ลูกเขยมังกร

บทที่ 143 ขอบคุณมากคุณอา



บทที่ 143 ขอบคุณมากคุณอา

การที่ปีนี้เขาสามารถบรรลุไปถึงอ้านจึ้งได้ไวขนาดนั้น ด้านหนึ่งเพราะเขามีพรสวรรค์อันน่ากลัว อีกด้านเพราะ อาจารย์ของเขาคือเซียวกั่วจง!

จอมยุทธ์อัจฉริยะที่แท้จริงของโลกจอมยุทธ์หวาเซี่ย! สามารถเปิดสำนักเป็นของตนเอง และทำชื่อเสียงเลื่องลือไป

ทั่ว!

ภายใต้การชี้แนะของเซียวกั่วจง เฉินเฟิงเลยประหยัด เวลาในการฝึกไปได้ราวสิบปี

ถือว่า การมีอาจารย์ดีสำคัญยิ่ง

“ยินดีคงไม่ต้องแล้วล่ะ แต่ถ้าฉันถึงอ้านจิ้งจริงๆ คุณอามา หาฉันนะ ฉันจะคุ้มครองคุณอาเอง” ซูหลิงยู่โบกมือ ทำท่า “ถ่อมตน

“ได้ ตกลงตามนี้” เฉินเฟิงหัวเราะ สาวน้อยนี่หน้าหนาใช่

เล่น

เห็นเฉินเฟิงยกย่องเธอแบบนี้แล้ว อดรู้สึกเขินไม่ได้ เจ้าโง่ นี่คงไม่ได้เชื่อเธอจริงๆหรอกนะ

ในเมื่อเจ้าโง่นี่หลอกง่ายขนาดนี้ งั้นจะหลอกเขาขึ้นเวทีไป สู้กับคนจากสถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังแทนสถานที่ฝึกวิทยา ยุทธเห้าหรันดีไหมนะ? ซูหลิงยู่กลอกตาไปมา ก่อนพุ่งความ สนใจไปที่ตัวเฉินเฟิง ถึงเขาจะเป็นจอมยุทธ์ระดับต้นหมิงจิ้ง แต่ความสามารถเขานี่ไม่ต้องสงสัยเลย

สามารถชกกระสอบทรายเหล็กหนักห้าร้อยกิโลขยับได้ น่ากลัวจะแกร่งกว่าศิษย์พี่ใหญ่ซะอีก ให้เฉินเฟิงขึ้นเวทีไปแทนเฝิงหยวน เปอร์เซนส์ชนะของสถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าห รันน่าจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย

“คุณอา ฉันรับปากว่าต่อไปจะคุ้มครองคุณอาแล้ว คุณอา น่าจะแสดงความขอบคุณหน่อยนะ” ซูหลิงยู่หัวเราะฮิๆ

เฉินเฟิงอึ้ง นี่ขอประโยชน์กับเขา?

“คุณอยากให้ผมแสดงยังไง?” เฉินเฟิงยิ้มถาม

“แค่กๆ ง่ายมาก เดี๋ยวสถานที่ฝึกวิทยายุทธเราจะมี ประลองยุทธกับสถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังห้าต่อห้า คุณอา ขึ้นไปสู้ในนามสำนักเราซักครั้งก็พอแล้ว” ซูหลิงยู่กระพริบตา ปริบๆพลางว่า

“ถ้าแพ้แล้วทำไง?” เฉินเฟิงไม่ได้รับปากทันที แต่ถามกลับ

“แพ้ก็แพ้สิ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงซะเราก็แพ้อยู่ดี ขอแค่แพ้ ไม่ขายหน้ามากก็พอแล้ว” ซูหลิงยู่โบกมือ พูดหน้าตาเฉย

เฉินเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ ดูท่าแม้แต่คนสถานที่ฝึกวิทยา ยุทธเจ้าหรันเองยังไม่มั่นใจกับการประลองยุทธครั้งนี้เลย

“เป็นไง?” ซูหลิงยู่มองเฉินเฟิงอย่างรอคอย

“ได้ ผมจะขึ้นไปประลองแทนสำนักคุณ” เฉินเฟิงตอบรับ ยังไงซะเขาว่างอยู่พอดี ขึ้นไปประลองแทนสถานที่ฝึกวิทยา ยุทธเห้าหรันก็คิดว่าเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนฆ่าจินลิ่ว อานละกัน

“แหะๆ คุณอา ขอบคุณมาก” ซูหลิงยู่ยิ้มจนตาหยี เฉินเฟิงยิ้มพลางส่ายหน้า เป็นเชิงบอกไม่ต้องเกรงใจ

“งั้นคุณอารอแป๊บนะ ฉันไปบอกพ่อก่อน” ซูหลิงยู่จากไป อย่างยินดีปรีดา มาถึงต่อหน้าซูเห้าหรัน: “พ่อคะ หนูหายอดฝีมือให้พ่อคนหนึ่งแหละ เขารับปากจะขึ้นประลองแทนเรา”

“ยอดฝีมือ?” ซูเห้าหรันมองลูกสาวอย่างสงสัย ลูกสาวเขา คนนี้จะรู้จักยอดฝีมืออะไรได้?

“ก็คุณอาคนนั้นที่ตอนเข้ามาบอกจะประลองกับจินลิ่วอาน ไงคะ พ่อ พ่อไม่รู้หรอกว่าคุณอาคนนั้นร้ายกาจแค่ไหน…”ซู หลิงยู่พูดร่ายยาว อยากบอกพ่อว่า เฉินเฟิงชกแค่หมัดเดียว ทำกระสอบทรายเหล็กขยับได้

แต่เธอยังพูดไม่ทันจบ ซูเห้าหรันก็ตะคอกเสียงเย็น : “เหลวไหล! เจ้าเด็กนั่นหรอยยอดฝีมือ เขาไม่ได้เป็นแม้แต่จอม ยุทธ์ด้วยซ้ำ!”

ซูหลิงยู่แอบน้อยใจ พยายามอธิบาย: “พ่อคะ เขาเป็นจอม ยุทธ์ แถมยังเป็นจอมยุทธ์ระดับต้นหมิงจิ้งในตำนานที่มีพละ กำลังมาตั้งแต่เกิดด้วย…”

“ศิษย์น้อง พี่ว่าเธอถูกเจ้านั่นหลอกแล้วล่ะ บูโดจินหลิง จอมยุทธ์หมิงจิ้งหลายคนพี่ก็เคยเจอ แต่พี่ไม่คุ้นหน้าหมอนั่น เลย” จ้าวตงแทรกเสียงเรียบ ในสายตาเขา เฉินเฟิงน่าจะ ถูกใจในความสวยของซูหลิงยู่ แม้แต่การที่เขาบอกว่าจะมา หาเรื่องจินลิ่วอาน ก็เป็นเพราะต้องการดึงดูดความสนใจจากซู หลิงยู่ เพราะสาวน้อยที่ยังไม่เคยเผชิญกับความชั่วร้ายของ คนอย่างซูหลิงยู่ หลอกง่ายจะตาย

“ศิษย์พี่..”

“เอาล่ะ หยุดพูดได้แล้ว! เดี๋ยวให้พวกศิษย์พี่ลูกขึ้น ประลอง!” ซูเห้าหรันยื่นคำขาด พูดจบเขาหันมองหน้าศิษย์คน โต พลางว่า: “จ้าวตง ระวังหมอนั่นหน่อย อย่าให้มาก่อความ วุ่นวายได้
“ครับ อาจารย์” จ้าวตงรับคำอย่างเคารพ ถ้าให้คนที่ไม่ใช่ จอมยุทธ์อย่างเฉินเฟิงขึ้นประลองจริง งั้นหน้าตาของสถานที่ ฝึกวิทยายุทธเจ้าหรันคงปันปี้ไม่มีชิ้นดีแน่

พอซูเห้าหรันพูดจบ ก็จากไป คนสถานที่ฝึกวิทยายุทธจิ นกังมากันแล้ว เขาต้องไปต้อนรับ

“ศิษย์น้อง ให้เจ้านั่นรีบไปซะ ถ้าไม่ไปอีก อย่าหาว่าพี่ไม่ เกรงใจนะ” จ้าวตงพูดเสียงเรียบ

ซูหลิงยู่เบ้ปากอย่างไม่พอใจ และกระทืบเท้าจากไป

ประตูหน้าสถานที่ฝึกวิทยายุทธเจ้าหรัน ผู้ชายวัยกลาง คนในชุดคลุมสีดำยืนอยู่ ด้านหลังเขามีชายหนุ่มหลากหลาย ลักษณะยืนอยู่สิบกว่าคน

ผู้ชายวัยกลางคนคือจินลิ่วอาน ชายหนุ่มสิบกว่าคนด้าน หลังเขาคือลูกศิษย์เขาทั้งนั้น

สีหน้าจินลิ่วอานไม่มีความรู้สึกอะไรเมื่อเงยหน้ามองป้าย สถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรันข้างหน้า แต่เหล่าลูกศิษย์ของ เขากลับทำหน้าดูถูก

ตอนนี้เองซูเห้าหรันพาพวกเฟิงหยวนออกมาต้อนรับ

“ยินดีด้วยพี่ลิ่วอาน ที่บรรลุอ้านจิ้ง! แบบนี้บูโดจินหลิงของ เราก็มียอดฝีมือเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว!” คนยังอยู่หน้าประตู ซู เห้าหรันรีบเอ่ยปากยิ้มทันที “พี่เห้าหรันเกรงใจไปแล้ว ลิ่วอานแค่ระดับธรรมดาเอง ยัง

ไม่ถึงยอดฝีมือหรอก” จินลิ่วอานยิ้มเรียบ ถึงคำพูดจะดูถ่อม

ตน แต่สีหน้ากลับเย่อหยิ่งอย่างที่สุด “ฮะๆ พี่ลิ่วอานทำไมต้องถ่อมตัวด้วย ถ้าแม้แต่พี่ยังเป็นคนธรรมดา งั้นโลกนี้คงไม่มียอดฝีมือแล้วล่ะ” ซูเห้าหรันยิ้ม เย็นยออีกหนึ่งประโยค

“พี่ลิ่วอาน บ้านผมจัดงานเลี้ยงไว้แล้ว ถ้าพี่ไม่รังเกียจ ตาม ผมไปทานอาหารก่อนเถอะ” ซูเห้าหรันยิ้มพูด

“พี่เห้าหรัน งานเลี้ยงไว้ก่อนเถอะ การประลองของเหล่า ลูกศิษย์ต่างหากเล่าที่สำคัญ” จีนลิ่วอานโบกมือยั้งไว้ พลาง หัวเราะ

“พี่ลิ่วอาน ดูพี่พูดสิ เรื่องอะไรจะสำคัญเท่ากินข้าวกัน? คน เราไม่ใช่เหล็ก ลูกศิษย์พี่กินข้าวไม่อิ่ม ออกแรงไม่เต็มที่ จะ ประลองกับลูกศิษย์ผมได้ยังไง” ซูเห้าหรันหัวเราะบอก

“ผู้อาวุโสซู ดูจะมั่นใจในลูกศิษย์ตัวเองไปหน่อยไหม ครับ? จะประลองกับพวกเขาต้องให้พวกเราอิ่มท้องก่อน?” ด้านหลังจินลิ่วอาน ชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งเอ่ยปากแทรก ความหมายว่า ต่อให้พวกเขาหิวไส้กิ่ว ก็เอาชนะลูกศิษย์ของซู เห้าหรันได้

รอยยิ้มบนหน้าซูเห้าหรันแข็งค้าง พวกเฟิงหยวนกำหมัด แน่นอย่างโกรธขึ้ง จะดูถูกกันมากไปไหม?”

“ผู้อาวุโสซู ประลองยุทธกันก่อนเถอะ ใช้แค่สิบนาทีเอง การประลองก็สิ้นสุดแล้ว รอประลองเสร็จ ค่อยไปงานเลี้ยงก็ ยังทัน อาหารไม่เย็นก่อนหรอก” มีคนหัวเราะร่าพูดขึ้นมา การ เย้ยหยันในครั้งนี้ถึงไม่ได้ชัดเจนเท่าคนก่อนหน้า แต่ยิ่ง แทงใจดำ ความหมายคือคนของสถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าห รันแค่สิบนาทีก็จอดแล้ว

จินลิ่วอานได้ยินลูกศิษย์ตนเย้ยหยันอีกฝ่าย แต่เขาไม่ได้ ห้ามปรามใดๆ เพราะตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธ์อ้านจิ้งแล้ว ซูเห้าหรันเทียบกับเขาแล้วอยู่คนระดับกันเลย เขาไม่จำเป็น ต้องเกรงใจซูเห้าหรันอีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ