ลูกเขยมังกร

บทที่ 781 อู๋คุนสิ้นชีพ



บทที่ 781 อู๋คุนสิ้นชีพ

ในขณะนี้เฉินเฟิงกำลังยืนอยู่ในลาน เขาโคจรลมปราณภายใน ร่างกายและหลังจากนั้นประสานลมปราณเข้ากับเส้นเลือด ทั้งหมดในร่างกาย เช่นเดียวกันเฉินเฟิงไม่คิดจะเก็บไพ่ตายไว้ ทีหลังแต่ในทางกลับกันเขาใช้ท่าไม้ตายทะลุฟ้าที่ตัวเองคิดขึ้น

การที่เฉินเฟิง ใช้สุดยอดวิชาของตัวเอง จัดการชีวิตของศัตรูอู๋ คุนอย่างสาสม

เฉินเฟิงเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของคนหนุ่มรุ่นหลังเรื่องนี้ไม่ ได้พูดเกินจริงเลย ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของเฉินเฟิงเป็นที่ รู้จักไปทั่ว ที่สำคัญเฉินเฟิงคือเด็กหนุ่มรุ่นหลังหนึ่งในเพียงไม่กี่ คนที่สามารถคิดค้นเคล็ดวิชาการต่อสู้ของตัวเองได้

ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรหรือผู้ที่แข็งแกร่งแค่ไหนถ้าหากฝึกวิชา ของผู้อื่นไม่ว่ายังไงก็ยังห่างชั้นกับกระบวนท่าที่ตัวเองคิดค้นขึ้น มา เพราะกระบวนท่าที่คิดค้นขึ้นมานั้นจำเป็นต้องแก้ไขให้ สอดคล้องกับเงื่อนไขของสภาพร่างกายดังนั้นจึงทำให้พลังที่ คิดค้นขึ้นมาเองนั้นรุนแรงกว่ามาก

ตอนที่เฉินเฟิงอยู่ในระดับหัวจิ้งชั้นต้นก็สามารถใช้เคล็ดวิชานี้ ล้มอาเธอร์ได้ ต้องบอกก่อนว่าอาเธอร์เป็นถึงนักสู้ระดับหิ้วจิ้งชั้น กลางถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แต่ว่าถึงแม้จะเป็นแบบนั้นก็

ไม่สามารถหยุดท่าไม้ตายทะลุฟ้าของเฉินเฟิงได้ ถึงแม้จะบอกว่าอาเธอร์ประมาทไปเอง แต่ผลของเหตุการณ์ก็สามารถเป็นเครื่องยืนยันบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเฉินเฟิง

ในตอนนี้เฉินเฟิงได้ทะลวงไปถึงขั้นหัวจิ้งชั้นกลางแล้วและ ความแข็งแกร่งของเขาแตกต่างกับก่อนหน้านี้ไปมาก นี่เป็นครั้ง ที่สองที่ใช้กระบวนท่านี้หลังจากที่คิดค้นเคล็ดวิชาทะลุฟ้าได้ สําเร็จ

อู๋คน ในตอนนี้ยอมสูญเสียทุกอย่างแล้ว นี่เป็นความหวัง สุดท้ายของเขา นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขา

เฉินเฟิงเริ่มร่ายรำกระบวนท่าใช้สุดยอดวิชาทะลุฟ้า ทันทีที่ทั้ง สองประทะเข้าหากันและในขณะเดียวกันลมปราณของทั้งสองก็ ปะทะเข้าหากันเช่นกันส่งผลทำให้เกิดพายุที่รุนแรงซึ่งรุนแรงกว่า ก่อนหน้านี้ไปมาก

เพียงแต่ว่าครั้งแรกนั้นคนไม่ได้ต้านนานมากนัก สีหน้าของ เขาเปลี่ยนไปในทันที แขนซ้ายของเขาถูกพลังที่รุนแรงนี้ทำให้ ระเบิดเป็นจุณ อวัยวะภายในของเขาเดิมทีก็ได้รับบาดเจ็บถูก โจมตีซ้ำอีกครั้ง

เห็นเพียงร่างของคนเป็นเหมือนกับใบไม้ในสายลมที่รุนแรง ถูกพัดปลิวกระเด็นออกไปหลังจากนั้นก็กระแทกลงกับพื้นอย่าง แรง

พื้นดินเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ครั้งนี้ คุนถือว่าได้สูญเสีย ทักษะการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิงและไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกแล้ว

“การต่อสู้จบลงแล้วเหรอ?”
ในความคิดของเหล่าผู้ชมปรากฏความคิดนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

อู่คน ในตอนนี้นอนอยู่กับพื้นและมีเลือดสีแดงสดของเขาย้อม เสื้อผ้าที่สวมใส่จนแตง ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ หนักของอูคนสั่นสะท้านมีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดเรียกได้ว่า มาถึงก้าวสุดท้ายของชีวิตแล้ว

แม้ว่าเฉินเฟิงไม่ลงมืออู่คนก็อยู่ต่อไปไม่รอดแล้ว

คนที่นอนอยู่กับพื้นในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความตก ตะลึงที่ไม่สามารถปกปิดได้และอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยังไง เขาเพิ่งจะฝ่าทะลวงชั้นหัวจิ้งชั้น กลางแต่ทำไมถึงมีพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้!”

ในตอนนี้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ไม่เพียงแต่ผู้ชมธรรมดา เท่านั้นแม้กระทั่งพระสันตะปาปาโจ้ส อู่จื่อโจว ท่านเลขาโมดริช และรวมไปถึงนักสู้ที่แข็งแกร่งคนอื่นๆที่นั่งอยู่บนโซนแขกผู้ทรง เกียรติก็เงียบขรึมลงเช่นกัน ทักษะการต่อสู้ที่เฉินเฟิงแสดงออก มามันเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการไปมาก

และในขณะนั้นเองเฉินเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว เขาเดินเข้าไปหาคุ นทีละก้าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

“วิชาที่แกใช้เป็นวิชาอะไร ประเทศหวาไม่มีวิชาแบบนี้แน่นอน แกไปเรียนมาจากที่ไหน?”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงเดินเข้ามาคนอดไม่ได้ที่จะตะโกนถามเสียง ดง
“มันก็จริงประเทศหวาไม่มีวิชาแบบนี้ เพราะนี่เป็นวิชาที่ฉัน คิดค้นขึ้นเอง!”

เฉินเฟิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและสีหน้าที่เรียบ เวย

แต่ว่าคำพูดของเฉินเฟิงที่ดังเข้าไปในหูของคนมันทำให้เขา ยากที่จะเชื่อได้

“ผายลม เป็นไปไม่ได้แกเพิ่งจะบรรลุ เป็นไปได้ยังไงที่จะ สามารถคิดค้นวิชาด้วยตัวเอง นี่มันเป็นไปไม่ได้!

อู่คุนครามสุดเสียง เขาไม่เชื่อและไม่กล้าเชื่อเรื่องทั้งหมดที่ เกิดขึ้น

“แกถึงเวลาตายได้แล้ว!!

เฉินเฟิงกระชากผมของคนแล้วยกขึ้น ในขณะที่พูดก็โคจร ลมปราณไปที่ฝ่ามือด้วย หลังจากนั้นฟันไปที่คอของคนอย่าง

แรง!

หัวของอู่คนแยกออกจากร่างกายทันที ร่างกายของเขากระตุก ไม่กี่ครั้งแล้วล้มลงกับพื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก ส่วนหัวของ คนที่อยู่ในมือของเฉินเฟิงแม้ว่าจะสิ้นชีพไปแล้วแต่ดวงตาของ เขายังคงเบิกกว้างในแววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่ อยากเชื่อ

“ศิษย์พี่ศัตรูได้ตายแล้ว!”

เฉินเฟิงถือหัวของอู่คุนไว้ในมือพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสายตาที่เย็นชา

วิลเลียม แม้ว่า คุนจะถึงคราวเคราะห์แล้วแต่หัวของเขาก็ยัง คงถูกเฉินเฟิงตัดลงมา

เฉินเฟิงนิ้วหัวของคนไว้และในแววตาของเขายังหลงเหลือ

จิตแห่งการสังหารของเมื่อกี้

เฉินเฟิง ในตอนนี้ยืดอกหลังตรงสายตาที่เย็นชากวาดมองไป ทั่ว ไม่ว่าใครก็ตามที่สบตากลับเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวูบใน ใจ

ใบหน้าของเฉินเฟิง ในตอนนี้ถูกผู้คนจดจำไว้ในใจเป็นอย่างดี แม้แต่ช่างภาพจากองค์กรศิลปะการต่อสู้โลกก็บันทึกภาพเหล่านี้ ไว้อย่างรวดเร็ว

“เฉินเฟิง!”

“เฉินเฟิงแห่งประเทศหวา!”

“เจ้าแห่งชัยชนะ!”

หลังจากที่เงียบขรึมไปสักพักเสียงโห่ร้องก็ดังกึกก้องขึ้นจาก สนามประลอง พวกเขาต่างพากันตะโกนเรียกชื่อของเฉินเฟิ งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของผู้ชมดูตื่นเต้นมาก

อารมณ์ของผู้ชมทุกคนเปลี่ยนไปเพราะเฉินเฟิงคนเดียว เดิมที ผู้ชมที่รู้สึกสงสัยความสามารถของเฉินเฟิงในตอนนี้ก็เริ่มส่ง

เสียงตะโกนเรียกชื่อเขาด้วยเช่นกัน
การกระทําของเฉินเฟิงได้ทำให้ทุกคนเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ใน ช่วงแรกของการแข่งขันเฉินเฟิงทำได้ไม่น่าพอใจมากนัก แต่หลัง จากที่เขาฝ่าทะลวงขั้นหัวจิ้งชั้นกลางซึ่งไม่เคยมีใครคิดถึงมา ก่อน

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังจากที่เฉินเฟิงบรรลุหัวจิ้ง ชั้นกลางกลับใช้พลังขั้นสุดยอดโจมตีคนจนไม่มีโอกาสได้โต้ กลับ

“ดี สุดยอดมาก!”

จีนที่อยู่ในฝูงชนอดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังเพื่อปลดปล่อย อารมณ์ของตัวเอง บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ารู้สึกตื่นเต้นมากเกิน ไปดวงตาของเขาในตอนนี้เปียกชื้นเล็กน้อย

ศีลสามก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน เขาลุกขึ้นมาด้วยร่างกายที่ สั่นเทาแล้วตะโกนพูด “พวกแกดูสิฉันพูดถูกไหมล่ะ? ฉันบอก ตั้งแต่แรกแล้วว่าศิษย์พี่ใหญ่เฉินเฟิงจะต้องชนะการแข่ง เห็นไหม ฉันพูดถูกหรือเปล่า!”

หลังจากที่ศีลสามเพิ่งพูดจบก็ดึงดูดสายตาของญี่ปุ่นทันที ราวกับว่าสายตาของเขากำลังพูดว่า “แกเคยพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อ ไหร่! ”

มีเพียงเทียนอิงเท่านั้นที่ตอนนี้เงียบขรึมไม่พูดอะไร เฉินเฟิง สามารถคว้าชัยชนะมาได้เขาก็รู้สึกดีใจด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่า ไม่รู้ว่าทำไมในใจถึงมีความรู้สึกอิจฉา

“ระหว่างเรามันยิ่งห่างกันขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนชีวิตนี้คงจะไม่มีโอกาสได้สู้กับเขาแล้ว!”

เทียนอิงถอนหายใจเงียบๆ ในใจ ความแข็งแกร่งของเฉินเฟิง ไปไกลเกินกว่าที่เขาจะเทียบได้แล้ว

“มันเหลือเชื่อมาก เดิมทีตอนที่ท่านประเมินตัวของเฉินเฟิง ในมุมมองของฉันรู้สึกว่ามันเวอร์เกินไป แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ การประเมินของท่านอู่เรียกได้ว่าแม่นยำมาก เฉินเฟิงคนนี้ก็ ถือว่าแข็งแกร่งเกินความเข้าใจของคนทั่วไป

จีอู๋ฉางมองเฉินเฟิงที่อยู่บนสนามประลองอดไม่ได้ที่จะพูดชม

“ถูกต้อง แม้ว่าจะให้ฉันสู้กับเฉินเฟิงตอนนี้ก็ไม่มั่นใจว่าจะ สามารถเอาชนะเขาได้!” ปรมาจารย์ชางโป๊พูดเสริม

ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ อู่จื่อโจว จีฉาง อาจารย์ฟางเจิ้น ชางโป่

บุคคลพวกนี้ล้วนแต่เป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแวดวงศิลปะ

การต่อสู้ของประเทศหวา

ต้องบอกก่อนไม่ต้องพูดถึงหัวจิ้งชั้นกลาง แม้แต่หัวจิ้งชั้นสุดก็ ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของปรมาจารย์ทั้งหลายที่นั่งอยู่ตรงนี้

แต่ว่าจากการประลองศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้เรียกได้ว่าการ กระทำของเฉินเฟิงเกินความเข้าใจของพวกเขาไปมาก ดังนั้นจึง ไม่สามารถนำเงินเฟิงมาเทียบกับนักสู้ทั่วไป

“อามิตตาพุทธ เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆที่มีลูกศิษย์เช่นนี้ ปรมา จารย์เย่ต้องขอคำชี้แนะจากท่านด้วย ต้องทำเช่นไรถึงจะ สามารถฝึกฝนลูกศิษย์ได้โดดเด่นเช่นนี้!”
อาจารย์ฟางเจิ้นพนมมือเข้าด้วยกันและพูดด้วยท่าทีที่ถ่อมตน ดูเหมือนว่าเขากำลังขอคำชี้แนะจากเย่หนานเทียนจากใจจริง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ