ลูกเขยมังกร

บทที่ 905 มีคนต้องการจัดการฉัน



บทที่ 905 มีคนต้องการจัดการฉัน

ส่วนตอนนี้เขาก็ต้องการที่จะทำความรู้จักกับผู้หญิงที่จะมา ดูแลเขา ในอนาคตสักนิดก่อน

เฉินเฟิงก็ได้พบเสี่ยวเยู่ในห้องครัว เธอกำลังนั่งยองๆอยู่ที่นั่น จัดเตรียมเสบียงที่จะทำอาหารมื้อเย็น

ดูเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นเฉินเพิ่งเข้ามา ดังนั้นเมื่อเดินเฟิง

เรียกเธอ เธอก็สะดุ้งตกใจบ้างเล็กน้อย

“คุณก็คือเสี่ยวเย่!” เฉินเฟิงตะโกนพูด

เสี่ยวเย่ตั้งสติกลับมาได้ เมื่อเห็นว่าเป็นเงินเฟิง จึงค่อยๆตบ หน้าอกตัวเองเบาๆตรงหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ

“อืม คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวเยก็ได้ค่ะ แต่ว่าคุณชายไปไม่ได้บอก ฉันให้เรียกคุณว่าอะไร” เสี่ยวเย่พูด

เฉินเฟิงพูดอย่างเป็นกันเองว่า “คุณก็เรียกฉันว่าเฉินเฟิงก็ได้

ดูเหมือนเสี่ยวเยี่ยอมรับไม่ได้ “นี่คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง คุณ เป็นคนร่ำรวยขนาดนี้ ฉันเรียกชื่อคุณโดยตรงเลย คุณจะไม่รู้สึก หรือว่าฉันไม่นับถือคุณน่ะ ฉันดูเหมือนได้ยินไอ้หนุ่มคนนั้นเรียก คุณว่าคุณชายเฉิน ถ้างั้นฉันก็เรียกคุณว่าคุณชายเฉินก็แล้วกัน ค่ะ”
เฉินเฟิงมองไปยังเสี่ยวเยด้วยความจนใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็น

ท่าทีของเสี่ยวเยู่แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีทางที่จะทำให้เธอเรียกเขา

ว่าเงินเฟิงได้อย่างแน่นอน จึงได้แต่พูดว่า “งั้นก็แล้วแต่คุณแล้วกัน คุณอยากจะเรียกอะไร ก็เรียกอย่างนั้นแหละ

เสี่ยวเย่จึงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายเฉิน ฉันจะทำงานให้ดีที่สุด คุณชายไปให้เงินฉันมากเลย คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

หน้าตาเสียวเก็นับว่าดูสะสวยดี แต่ขาดการแต่งหน้าทาปาก ไปหน่อย ดูไปแล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนแค่เป็นเด็กสาวข้างบ้าน ที่ให้ความกันเองเท่านั้น

เฉินเฟิงจึงนึกสนุกขึ้นมาทันทีแล้วถามอย่างทะเล้นว่า “ถ้าให้ คุณทำเรื่องบางอย่างที่ต้องฝืนใจตัวเองล่ะ?”

เสี่ยวเก็งงไปสักครู่ ดูเหมือนว่ายังนึกไม่ออกว่าจะมีเรื่องอะไร ที่เธอจะต้องผิดใจทำบ้าง “คุณชายเงินคะ คุณวางใจเถอะ ไม่มี อะไรที่ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันก็รับประกันกับคุณชายไปแล้วไง”

เฉินเฟิงก็ไม่รู้แล้วว่าเด็กสาวคนนี้ใสซื่อบริสุทธิ์จริง หรือว่า แกล้งทำกันแน่ แต่ก็หมดสนุกไปเสียแล้วล่ะ

จึงได้แต่พูดว่า “งั้นคุณก็ขยันหน่อยแล้วกัน ถ้าหากทำได้ไม่ เลวละก็ ฉันก็จะเพิ่มเงินให้คุณอีก

เมื่อได้ยินว่าจะเพิ่มเงินให้ เสี่ยวเก็พูดด้วยความดีใจว่า “จริง เหรอคะ คุณชายเฉิน งั้นฉันก็จะต้องขยันให้มากเลยล่ะ
เฉินเพิ่งรู้สึกไม่สนุกกับเด็กสาวแล้ว ก็เตรียมตัวเดินจากไป แต่

เมื่อนึกถึงสาวสวยคนนั้นขึ้นมา จึงหันหน้าไปถามอีกว่า “เสี่ยวเย คุณอยู่ที่นี่เคยเห็นคนอื่นอีกหรือเปล่า?” เสี่ยวเยมองดูเขาอย่างแปลกใจ แล้วพูดว่า “ไม่มีเลย! คุณ ชายเฉิน คุณหมายความว่าอะไร หรือว่าที่นี่มีของอะไรอย่างอื่น

อยู่อีกหรือ?”

เสี่ยวเย่ดูเหมือนตกใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที มองไปยัง เฉินเฟิงด้วยความหวาดกลัว “คุณชายเฉิน คุณอย่ามาหลอกฉัน นะ ฉันยิ่งกลัวของพวกนั้นอยู่ด้วย ที่นี่ก็เป็นที่ที่รกร้างว่างเปล่า อย่างนี้ หรือจะมีพวกภูตผีปีศาจอะไรอยู่ด้วย!

เฉินเฟิงรู้สึกที่เห็นท่าทางของเสี่ยวเย่อ เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กสาวคนนี้จะใสซื่อบริสุทธิ์ได้ถึงเพียงนี้

จึงรีบพูดปลอบโยนว่า “ไม่ใช่ไม่มีของพวกนั้นหรอก ฉันเพียง แต่อยากถามให้แน่ใจว่าที่นี่มีแค่พวกเราสองคนเท่านั้น ใช่หรือ เปล่า”

หลังจากเดินจากไปแล้ว เฉินเพิ่งกลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนที่ได้ พบเห็นนั้นดูไม่เหมือนเป็นเรื่องโกหกแน่ อีกทั้งเขายังได้ยินเสียง ปิดประตู มันก็ชัดเจนขนาดนั้น

ในเมื่อทั้งสองคนนั้นบอกว่าไม่มีคนอื่นอีกแล้ว ถ้าเช่นนั้น เฉินเฟิงก็ได้แต่ไปค้นหาด้วยตัวเองต่อไป

แต่ว่าเดินพลิกแผ่นดินหาไปทั่วแล้ว เฉินเฟิงก็ยังไม่พบร่อง รอยอะไรของผู้หญิงคนนั้นเลย ราวกับว่าทุกสิ่งที่ดูเหมือนจริงนั้นมันเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝันในจินตนาการของเขาเท่านั้นเอง

ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว เฉินเฟิงจึงได้แต่ปล่อยวางไปอย่างหมด หนทาง

พักอยู่ที่นี่ได้สองวันแล้ว ทุกวันก็ได้แต่เดินเล่นอยู่รอบบริเวณ นั้น ทุกครั้งที่พูดคุยกับเสี่ยวเข่นั้น เธอก็มักจะตามไม่ค่อยจะทัน

แต่ก็รู้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นลูกสาวของชาวบ้านครอบครัวหนึ่งที่ อยู่ตรงเชิงเขา ไปซึ่งได้มาพบเจอแล้วถูกใจ ถึงได้จ้างเธอใน ราคาที่สูงมากเพื่อจะให้มาช่วยดูแลเฉินเฟิง โดยเฉพาะ

เด็กสาวก็รู้สึกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงได้ตกลงตามขึ้นมา

ก็ยังโชคดีที่ได้มาเจอกับเฉินเฟิง ไม่เช่นนั้นละก็ ชายหญิงอยู่ กันตามลำพังสองต่อสองในสถานที่เช่นนี้ แล้วยังมีเรื่องอะไรที่ไม่ อาจจะเกิดขึ้นได้อีกบ้างล่ะ

แต่ว่าสุดท้ายแล้วเฉินเฟิงก็พบว่า เสี่ยวเย่ใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ แค่คำพูดหยอกล้อที่แฝงมุกทะลึ่งเล็กน้อยพวกนั้น เธอก็ยังยืนฟัง แล้วงงเป็นไก่ตาแตก ถ้าหากจะไปเล่าเรื่องตลกลามกให้ฟังละก็ เฉินเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองจะลามกเกินไป ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะไป พูดกับเด็กสาวที่ใสซื่อเช่นนี้

เมื่อถึงวันที่สามแล้ว ชายร่างใหญ่ก็ขึ้นมาบนเขาอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้ สีหน้าของเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก เฉินเฟิงถามว่า “แกเป็นอะไรไปเนี่ย? ดูหน้านิ่วคิ้วขมวดไปหมด”
ชายร่างใหญ่เดิมทีก็ไม่อยากจะพูด แต่เมื่อคิดดูแล้วก็พูดว่า “คุณชายเฉิน คนตระกูลไปมีคนรู้ว่าคุณชายไปมาติดต่อกับคุณ อยู่”

เฉินเฟิงก็ฉงนไปสักครู่ เขาไม่รู้สึกว่านี่จะเป็นปัญหาอะไรเลย

เขาถามอย่างแปลกใจว่า “หรือว่าตระกูลไปไม่พอใจอะไรฉัน

เหรอ?”

ชายร่างใหญ่อธิบายว่า “มีคนมาหาที่บ้านตระกูลไป ดูเหมือน ว่าอยากจะร่วมมือกับตระกูลไปมาจัดการกับคุณ คนในบ้าน ตระกูลนี้บางคนก็เห็นด้วย แต่ก็ยังมีบางคนที่เขาคัดค้านอยู่ ดัง นั้นตอนนี้พวกเขากำลังถกเถียงกันยังหาข้อยุติไม่ได้เลย”

เฉินเฟิงก็ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง “มีคนต้องการจะจัดการฉัน แล้วยังร่วมมือกับตระกูลไปอีกด้วย ดูเหมือนในเขตทะเลทราย ฉันก็ไม่ได้ลงทุนทำธุรกิจอะไรไว้เลยนะ?”

ชายร่างใหญ่พูดว่า “แผนการของพวกเขาก็คือมุ่งเป้าไปยัง ธุรกิจของท่านที่ยันเจียงต่างหาก

เฉินเฟิงก็มองเขาด้วยความสงสัยแล้วพูดว่า “แกแน่ใจเหรอ?”

แต่ชายร่างใหญ่ก็ไม่สามารถจะยืนยันชัดเจนได้ “เท่าที่ฉันรู้มา ก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก เพียงแต่อยากจะแจ้งข่าวให้คุณชายเฉินรู้ ตัวไว้ก่อน หวังว่าคุณชายเฉินจะได้เตรียมตัวรับมือไว้ให้ดี

เฉินเฟิงก็ได้แต่ถือว่าเขาก็แค่มาแจ้งเตือนตัวเองเท่านั้น เมื่อคิดดูแล้ว เฉินเฟิงจึงตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปที่ยันเจียง
“ฮัลโหล โฟจุนเหรอ? นี่ฉันเองนะ”

สือโฟฉุนนั้นยังไงก็นึกไม่ถึงว่าเฉินเพิ่งจะโทรศัพท์กลับมาหา เขาได้ ดังนั้นจึงถามอย่างเป็นห่วงมากว่า “คุณชายเฉิน ตอนนี้ คุณอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ ทำไมคุณตั้งนานไม่ส่งข่าวคราวกลับมาเลย พวกเราทางนี้ก็เป็นห่วงแทบแย่อยู่แล้ว”

เฉินเฟิงก็ไม่อยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้เขาฟัง อย่างละเอียดได้ แต่ก็ฝืนพูดไปว่า “ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ออกมา สำรวจดูรอบๆเท่านั้นเอง เดี๋ยวสักพักหนึ่งฉันก็จะกลับไปเอง พวกแกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

แต่ว่าสื่อโฟนก็ยังไม่วางใจเท่าไหร่นัก เฉินเฟิงจึงพูด ปลอบโยนไปอีก จนในที่สุดเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะตามมา ถึงที่นี่ด้วย

จากนั้น เฉินเฟิงก็ถามว่า “ยันเจียงทางนั้นมีเรื่องราวอะไรเกิด ขึ้นหรือเปล่า?”

สือโพจนพูดว่า “ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นปกติดี ก็มีเพียง แต่พวกพนักงานปลายแถว บางคนของบริษัทที่รวมตัวก่อม็อบ เล็กๆขึ้นเท่านั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”

หลังจากที่ได้ฟังแล้ว เฉินเฟิงค่อยสบายใจขึ้นบ้างแล้ว แต่ว่าก็ ยังแจ้งเตือนไปว่า “อาจจะมี พวกตระกูลใหญ่ทางทะเลทรายแถว นี้จะเข้ามาบุกถล่มยันเจียง แกก็เตรียมตัวรับมือไว้ให้ดีก็แล้วกัน ถึงแม้รากฐานธุรกิจของพวกเราที่ยันเจียงมั่นคงมากก็จริงอยู่ แต่ ว่าก็ยังต้องระวังสถานการณ์ที่อาจเกิดพลิกผันขึ้นได้ตลอดเวลา
สือโก๋จุนจึงได้ตกปากรับค่า

หลังจากวางสายไปแล้ว เฉินเฟิงก็วางใจได้อย่างไร้กังวลแล้ว สำหรับเรื่องราวที่ชายร่างใหญ่คนนั้นพูดว่าตระกูลไปต้องการจะ จัดการกับเขานั้น ก็ไม่เอามาใส่ใจอีกแล้ว

ความจริงแล้วเรื่องที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็ยังเป็นเรื่องจริงที่ เหมือนฝันนั้นมากกว่า

หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดไปซึ่งก็ขึ้นมาบนเขา

ก็เหมือนครั้งแรกที่ได้เห็นเขา หนวดที่หนาเข้มทำให้คนรู้สึก อยากจะไปลูบไล้สักครั้ง แต่ว่าสีหน้าเขากลับดูเหมือนอิดโรยไป บ้างเล็กน้อย

นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น เฉินเฟิงก็ยื่นแก้วหนึ่งให้กับไปซึ่ง เขาพูดว่า “เรื่องคราวที่แล้วฉันจะจำใส่ใจไว้ ถ้าแกคิดว่ามีเรื่อง อะไรที่ต้องการให้ฉันช่วยเหลือก็บอกมาตามตรงได้เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ