ลูกเขยมังกร

บทที่ 271 สามสหพันธ์แห่งหวาเซี่ย



บทที่ 271 สามสหพันธ์แห่งหวาเซี่ย

อย่าบอกว่าจะกระทืบพวกมันให้บาด เจ็บเท่านั้น วันนี้กูจะฆ่าพวกมัน งั้นก็ถือว่า เป็นความโชคดีของพวกมัน แล้วทำให้กูแขน หักไปหนึ่งข้าง กูว่ามันตั้งใจจะรนหาที่ตาย!” หวงเฟยห้าวหัวเราะเยาะขึ้น

เขาให้เกียรติเฉินเฟิงมากแล้ว แต่ เฉินเฟิงกลับยังมายุ่งเกี่ยวกับเขาไม่หยุด เห็นเขาหวงเฟยห้าวเป็นคนที่รังแกได้ง่าย หรือไง?

“หวงเฟยห้าว ห้ามเสียมารยาทกับคุณ ชายเฉิน!” เฉินจื่อเหวินพูดขึ้นด้วยเสียงโมโห เฉินเฟิงเป็นแขกผู้มีเกียรติที่เจ้าสามหวงที่ซึ่ง เป็นอาจารย์ของพวกเขายังต้องรับใช้ อีกทั้ง นับตามความอาวุโส เฉินเฟิงถือว่าศักดิ์เป็น อาจารย์อาของพวกเขาทั้งหมด

หวงเฟยห้าวต้องสู้กับโจวจิ้งหลงถึงได้ ถูก วันนี้เฉินเฟิงกล้าข่มเหงและตูหมิ่นเขา นี่ ไม่ใช่การหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์แล้ว จะเรียกว่าอะไร? “คุณชายเฉิน?” หวงเฟยห้าวเอ่ยพูด ด้วยเสียงเย็นชา

ศิษย์น้อง ยิ่งอยู่ศิษย์น้องก็ยิ่งแย่ลง แล้วนะ”

“ก็แค่คบเพื่อนที่มาจากบ้านเกิดเท่านั้น”

“วันนี้กลับยังไปเป็นหมาวิ่งเล่นให้กับ คนธรรมดา คนนั้น อีกอย่างยังเรียกไอ้หมอ นั้นว่าคุณชาย?”

หวงเฟยห้าวส่ายหน้า

“ฉันที่เป็นคนจีนเหมือนกัน ทําให้อับอายขายขี้หน้าแล้ว!” ถูกนาย

ในสายตาของหวงเฟยห้าว เฉินเฟิงก็ คือคนที่ธรรมดาๆ คนหนึ่งจริงๆ ไม่มีแม้แต่ การแกล้งทําเป็นคนธรรมดาแม้แต่นิดเลย

เฉินเฟิงมีหนึ่งอย่างที่ไม่ธรรมดา อาจ จะเป็นเพราะฐานะที่เขามีคือเป็นลูกหลาน ของตระกูลใหญ่แห่งชางโจว

เป็นเศรษฐีรุ่นที่สอง หรือไม่ก็เป็น ข้าราชการรุ่นที่สอง ฐานะของเขาแบบนี้ ในสายตาของคน ธรรมดา อาจจะสูงส่งจนไม่มีใครสามารถ คว้า ง

โลกปัจจุบัน คนที่สามารถเข้าตาเขา หวงเฟยห้าวได้ ก็คงมีแค่ตระกูลที่เป็นจอม ยุทธ์ที่มีวิชาการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดที่สุดเท่านั้น

ตระกูลโห้ ณ เกาะก้าง, ตระกูลเซียว ณ ยันเจียง และตระกูลเย่ ณ จงไ..

ตระกูลเหล่านี้ ต่างก็เป็นปรมาจารย์ ศิลปะการต่อสู้ และยังเป็นมหาปรมาจารย์ ศิลปะการต่อสู้ที่สามารถบัญชาการได้ด้วย ตัวเอง!

มีเพียงตระกูลแบบนี้ จึงจะสามารถเป็น ตระกูลที่เยี่ยมยอดที่สุดอย่างแท้จริง!

ตระกูลแบบนี้ ต่อให้กวาดสายตามอง ไปทั่วโลก ก็คงมีอิทธิพลจนไม่มีใครสามารถ เทียบเทียมได้

พวกเขาแค่พูดถึงอย่างผิวเผินเท่านั้น ก็ สามารถทำให้เศรษฐกิจและนโยบายทางรัฐ เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง แม้แต่ครอบครัวที่มีอิทธิพลอย่างมาก ในต่างประเทศเซนตระกูลเย่ ก็สามารถใช้ เพียงคำๆ เดียวก็สามารถทำให้ตำแหน่งผู้นำ ของประเทศเล็กๆ ถึงกับลงจากตำแหน่งได้

ทายาทผู้สืบทอดที่ออกจากตระกูล แบบนี้ จึงจะคู่ควรกับการเรียกพวกเขาว่า คุณชายหน่อย

และชายหนุ่มที่หน้าตาอัปลักษณ์ตรง หน้า เขาคู่ควรหรอ?

ก็แค่กบในกะลา แล้วจะกล้าพูดถึงเรื่อง ของท้องฟ้าอีกหรอ?

ตลกแล้ว!

แกมันรนหาที่ตาย!”

เฉินจื่อเหวินโมโหสุดขีด จากนั้นก็ลงไม้

ลงมือเลยทีเดียว

หวงเฟยห้าวแสยะยิ้ม แล้วใช้สนับมือ ในการต้อนรับ ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกหวาด กลัวเลยสักนิด เมื่อทั้งสองได้มาเจอะเจอกัน พละกำลัง ของทั้งสองจึงข่มกัน

เฉินจื่อเหวินก็ถอยไปด้านหลังอย่าง ควบคุมไม่ได้ไปสามก้าว ใบหน้าแดงระเรื่อ ขึ้นมาทันที

และพอมองหวงเฟยห้าว กลับทําสีหน้า ที่ดูชิวมาก

“ศิษย์น้อง ศิษย์น้องมีความสามารถเท่า นี้เองหรอ?” หวงเฟยห้าวหัวเราะเยาะเย้ย แล้วพูดด้วยการดูถูก “ไม่น่าล่ะนายถึงเป็น หมาวิ่งเล่นให้กับไอ้ขยะนี่”

“ไอ้ชาติชั่ว!”

เฉินจื่อเหวินกัดฟันกรอด เขาคืออ้านจิ้ง ขั้นต้น และหวงเฟยห้าวคืออ้านจึงขั้นกลาง พวกเขาแตกต่างกันหนึ่งขั้น เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ ของหวงเฟยห้าวจริงๆ

“พี่ใหญ่ เราต่อพร้อมกันเถอะ”

เวลานี้ เฉินจื่อหลี่ เฉินจื่อโสง และ เฉินจื่อเจียวทําสีหน้าที่โมโหแล้วลุกขึ้นมา อย่างกะทันหัน “ได้ พวกนายคนไร้ประโยชน์ทั้งสี่คน มาพร้อมกันเลย ฉันอยากจะดูเหมือนกัน พวกนายมันไอ้ประโยชน์ทั้งสี่คน แล้วจะ สามารถสู้กับฉันได้กี่น้ำ

หวงเฟยห้าวยังคงทำสีหน้าที่เคล้าด้วย ความบ้าคลั่งและยิ่งผยอง จอมยุทธ์มีวิชาถึง ขั้นอ้านจิ้งแล้วและพวกเขายังแตกต่างกัน หนึ่งขึ้น จึงนำพาซึ่งความแตกต่างของความ สามารถทางการต่อสู้ที่ต่างกันจนชั่วฟ้าดิน สลาย

อย่าว่าแต่ทั้งสี่พี่น้องของตระกูลเฉิน เลย ต่อให้มีสี่พี่น้องตระกูลเฉินเพิ่มอีกกลุ่ม เขาก็สามารถมั่นใจได้ว่าตัวเองจะชนะ

ไม่นาน ทั้งห้าคนก็ได้ยินออกมา

ทั้งห้าคนเป็นคนเก่าคนแก่ที่ผ่านศึกษา สังหารมาก่อน ทว่าบางครั้ง การที่ดูวิชาการ ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมกลับไม่สามารถเอา ประสบการณ์มาทดแทนได้

หวงเฟยห้าวใช้แรงในการกดขี่คน ทําให้สองพี่สองตระกูลเฉินถึงกับต้องกดทัพ เฉินเฟิงขมวดคิ้วบน เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ สามารถลงไม้ลงมือได้ และเขาเองก็ดูออก ตั้งนานแล้ว แดนของเฉินจื่อเหวินหยุดอยู่ที่ อ้านจี้เงขั้นต้นมาตลอด และไม่มีการพัฒนา ขึ้นมาเลย

และต้องการโอกาสๆ หนึ่ง เฉินจื่อเหวิน จึงจะสามารถเอาชนะได้

พอเห็นแบบนี้ ก็คือโอกาสที่ดีมากแล้ว

แดนของหวงเฟยห้าว ถึงแม้จะเหนือ กว่าเฉินจื่อเหวิน ทว่ากลับไม่ได้ถึงกับ สามารถกดขี่กันได้โดยตรง เขาสามารถทำ

ให้เฉินจื่อเหวินได้รับแรงกดดันได้

การออกแรงกดอย่างหนักกับความเป็น ความตาย เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่สามารถ ทําให้จอมยุทธ์สามารถเอาชนะได้

หวงเฟยห้าวใช้เท้าเตะตรงกลางอกของ เฉินจื่อหลี่ จนกว่าเฉินจื่อหลี่จะถูกแรงเตะจน ตัวพุ่งกระฉูดไปเจ็ดแปดเมตร เขาเหมือนว่าว ที่ขาดจากสายแล้วร่วงหล่นลงมาแรงๆ เฉินจื่อหลี่พุ่งเลือดออกจากปากอย่าง รุนแรง ทันใดนั้นจึงขาดแรงต่อสู้

เฉินจื่อหลีล้มลง สี่พี่น้องตระกูลเฉินก็ จึงถูกหวงเฟยห้าวจู่โจมทันที

ชกหนึ่งหมัด กระทืบหนึ่งครั้ง

เฉินจื่อโสงและเฉินจื่อเจียวก็ตัวปลิว ออกไปไกลๆ

เหลือแค่เฉินจื่อเหวินที่ทำนัยน์ตาแดง ระเรื่อ

เฉินเฟิงถอนหายใจ แล้วเตรียมตัวจะ ไปช่วย

แต่ในเวลานี้ ข้างหลังกลับมีเสียงอัน เรียบเฉยเสียงหนึ่งดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้”

ลำตัวหวงเฟยห้าวดูเกร็งขึ้นในพริบตา หมัดที่กำลังจะเขวี้ยงออกไปหยุดๆ อยู่ที่ ปลายจมูกของเฉินจื่อเหวินเพียงสาม มิลลิเมตรเท่านั้น

ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ใส่เสื้อฝึกวิชาการต่อสู้ สีขาวมา แล้วทําหน้าที่นิ่งเฉยพร้อมกับเอา มือวางพาดไว้ด้านหลัง และคนที่มาพร้อมเขา คือชายวัยกลาง คนที่สวมใส่ชุดจอมยุทธ์ตัวสีดำ

ชายวัยกลางคนมีรูปร่างที่กว้างใหญ่ แผ่นหลังของเขายืดตรงเหมือนดาบ ท่าเดิน ของเขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ถึง แม้ว่ายังไม่แสดงอารมณ์โกรธออกมา

พอทั้งสองคนเดินมาพร้อมกันแบบนี้ ทุกคนก็หลีกทางโดยไม่สมัครใจ

ตอนที่เดินมาตรงหน้าเฉินเฟิง ทั้งสองก็ ไม่ได้มองเฉินเฟิงแม้แต่พริบตาเดียว ทว่า กลับกวาดสายตามองไปยังเฉินจื่อเหวิน

“คุณเป็นใคร?” ผู้เฒ่าที่สวมใส่ชุดฝึก วิชาการต่อสู้สีขาวกำลังทำนัยน์ตาที่ลุกโชน เป็นไฟ แล้วมองนัยน์ตาของเฉินจื่อเหวินที่ เต็มไปด้วยการสํารวจ

“เรียนผู้อาวุโส ผู้น้อยคนนี้คือเฉินจื่อเห วิน” เฉินจื่อเหวีนน้อมคำนับลงเล็กน้อย ตรง หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่ออ

“เฉินจื่อเหวิน?” ผู้เฒ่าขมวดคิ้วขึ้น เคยมาลงทะเบียนที่สหพันธ์บูโดไหม?” “เรียนผู้อาวุโส ผู้น้อยเพิ่งจะกลับมาที่ หวาเซี่ย ยังไม่เคยมาลงทะเบียนที่สหพันธ์บู โด” เฉินจื่อเหวินเอ่ยพูดอย่างเคารพ จอม ยุทธ์แห่งหวาเซี่ย ต่างก็ต้องลงทะเบียนที่สห พันธ์บูโดก่อน เพื่อที่จะแสดงฐานะที่ตนเองมื

นี่เป็นกฎระเบียบของสหพันธ์บูโด ถึง แม้จะวางอำนาจได้ ทว่าจอมยุทธ์ทั่วพิภพ กลับไม่มีใครกล้าไม่พอใจ

“ฉันให้เวลาสามวัน ไปสหพันธ์บูโดแห่ง เจียงเป่ย แล้วไปลงทะเบียนซะ”

“หลังจากสามวัน ภายในสหพันธ์บูโด หากไม่มีข่าวอะไรจากคุณ งั้นก็ไสหัวออกไป จากหวาเซียซะ! ”

ผู้เฒ่าพูดด้วยเสียงเรียบเฉย น้ำเสียง ฟังดูบ้าอำนาจมาก

“ครับ ผู้อาวุโส” เฉินจื่อเหวินพยักหน้า อย่างเคารพ ถึงแม้จะถูกว่ากล่าวตำหนิ ทว่า เขากลับไม่กล้าไม่พอใจ

เพราะว่าสหพันธ์บูโดแห่งหวาเซี่ย เขา ไปกล้ามีเรื่องด้วย! ถ้ากล้ามีเรื่องกับคนในสหพันธ์บูโดแห่ง หวาเขี่ย ก็ต้องตายกันหมด

ต่อให้เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ ก็ ไม่ยกเว้น!

หวาเชื่อสามสหพันธ์

สหพันธ์บูโด, สหพันธ์สงคราม, สหพันธ์มังกร

สหพันธ์บูโดมีหน้าที่ควบคุมดูแลจอม ยุทธ์ทั้งหมดใยหวาดเขี่ยเป็นหลัก และคอย ควบคุมดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของ สังคม ไม่ให้จอมยุทธ์ไปรบกวนชีวิตของคน ธรรมดา

สหพันธ์สงครามจะมีหน้าที่ทำสงคราม กับหน้าประเทศ แต่ต่อเมื่อผลประโยชน์ของ หวาเซียได้รับความเสียหาย สหพันธ์สงคราม จึงจะออกหน้าออกตา

และสําหรับสหพันธ์มังกร ก็เป็นการ ควบคุมเรื่องของภายใน แต่ว่าการมีอยู่ สหพันธ์มังกร กลับไม่ได้เพื่อทำงานเพื่อ ประชากรธรรมดา ทว่ากลับทำงานให้กับผู้ อาวุโสที่สุดของหวาเซีย คอยเป็นผู้รอบรู้ ด้านการเมืองและธุรกิจ เป็นนักวิชาการใน การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และเป็นนักล่าทาง เศรษฐกิจ

การคงอยู่ของสหพันธ์มังกร ก็คือการ คุ้มครองคนพวกนี้ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ

สหพันธ์ทั้งสามของหวาเซีย สามารถ บอกได้ว่าเป็นรากฐานที่สำคัญของเมืองและ ประเทศ

หากมีสหพันธ์ทั้งสามอยู่ หวาเซียก็ สามารถดำรงอยู่

หากมีสหพันธ์ทั้งสามอยู่ หวาเซียก็ คงจะจบสิ้น!

ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีกต่อไป สหพันธ์ทั้ง สามมีมหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้คอย ดำรงที่นั่งและให้ความมั่นคง และมหา ปรมาจารย์ไม่ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น!

แล้วจะมีใครที่กล้าผิดใจกับสหพันธ์ทั้ง สามล่ะ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ