ลูกเขยมังกร

บทที่ 832 ความวุ่นวาย



บทที่ 832 ความวุ่นวาย

และในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าอีกไม่นานที่นี่ก็จะเหลือเพียงศพ อันไร้วิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้น

ด้านนอกก็มีการเคลื่อนไหวก่อนที่จะมีเสียงบางอย่าง โดนทุบ เสียงดัง เฉินเฟิงก็นึกถึงคนที่เขาได้เจอในคุกใต้ดินคนนั้นทันที

เป็นไปได้ว่าเขาจะมาช่วยพวกเขาสองคน

“เกิดอะไรขึ้น ออกไปดูสิ” เซวี่ยผิงเองก็ประหลาดใจกับเสียง วุ่นวายที่ดังขึ้น จึงรีบสั่งการให้คนออกไปตรวจสอบทันที

เพียงไม่นานเสียงนั้นก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เฉินเฟิงที่ถูกมัดเอาไว้จึงไม่มีทางที่จะหันไปด้านหลังได้เลย แต่ เมื่อสักครู่นี้ที่มีเงาของคนบินฝ่าร่างของเขาไปทำให้เขารู้ได้ทันที ว่ามีคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นคนที่มา แต่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องสิ้นหวังอีกต่อไป

เสียง” ปัง” ดังขึ้นอีกครั้ง

เซวี่ยผงมองเห็นคนที่เข้ามาอย่างชัดเจน แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายเป็นใคร จึงกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ

“คุณคือ? ”

“ฉันเองไงล่ะ ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครได้อีก? ”

เสียงอันคุ้นเคยนั้น สุดท้ายเขาก็ปรากฏตัวแล้ว แต่ทำไมเขาถึงได้กล้าเผชิญหน้ากับเซวี่ยผิงโดยตรงแบบนี้กัน เฉินเฟิงถึงกับ คิดกังวลอยู่ในใจ

ทันใดนั้นเองเซวี่ยผึ้งก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้งก่อน จะพูดอย่างเย้ยหยัน

“เป็นคุณแล้วจะทำอะไรได้? จะช่วยสองคนนี้ไปจากเงื้อมมือ ของผมงั้น? เรื่องแบบนี้สำหรับคุณมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

อีกฝ่ายจึงตอกกลับทันที

“นักบวช คุณทําเรื่องโหดเหี้ยมไร้ซึ่งจิตสำนึกมามากมาย เพียงแค่กรรมนั้นยังไม่มาเอาคืนเท่านั้น แต่ไม่ช้าไม่นานกรรมจะ ต้องตามสนองคุณ ต่อให้ช้าแต่มันจะมาเอาคืนแน่นอน ตอนนี้ต่อ ให้ผมจะเอาชนะคุณไม่ได้ แต่ผมจะไม่ปล่อยให้คุณได้ทำตาม อำเภอตัวเองอีกแล้ว” เขาพูดไปพลางพุ่งเข้าใส่เซวี่ยง

ในขณะที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ชายร่างผอมสูงที่เตรียมจะดูด เลือดของชิงจือก็หายไปหลบซ่อนตัวที่ไหนแล้ว โดยที่ไม่มีใครรู้

แต่ทางด้านเฉินเฟิงพวกเขาสองคนยังคงไม่มีทางช่วยอื่นใด พวกเขาจึงทำได้เพียงเฝ้ามองดูอยู่อย่างนั้น

โต๊ะและเก้าอี้ถูกเตะจนกระเด็นพลิกคว่ำ กระจกที่ถูกทุบจน แตก ทั้งยัง โคมระย้าที่ถูกแขวนก็หล่นลงมา ในขณะที่ทุกอย่าง เสียหาย พวกเขาสองคนยังคงไม่สามารถประเมินผลแพ้ชนะได้ เสียที

แต่มีบางจุดที่พอจะดูออกได้เลยว่าชายชุดดำคนนั้นมีความอ่อนแอกว่าเซวี่ยงอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้การแพ้ชนะล้วนขึ้นอยู่ กับเวลาแล้วเท่านั้น

เฉินเฟิงอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้ เขาไม่มีกำลังเลแม้แต่น้อย เขาคงจะให้ชายชุดดำคนนั้นแก้มัด เขาออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ต่อให้เขาจะสามารถขยับตัวได้ เขาก็ คงทำได้เพียงล้มฟุบไปกับพื้นดังเดิม เพราะแม้แต่จะยืนให้มั่นคง

นั้นยังนับว่าเป็นเรื่องยากเลย

เดิมทีอาจต้องเผชิญหน้ากับความตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับ ต้องมาเฝ้ารอความตายอยู่อย่างนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังมาก ไปกว่าเดิมอีก แต่ว่าในเมื่อยังมีเวลาให้ใช้ชีวิตก็จงมีชีวิตอีกสัก หน่อยจะเป็นไรไป

เฉินเฟิงครุ่นคิดด้วยความเอือมระอา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหยุด คิด ข้างกายของเขาก็มีเสียงขยับตัวเกิดขึ้น

เฉินเฟิงมองไปยังชิงฉือที่หลุดพ้นออกมาจากพันธนาการด้วย ความตกตะลึง เธอยืนอยู่ตรงนั้นราวกับว่าไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น

เมื่อรับรู้ถึงสายตาของเฉินเฟิง ชิงจือจึงพูดด้วยความนิ่งเฉย “แค่ความสามารถของแดนมหาปรมาจารย์เท่านั้น”

เฉินเฟิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขาจึงได้เพียงแต่มองตาค้าง อยู่อย่างนั้น

ชิงจือค่อยๆ เดินไปทางเซวี่ยผิงอย่างช้าๆ ตอนนี้เหมือนว่าเขา จะไม่ทันสังเกตเห็นเธอ แต่ทันทีที่เขาเห็นซิงฉือ เขาก็แสดงท่าทีหวาดกลัวกับเจอเข้ากับแมวเสียอย่างนั้น ซึ่งความหวาด กลัวนั้นเกิดมา

ชิงพูดด้วยความเย็นชา

“ฉันไม่ได้ความโหดร้ายขนาดนั้น ฉะนั้นฉันจะให้คุณตาย ด้วยวิธีการง่ายแล้วกัน

เสียงของเธอยังทันได้ขาดคำ เซวี่ยผิงก็หลังหนีทันที ซึ่งนั่นคิดเดียวเฟิง ในตอนเจอเน่หวาเฟิง การอยู่ของ มหาปรมาจารย์ การหนีเอาชีวิตรอดคือหนทางที่ชัดเจนที่สุด

แต่เขาแย่กว่าเฉินทางประตูหลัง ถือกระโจนไปอยู่ตรงหน้าของเขา แล้ว

และตอนเซวี่ยกลับ เขาถึงเลย ว่าตัวเองจะไร้เรี่ยวแรงถึงขนาดได้

ยัง ทันจะได้ส่งเสียงร้องออกมา บริเวณหน้าอกเขาก็เปล่าไปซะหัวใจเดิมทีงานนั้น จือจับเอาไว้ในมือ

ในขณะสาเหตุอื่นใด ทันทีที่เซวี่ยได้เห็นหัวใจของตัวเองกำลังเต้นอยู่ ตรงนั้น ยังทันที่หัวใจจะหยุดเต้น เขาไร้ซึ่งความรู้สึกแล้ว
ทันทีที่เซวี่ยผิงล้มลงไปกองกับพื้น ซึ่งถือก็โยนหัวใจที่อยู่ใน มือทิ้งไปด้วยความขยะแขยง พร้อมกับสะบัดเอาคราบเครียด เหนอะหนะออกไป ก่อนที่จะมองไปยังร่างไร้วิญญาณนั้นอย่าง เยือกเย็น

“ฉันเคยบอกไว้แล้วว่าจะให้คุณตายอย่างไม่ต้องเจ็บปวด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นความน่าหวาดกลัวของมหา ปรมาจารย์ แต่เขาก็ยังคงตื่นตกใจทุกครั้งที่ได้เห็น

ความตกใจเกิดขึ้นมาจากการออกแรงครั้งเดียวแต่กระทบถึง จิตวิญญาณ โดยตรงนั้น ซึ่งนั่นนับเป็นพลังที่น่านับถืออย่างมาก

ตอนนี้เซวี่ยผิงตายแล้ว ส่วนคนที่เหลือต่างก็หนีหายหัวไปตั้ง นานแล้ว เฉินเฟิงถูกชายชุดพยุงให้ลุกขึ้นยืน ในระยะที่ใกล้ กันเขาถึงสังเกตเห็นว่าชายชุดดำได้สวมหน้ากากสีดำคลุมหน้า เอาไว้ด้วย เหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยใบหน้าของ ตัวเองออกมา

แต่นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ฉะนั้นเฉินเฟิงจึงไม่สนใจที่จะ ไปไถ่ถามเขาให้มากความ

“นี่คือยาถอนพิษ”

ชายชุดดำยื่นขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวอันเล็กมาให้เขา

เฉินเฟิงจึงรับเอาไว้ เขาสูดดมกลิ่นเข้าไป แม้ว่ากลิ่นของมันมี ความฉุน แต่เขาก็หยิบยาเม็ดหนึ่งในนั้นออกมากินโดยไม่สงสัย อะไร
ส่วนเรื่องของรสชาตินั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะรสชาติของมัน เหมือนกับอาหารที่เน่าปูดไปแล้วอย่างนั้น แต่ประสิทธิภาพของ มันก็โดดเด่นเช่นกัน เมื่อสูดดมกลิ่นนี้เข้าไป เฉินเฟิงก็รู้สึกได้ว่า แขนขาของเขาเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมา

และเพียงเวลาไม่นาน เขาก็สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

“นี่มันคือพิษอะไรกันแน่ ถึงทำให้มหาปรมาจารย์ยังต้องหมด แรงแบบนี้ได้ ? ” เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัย

ชายชุดดำจึงตอบกลับ

“ยาพิษเฉียนจี เป็นสูตรลับเฉพาะของตระกูลถังแห่งเขตทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ นักบวชแค่ไปแย่งชิงบางส่วนมาจากตระกูลถัง ที่เดินทางผ่านโม่เปีย เป็นเขตที่อยู่ทะเลทรายทางตอนเหนือจีน และเขตที่ตั้งแต่ทษเหนือเป็นต้นไป) มาก็เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าเขาจะเอามาใช้บนร่างกายของพวกคุณสองคน และที่ผมคิด ไม่ถึงที่สุดก็คือเธอสามารถต่อต้านยาพิษนั้นได้ด้วยตัวเอง

ชายชุดด่ามองไปยังแผ่นหลังของชิงจือ

ในตอนที่เฉินเฟิงได้เห็นซิงฉือหลุดออกมาจากพันธนาการที่ มัดเธอเอาไว้ นั่นทำให้เขารู้สึกตกใจมากพออยู่แล้ว แต่เป็น อย่างที่ชิงจือได้พูดเอาไว้เพราะเธอเป็นมหาปรมาจารย์

“เธอเป็นถึงมหาปรมาจารย์เชียวนะ”

ชายชุดดำเองก็พยักหน้า ในระหว่างทางที่พวกเขาเตรียมตัว จะไปจากที่นี่ เฉินเฟิงก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“จริงด้วยสิ คุณมีความแค้นกับเขางั้นหรอ ? แล้วทำไมคุณถึง เรียกเขาว่านักบวชตลอดด้วย นั่นเป็นชื่อของเขาหรอ ? ”

ชายชุดดำที่เดินอยู่ข้างกายของเฉินเฟิงกลับนิ่งเงียบ คงเป็น เพราะว่าเขาถามคำถามที่เขาไม่อยากที่จะกล่าวถึงมันอีก เขา เลยมองไปยังชิงฉือที่เดินนำหน้าแก้เก้อ จากนั้นเฉินเฟิงก็พูดแย้ง ขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณไม่จําเป็นต้องตอบก็ได้ ผมแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น” แต่ถึงอย่างนั้นชายชุดดำก็ขยับปากพูดขึ้นมาแล้ว

“ผมมีความแค้นกับเขา ทั้งยังเป็นแค้นที่ฝังลึกอีกด้วย ถ้า ไม่ใช่เพราะว่าโชคดี เมื่อสิบสามปีที่แล้วผมก็คงจะตายไปแล้วล่ะ แต่สวรรค์มีตาให้ผมได้เห็นเขาถูกฆ่าตายต่อหน้าผมในวันนี้

ถึงแม้จะมองไม่เห็นสีหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากนั้น แต่ เฉินเฟิงที่เห็นแววตาของเขาก็รับรู้ได้เลยว่าเขากำลังยิ้ม เมื่อแค้น ใหญ่ได้รับการชำระแล้ว แน่นอนว่าสามารถยิ้มดีใจได้แล้ว

“เขาก่อการอาละวาดขนาดนี้ ไม่มีใครที่อยู่ในทะเลทรายนี้มา เอาโทษเขาเลยหรอ พวกโรงเรียนต่อสู้ทั้งหมดของที่นี่ไม่มีใครรู้ เรื่องเลยงั้นหรอ?

เฉินเฟิงที่นึกถึงความโหดร้ายของเซวี่ยผิง กล่าวถามอีกครั้ง ด้วยความโกรธเคือง

จากนั้นชายชุดดำจึงต้องอธิบายให้กับเขา

“ในทะเลทรายอันกันดารแบบนี้ พวกนักต่อสู้เหล่านั้นจะยอมมาอยู่ที่นี่เพื่อทนความลำบากไปทำไมกัน พวกเขายินยอมที่จะ หลบซ่อนตัวเสพสุขในแสงสีสถานบันเทิงยามค่ำคืนซะมากกว่า เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจสำหรับความเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกฝน วิชาการต่อสู้ ส่วนคนอื่นๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ