ามาแล้วก็มองเฉินเฟิงเว็บเดียว ก็เดินไปยังคน ที่อยู่ข้างหน้าเฉินเฟิงคนนั้น

แล้วกระซิบข้างหูของอีกฝ่ายหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป ประตูยังไม่ได้ปิด ดูเหมือนจะเผื่อไว้สำหรับคนที่อยู่ข้างในคน

“รอไปเถอะ เวลาของแก ใกล้เข้ามาถึงแล้ว”

พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง ก่อนเดินออกไป เขาก็ได้ปิดไฟ จากนั้นก็ปิดประตูไม้นั้นไว้

ตอนนี้ที่นี่ก็กลับไปสู่ความมืดมิดอีกครั้งหนึ่ง อากาศภายในที่ ยังคงมีกลิ่นเหมือนเดิม บางครั้งก็ได้ยินเสียงหนูวิ่งไปมาอยู่ รอบๆ เฉินเฟิงกลับดูเหมือนว่ากำลังนอนหลับอยู่ เขาก็ไม่ได้ส่ง เสียงอะไรออกมาอีกเลย

ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไร เสียงเปิดประตูไม้ก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง หนึ่ง

แต่ว่าคนนั้นที่เพิ่งเข้ามายังไม่ทันได้ตอบโต้ ดวงตารู้สึกมืดมิดไปหมด จากนั้นก็ล้มลงบนพื้นอย่างแรง

นั่นมันเป็นฝีมือของเฉินเฟิงที่เขาจนสลบไป เมื่อเห็นอาหารที่ ตกกระจายเต็มพื้น ก็รู้ว่าคนนี้เป็นเพียงคนส่งอาหารเท่านั้นเอง

เฉินเฟิงไม่มีเวลามากพอแล้ว ขณะที่ได้ยินเสียงประตูไม้ดังขึ้น นั้น เขาก็ใช้เคล็ดวิชาพลังสวนกลับ ทำให้ร่างกายส่วนที่อ่อนแอ ของตัวเองหายไปหมดในพริบตา เขาจึงสามารถที่จะแก้มัดออก มาได้

แต่ว่าเคล็ดวิชานี้สัมฤทธิผลเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เขา

จําเป็นต้องใช้เวลาภายในครึ่งชั่วโมงนี้หนีออกจากที่นี่ให้ได้

เมื่อประตูไม้เปิดออก ข้างหน้าที่เป็นทางอุโมงค์ที่มืดมิดเส้น ทางหนึ่ง ไม่สามารถเห็นแสงสว่างอะไรเลย ก็เหมือนกับเดินอยู่ บนทางใต้ดิน

เฉินเฟิงก็ไม่คิดลังเลอะไรอีกแล้ว เดินตรงหน้าไปตามทาง อุโมงค์ที่มืดมิด ระหว่างสองข้างทางของอุโมงค์ก็มีห้องแบบ เดียวกับที่เฉินเฟิงอยู่ มีประตูไม้ที่เก่าแก่เหมือนกัน ดูเหมือนว่า พร้อมที่จะหักพังลงมาได้ตลอดเวลา

เฉินเฟิงเดินไปอย่างไม่หยุดยั้ง วิ่งพุ่งออกไปราวกับสายฟ้า แลบมุ่งสู่ปลายอุโมงค์อีกด้านหนึ่ง เคล็ดวิชาที่เขาใช้นั้นทำให้ เขาไม่มีวิธีที่จะควบคุมความยั้งคิดใจได้เลย เสียงที่เกิดจากฝีเท้า ที่หนักหน่วงภายในอุโมงค์นั้น กระทบกำแพงเกิดเสียงสะท้อนดัง ก้องกังวานขึ้นไม่หยุดหย่อน ในไม่ช้าก็มีคนพบเห็นร่องรอยของ เขาแล้ว
ยังไม่ถึงปลายอุโมงค์เลย มีคน

ในความมิดมองเห็นเงาคนไม่ชัดเจน เป็นลักษณะการใส่ เสื้อคลุมเหมือนกัน แต่ว่าเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น คนอยู่ ปลายอุโมงค์นั้นลำคอของสองคนบิดไป แล้วล้ม ลงทันที

เฉินเฟิงไม่หยุดเพราะพวกเขา ยังคงวิ่งต่อไปข้าง หน้าไม่จํานวนมากกว่าเดิม ว่าเฟิงดูราวเทพสังหาร ไม่ผ่านตรงไหนไม่มีใครสามารถต้านทานได้

แต่ภายในพื้นที่ใต้ดินราวเป็นเขาวงกต สิ่งเหลือไว้ อยู่ข้างหลังล้วนเป็นซากศพเท่านั้น แต่ข้างหน้ายังไม่เห็น ทางออกเลย

ทันใดนั้นก็เงาร่างคนหนึ่งมาขวางทางเดินของเฟิง

เขาหมัดออกเพื่อบีบเฉินเพิ่งถอยออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ