ลูกเขยมังกร

บทที่ 928 อันธพาน



บทที่ 928 อันธพาน

เฉินเฟิงสามารถมองออกถึงความคิดของ โจว อเอ๋อ และไม่ แม้แต่จะติดกับเลยสักนิด ซึ่งสิ่งนี้ทำให้โจวจื่อเอ๋อรู้สึกใจหอ เที่ยวอย่างมาก แต่เซียนเฉินที่ถูกเหยียบไว้ใต้เท้าอยู่ตรงนั้นดู เหมือนจะเจ็บปวดอย่างมาก

โจว อเอ๋อพูดออกไปอย่างตระหนกใจ “คุณชายเฉิน ใน เมื่อคุณไม่ยอมเข้าไป อย่างนั้นฉันก็คงต้องพึ่งตัวเองเข้าไปช่วย พวกเขาแล้ว ถ้าเกิดว่าคุณชายเฉินได้เห็นโจวจื่อเอ๋อที่ถูกทำร้าย จนบาดเจ็บแล้ว ตอนนั้นคุณชายเงินอย่าได้เห็นใจเด็ดขาด”

ทว่าเฉินเฟิงไม่เชื่อว่าเธอจะเดินเข้าไปช่วยจริงๆ ดังนั้นจึงได้ แต่ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองเธอแทน ราวกับกำลังพูดออกมาว่า งั้น เธอก็ลองเข้าไปให้ฉันดูหน่อยสิ

และโจวจื่อเอ๋อเพียงแค่มองพริบตาเดียวก็เข้าใจความคิดใน ใจของเฉินเฟิงทันที เธอเองอยากที่จะกระตุ้นเฉินเฟิงอีกสักหน่อย แต่เฉินเฟิงกลับดูเหมือนจะมีทิฐิสูงใช่ย่อย

โจวจื่อเอ๋อถึงกับกระทืบเท้าอย่างไร้หนทาง ก่อนจะเดินเข้าไป จริงๆ

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้น ก็ดึงตัวโจวจื่อเอ่อเอาไว้ทันที

“นี่คุณจะเข้าไปเองจริงๆ เลยหรอ! คุณไม่กลัวว่าจะโดนทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บงั้นหรอ? ”
โจว อเอ๋อกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มออกมา แต่ว่าฉัน

ไม่มีทางเลือกนี่คะ คุณชายเงินไม่ยอมเข้าไป ฉันก็ต้องพึ่งตัวเอง เข้าไปช่วยเหลือพวกเขา” เฉินเพิ่งรู้ตัวทันทีเลยว่าวันนี้เขาไม่มีทางหนีพ้นแผนการของ

หญิงสาวเจ้าเล่ห์คนนี้เสียแล้ว

“ก็ได้ คุณชนะแล้ว ผมเข้าไปช่วยพวกเขาเอง

เมื่อพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปทันที

ตอนนี้คนที่โดนอีกฝ่ายกำลังเหยียบอยู่ตรงหน้าอกอย่างเซียน เฉินไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนยังไง อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะขยับเขยื้อน เลยแม้แต่น้อย เขาคนนั้นยิ้มเยาะขึ้นมา : “กูจะรอดูสิว่าถึงจะ ยังกล้าดีกับกูอีกหรือไม่ ครั้งหน้ามาอีกมึงก็คงจะรู้แล้วสินะว่า ควรทําตัวยังไง

เชียนเฉินพูดขึ้นอย่างเกลียดชัง : “ทางที่ดีคุณควรปล่อยผม จะดีกว่า ไม่อย่างนั้น คุณจะไม่ได้ตายดีแน่

แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ อีกฝ่ายกลับยิ่งเดือดดาลมากขึ้น จน แรงกดใต้เท้านั้นยิ่งเพิ่มแรงเข้าไปอีก ซึ่งนั่นทำให้เงินเฟิงยิ่งรู้สึก เจ็บปวดมากขึ้นไปอีก พร้อมกับกุมเท้าของชายคนนั้นอย่างแน่น แต่นั่นกลับเป็นเหมือนดั่งหินก้อนใหญ่อันหนักอึ้ง

“ปล่อยเขาไปเถอะครับ” เฉินเฟิงเดินมาตรงหน้าชายคนนั้น แล้วพูดออกมาอย่างพยายามเลี่ยงปัญหามากที่สุด

ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็นว่าเฉินเฟิงเองก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไร ทั้งยังรู้สึกว่าเขาจะอ่อนแอยิ่งกว่าพวกเขา เหล่านี้อีก แต่ดันกล้ามาพูดลองดีแบบนี้ยิ่งกว่าคนอื่นๆซะงั้น

เขาทำเหมือนตัวเองกำลังถูกเฉินเฟิงเล่นตลกด้วย ดังนั้นจึง หัวเราะ “ฮ่าๆ” ออกมาเสียง : “ตอนแรกก็คิดว่าเจ้าพวกนี้นั้น ประสาทมากพอแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่สมองยิ่งมีปัญหา

เข้ามาอีก นี่จึงอยากให้ช่วยล้างสมองมึงงั้นหรือไง!

แต่ทว่าเงินเฟิงกลับยิ้มขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้ชายคนนั้นยิ่งมี ความสุขมากยิ่งขึ้น

“แกคงจะไม่ได้ตกใจจนบ้าไปแล้วหรอกใช่ไหม ถึงได้มายืน ยิ้มอยู่ตรงนี้” เขาปล่อยเซียนเฉินที่อยู่ใต้เท้า แล้วเข้าไปหา เฉินเฟิงแทน

ทางด้านเฉินเฟิงเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รอให้เขาเดินเข้ามา

หา

ชายคนนั้นเดินหัวเราะคิกคักพร้อมกำหมัดเข้าไป ทั้งยังจงใจ ลองตวาดหมัดไปตรงหน้าของเฉินเฟิง แต่เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่ ได้การตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น เขาจึงยิ่งโมโห

“แม่งเอ๊ย ถึงรนหาที่ตายเอง อย่าได้โทษกูแล้วกัน เมื่อพูดจบ หมัดหนึ่งก็พุ่งเข้าไปใส่หน้าของเฉินเฟิงทันที

เดิมทีตามการคาดการณ์ของเขาแล้ว เฉินเฟิงก็คงจะเป็นอีก คนที่ได้ลงไปนอนกับพื้นแล้ว

แต่แล้วหมัดนั้นกลับหยุดอยู่เพียงตรงนั้น ไม่มีทางเคลื่อนไหวไปมากกว่านั้นได้อีก

เขาจ้องมองไปยังเฉินเฟิงอย่างประหลาดใจ เพราะหมัดของ เขานั้นถูกเฉินเฟิงกุมเอาไว้ได้ ถึงขนาดที่เขาอยากจะซักหมัดของ ตัวเองกลับมา ยังถือเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก

เขามองไปที่เฉินเฟิงด้วยความตื่นตระหนก

แน่?

ซึ่งเป็นใครกัน

เฉินเฟิงไม่ตอบแต่ถามกลับแทน “ใครที่ส่งคุณมาจัดการ พวกเขา”

เฉินเฟิงชี้ไปยังเซียนเฉิน เขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าจะมีคนมาหา เรื่องคนอื่นเพียงเพราะเรื่องการตกปลาจริงๆ ทั้งยังไม่พูดไม่จา ให้ชัดเจนก็ใช้กำลังเสียแล้ว

ชายคนนั้นเจ็บปวดจนหน้าแทบจะบิดเบี้ยว แต่กลับยิ่งมีสีหน้า

ที่เปลี่ยนไปมากขึ้น เมื่อเฉินเฟิงพูดจี้ถูกจุดพอดี

ทว่าเขากลับปฏิเสธ “กูไม่รู้ว่ามึงกำลังพูดอะไร กูเองก็ไม่รู้ ว่าเขาคือใครด้วย

เงินเฟิงฉีกยิ้มออกมา “ปากแข็งจริงๆ แต่ผมก็อยากเห็น

เหมือนกันว่าตกลงแล้วปากของคุณจะแข็งหรือมือจะแข็งกว่ากัน

เขาบีบแรงลงไปบนหมัดที่อยู่ในฝ่ามือของตัวเอง จนทำให้ หมัดนั้นแทบจะเปลี่ยนรูปทรงไปหมดแล้ว แม้แต่กระดูกก็ดู เหมือนจะหักแล้วด้วย

“ตอนนี้จะพูดได้หรือยัง?” เฉินเฟิงถาม
“ผมไม่รู้ มีคนเอาเงินให้ผมหลายพัน แล้วบอกให้ผมเข้ามาส ร้างเรื่องกับเจ้าคนพวกนี้” เขาตอบกลับอย่างอ้อนวอน

“คุณคงไม่ได้โกหกผมใช่ไหม? ” เฉินเฟิงยิ่งเพิ่มแรงบีบในมือ

ขึ้นไปอีก จนชายคนนั้นร้องคร่ำครวญออกมา

ตอนนี้คำพูดของเขาแทบจะไม่สามารถพูดออกมาได้ชัดเจน

อีกแล้ว : “ผม……..ผมไม่กล้าแน่นอน…..”

“ถ้างั้นคุณรู้ว่าเขาคนนั้นคือใครหรือเปล่า ? ”

“ผม……ผมไม่รู้”

ดูจากสีหน้าของเขาแล้วดูเหมือนจะไม่กล้าพูดโกหกอะไรอีก ดังนั้นเฉินเฟิงจึงยอมปล่อยมือเขา

“ไสหัวไปซะ! ”

ชายคนนั้นกุมมือข้างนั้นที่เจ็บจนแทบทนไม่ไหวของตัวเอง ไม่ กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น แม้แต่จะมองไปยังเฉินเฟิงก็ยังไม่กล้าเลย ก่อนจะรีบก้มหน้าสาวเท้าวิ่งหนีไป เพราะหวาดเกรงว่าเฉินเพิ่งจะ เปลี่ยนใจ

เหล่าคนที่อยู่บนพื้นพากันลุกขึ้นยืน แล้วมองไปยังเฉินเฟิง ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

ส่วนเฉินเฟิงก็เข้าไปดึงตัวเขียนเฉินให้ลุกขึ้นยืน พร้อม กล่าว : “คำพูดเมื่อกี้นี้ คุณก็ได้ยินหมดแล้วสินะครับ”

เขียนเฉินพยักหน้า: “ผมพอจะเดาได้แล้วว่าเป็นใครแล้วล่ะครับ ขอบคุณสหายเงินมากๆ ”

เฉินเพิ่งส่ายหน้า: “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ถ้าจะ ขอบคุณก็ไปขอบคุณโจว อเอ๋อเถอะครับ

เขียนเฉินไม่เข้าใจ แต่ก็หันไปมองยังโจวจื่อเอ๋อ ซึ่งเธอกำลัง ส่งยิ้มจางๆ มาให้เขา

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเขาทั้งหลายจึงไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อ

“เป็นเพราะว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมคงไม่สามารถที่จะอยู่ต่อ กับทั้งสองได้แล้ว ถ้าเกิดทั้งสองคนมีเวลาเมื่อไหร่ก็สามารถไป หาผมที่สำนักเฉินเฟิงได้นะครับ ผมจะรอต้อนรับทั้งสองอย่างดี

เขาพูดจบ ก็พลางพาเหล่าเพื่อนๆกลับไป ส่วนทางด้าน เฉินเฟิงและโจวจื่อเอ๋อเองก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่ ต่อ จึงเดินทางกลับไปยังบ้านตระกูลโจว

และในที่สุดการหายตัวไปของโจวฟางก็ได้ดึงดูดความสนใจ ของคนตระกูลโจวขึ้นมาจนได้

แต่สาเหตุการเกิดเรื่องกลับไม่มีเบาะแสใดๆ เลย แม้กระทั่งว่า สถานที่สุดท้ายที่โจวฟ่างอยู่คือที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ด้วย และไม่รู้ว่า เขาหายตัวไปเมื่อไหร่อีก

ทางฝั่งโจวสุนได้ส่งคนให้มาเรียกตัวโจวจื่อเอ๋อ เลยทำให้ เฉินเฟิงต้องอยู่ที่นี่ต่ออย่างเบื่อหน่าย

เขาหาหนังสือนิยายเล่มหนึ่งในห้องของโจวจื่อเอ่อออกมาใช้คั่นเวลาไปก่อน พอผ่านไปเพียงไม่นาน โจว เอ๋อก็กลับมา

“เป็นไงบ้าง เขาว่าอย่างไร? ” เฉินเพิ่งที่เห็น โจวจื่อเอื้อกลับ มาก็ถามออกไปทันที

แต่แล้วโจว อเอ๋อกลับแสดงสีหน้าที่อ่อนล้าออกมา : พวก เขาเหมือนกำลังสงสัยฉันอยู่

เฉินเฟิงวางหนังสือในมือลง แล้วมองไปยังโจวจื่อเอ่ออย่าง แปลกใจ : “ทำไม? นี่พวกเขาเห็นแล้วงั้นหรอ? ”

โจวจื่อเอ๋อเดินตรงไปยังเก้าอี้โยกภายในห้อง แล้วนั่งลงไป ก่อนจะตอบกลับ : “มีคนเห็นว่าฉันเป็นคนสุดท้ายที่ได้เจอกับ คุณลุงสี่ และหลังจากนั้น ก็ไม่เจอตัวของคุณลุงอีกเลย เมื่อคิด อย่างนี้การจะไม่สงสัยในตัวฉันคงจะเป็นเรื่องยาก”

ด้านเฉินเฟิงที่ถึงแม้จะไม่ทราบรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ขอเพียงหาศพของโจวฟ่างไม่เจอ ความที่โจวจื่อเอ๋อก็เป็น เพียงผู้หญิงเปราะบางคนหนึ่งซึ่งไม่มีทางที่จะสามารถจัดการกับ โจวฟางได้ สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาหมดหนทางพิสูจน์ ว่าโจว อเอ๋อเป็นฆาตกรได้แล้ว

“ไม่อย่างงั้นลองให้เบาะแสพวกเขาสักหน่อยไหม ทำให้พวก เขาเจอโจวฟ่างที่อยู่ในห้องลับนั่น แบบนี้พวกเขาก็จะได้มีผู้ต้อง สงสัยขึ้นมา แล้วความสงสัยในตัวคุณก็จะได้น้อยลงไป

โจวจื่อเอ๋อคิดไตร่ตรอง จากนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย : “ดู แล้วมีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น ฉันจะลองคิดหาวิธีเอาสิ่งของของ ลุงสี่ไปไว้ที่ห้องหนังสือ แบบนี้คุณลุงใหญ่จะได้เกิดความสงสัยขึ้น และเพื่อที่จะปกป้องความลับเรื่องข่าวของห้องลับนั้น เขาคง ต้องเลือกตรวจสอบห้องลับนั้นแน่นอน “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ