บทที่ 159 ผมมีทาวน์เฮาส์อยู่บนเขา
เขาเดินออกมาที่ถนนกับเสี้ยเพิ่งเหยา เรียกรถ แท็กซี่คันหนึ่ง
“พ่อหนุ่ม จะไปไหนล่ะ”
คนขับรถเป็นผู้ชายวัยกลางคน พอเสี้ยเมิ่งเหยา กับเฉินเฟิงขึ้นรถสายตาของคนขับรถหยุดที่เสี้ยเมิ่ง เหยาเต็มๆสามวินาที ก่อนจะหันไปทางเฉินเฟิงอย่าง จำยอม
“ยู่ฉวนซาน” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ
“ยู่ฉวนซาน?” คนขับรถลิ้งพลางว่า: “พ่อหนุ่ม เป็นคนต่างถิ่นล่ะสิ เขตท่องเที่ยวยู่ฉวนซานกำลัง พัฒนา แต่ยังไม่เปิดให้คนนอกขึ้นไปหรอกนะ”
เฉินเฟิงยิ้มบอก: “ขอโทษครับ ผมพูดไม่เคลียร์ พวกเราจะไปเขตที่พักอาศัยของยู่ฉวนซาน ไม่ใช่ เขตท่องเที่ยว”
ยู่ฉวนซานแบ่งออกเป็นสองเขต หนึ่งคือเขต ที่พักอาศัยที่เสิ่นหงชังเป็นคนเปิด อีกที่คือเขตการ ท่องเที่ยวที่ตระกูลเฉินเป็นคนเปิดตอนนี้
“เขตที่พักอาศัย?” คนขับรถลอบมองเฉินเฟิงก่อ นว่า: “พ่อหนุ่ม บ้านอยู่ที่นั่นหรอ?”
เขตที่พักอาศัยของยู่ฉวนซาน เป็นเขตที่พัก อาศัยที่หรูหราที่สุดของชางโจว ต่อให้เป็นห้องส่วน ตีนเขาที่ธรรมดาที่สุด แค่หนึ่งตารางเมตรเริ่มต้นก็ หนึ่งแสนแล้ว ซื้อบ้านที่นั่นได้มักเป็นระดับชนขั้น กลางของชางโจว มีทรัพย์สินอย่างน้อยๆเริ่มต้นก็สิบ ยี่สิบล้านแล้ว
เฉินเฟิงนี่ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่สามารถซื้อ บ้านที่นี่ได้เลย
เฉินเฟิงส่ายหน้าพลางว่า: “ไม่ใช่ แค่คิดจะไปดู บ้านที่นั่นน่ะ”
พอได้ยินเฉินเฟิงบอกว่าจะไปดูบ้าน คนขับรถเบ้ ปากบอก: “พ่อหนุ่ม บ้านที่ยู่ฉวนซานน่ะไม่เท่าไหร่ หรอก นอกจากแพงแล้ว ไม่ต่างอะไรกับบ้านชองชาง โจวเราหรอก”
“เธอมีเวลาไปดูบ้านที่ยู่ฉวนซาน สู้เอาเวลาไปดู บ้านอื่นดีกว่า นั่นน่ะถึงเป็นที่ที่ชาวบ้านธรรมดาอย่าง เราควรอยู่” คนขับรถพูดด้วยน้ำเสียงสั่งสอนเฉินเฟิ งกลายๆ ในสายตาเขา เฉินเฟิงทำตัวเวอร์ไป ทั้งๆที่ ซื้อบ้านที่ยู่ฉวนซานไม่ไหว ยังทำจะไปดูบ้าน เสีย เวลาชัดๆ
“ขอบคุณมากครับอา ผมจะไปดูนะ” เฉินเฟิงเอ่ย ปากเนิบๆ
เห็นเฉินเฟิงไม่สนใจ เขาส่ายหัว และขี้เกียจพูด กับเฉินเฟิง คนหนุ่มอย่างเฉินเฟิงต้องให้ชนกำแพง ซะหลายครั้ง โดนสังคมขัดเกลาหลายรอบ ถึงจะ ยอมรับความธรรมดาของตัวเอง
เสี้ยเมิ่งเหยาที่อยู่ข้างๆอดขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเฉินเฟิงมีปัญญาซื้อบ้านที่ยู่ฉวนซานได้แน่ แต่ว่าเขาซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย? ทำไมเธอถึง ไม่รู้เลย
หรือว่า….ครั้งก่อน?
เสี้ยเมิ่งเหยานึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งก่อนตอน เฉินเฟิงโดนหลินหลันไล่ออกจากบ้าน บอกจะพาเธอ ไปยู่ฉวนซาน ตอนนั้นเธอไม่เชื่อ คิดว่าเขาโม้
แต่ดูท่าตอนนี้ ครั้งที่แล้วเขาจะพูดจริง เขาซื้อ บ้านที่ยู่ฉวนซานนานมาแล้ว
เสี้ยเมิ่งเหยาเริ่มรู้สึกรอคอยที่จะได้เห็นบ้านใหม่ ที่เฉินเฟิงเตรียมไว้ให้เธอ
ไม่นานรถก็ขับมาถึงเขตขายบ้านเชิงเขายู่ฉวน
เขตพักอาศัยยู่ฉวนซานมีสามส่วน เชิงเขาเป็น เขตที่พักอาศัยธรรมดา
ราคาบ้านในเขตนี้คือตารางเมตรละหนึ่งแสน ที่กลางเขาเป็นเขตระดับสูง ทัศนียภาพสวยและการออกแบบก็ดี ดังนั้นราคาตารางเมตรละหนึ่งแสน ห้าหมื่น
ส่วนยอดเขาสูงที่สุดเป็นเขตคฤหาสน์ที่คนชาง โจวทั้งหมดได้ยินชื่อเสียง
ทั้งเขตมีแค่สิบคฤหาสน์
ไม่ต้องพูดเลยว่า คนที่อยู่ในสิบคฤหาสน์นี้จะ เป็นผู้ดีตระกูลชั้นสูงระดับแนวหน้าของชางโจวทั้ง นั้น
หลี่จุนเฉิงมั่งล่ะ เสิ่นหงชังที่รวยอันดับหนึ่งของ เมืองนั่นอีก ยังมีเจ้าตระกูลอันดับหนึ่งหลาย ตระกูล…
พูดได้เลยว่า เขตคฤหาสน์ยู่ฉวนซานเป็นแหล่ง รวมไฮโซของชางโจว
ส่วนราคาของเขตคฤหาสน์คือ ตารางเมตรละ ห้าแสน! นี่ยังขั้นต่ำนะ
คฤหาสน์ของเฉินเฟิง เฉินจงซื้อมาจากเสิ่นหง ซัง พูดว่าซื้อ จริงๆน่าจะเรียกว่าได้มาฟรีมากกว่า เพราะราคาที่เสิ่นหงซังขายให้เฉินจงคือ ตารางเมตร ละห้าหมื่น
คฤหาสน์พื้นที่พันตารางเมตร ราคาเดิมคือห้า ร้อยล้าน
แต่เพราะเฉินเฟิง คฤหาสน์หลังนี้เลยใช้เงินแค่ ห้าสิบล้านก็ซื้อมาได้แล้ว เหมือนลดไปเก้าสิบ เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
“พ่อหนุ่ม ถึงแล้ว”
พอถึงเขตขายบ้าน คนขับรถแท็กซี่ก็จอดลง และพยักพเยิดให้เฉินเฟิงลงจากรถ
เฉินเฟิงยิ้มเศร้าพลางว่า: “อาครับ ช่วยขับขึ้น
ไปยอดเขาทีนะครับ”
ที่นี่ห่างจากคฤหาสน์บนยอดเขามากโขอยู่ เขา ลงไปหารถเองได้ แต่เสี้ยเพิ่งเหยาได้รับบาดเจ็บ เคลื่อนไหวไม่สะดวก
“ไปยอดเขาทำไม?” คนขับรถอึ้งพลางว่า: “เรา บอกจะมาดูบ้านไม่ใช่หรอ? นี่ไงเขตขายบ้านน่ะ”
“พ่อหนุ่ม เราบอกจะมาดูบ้าน คงไม่ใช่หมายถึง เขตคฤหาสน์ยอดเขาหรอกนะ?” เขาเหมือนนึกอะไร ขึ้นมาได้ และเริ่มทำหน้าแปลกๆ
เฉินเฟิงพยักหน้า “ใช่ครับ กะว่าจะไปดูหน่อย”
“พ่อหนุ่ม นี่ล้อลุงเล่นหรอ?” คนขับรถเริ่มไม่ พอใจ “เขตคฤหาสน์ยอดเขาน่ะมันเป็นเขตส่วน บุคคล มีแต่คนที่อยู่บนนั้นเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้”
“รถแท็กซี่อย่างพวกเรา อย่าว่าแต่ขึ้นเขาเลย แค่กลางเขาก็ไปไม่ได้”
“แถมทั้งหมดนั่นก็มีแค่สิบคฤหาสน์ ขายหมด แล้วด้วย นายจะไปดูบ้านตรงไหนกันหะ?”
คนขับรถรู้สึกว่าเฉินเฟิงกำลังทำเรื่องยุ่ง ต่อให้ คฤหาสน์บนยอดเขายังขายไม่หมด อย่าง เฉินเฟิงเนี่ยนะจะซื้อไหวหรอ?
ราคาคฤหาสน์น่ะตารางเมตรละห้าแสน ไม่ใช่ ทั้งหลังห้าแสนนะ! พูดได้ว่า ขายเฉินเฟิงหมดแล้วยัง ซื้อหนึ่งตารางเมตรไม่ได้เลย
ปฏิกิริยาคนขับรถเป็นตามที่เฉินเฟิงคาดไว้ แต่ มาถึงเชิงเขาแล้ว เขาจะเดินขึ้นไปก็ไม่ได้ เลยได้แต่ พูดตามจริง
“คุณลุง ที่จริง …เมื่อก่อนผมเคยซื้อคฤหาสน์บน ยอดเขาไว้ ครั้งนี้มา คือมาดูคฤหาสน์หลังนั้นครับ” เฉินเฟิงยิ้มเศร้า ตอนแรกเขาคิดจะเซอร์ไพร์สเสี้ย เมิ่งเหยา แต่พอลุงคนขับรถคนนี้มาป่วน คงเซอร์ไพร์ สไม่ได้แล้ว
“พ่อหนุ่ม ทำไมไม่บอกว่าเขายู่ฉวนทั้งเขาเป็น ของเราเลยล่ะ?” ลุงคนขับรถแค่นยิ้ม เจ้านี่ยังกล้าโม้ นะ ยังไม่ต้องพูดถึงราคาบ้านของคฤหาสน์ยอดเขา เอาแค่ฐานะคนที่เข้าไปอยู่ได้ ใครบ้างไม่ใช่คนใหญ่ คนโตน่ะ
หลี่จุ้นเฉิน อี้ เสิ่น หงชาง.
เป็นคนระดับแนวหน้าของเมืองชางโจวทั้งนั้น เจ้าหนุ่มนี่ ? เป็นอะไรล่ะ!
เฉินเฟิงไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว ลุงคนขับรถพูด ตรงเผง ยู่ฉวนซานตอนนี้เป็นของเขาจริงๆ เพราะเขา ลงทุนไปตั้งห้าหมื่นล้าน
แต่เรื่องนี้พูดออกไป อย่าว่าแต่ลุงคนขับรถไม่ เชื่อเลย เสี้ยเมิ่งเหยาเองก็คงคิดว่าเขาฝันไปแน่
ที่จริงแล้ว ตอนนี้เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกสงสัยจริงๆว่า เฉินเฟิงพูดจริงแค่ไหน
เพราะชอบเรื่องราวของยู่ฉวนซาน ดังนั้นเสี้ยเมิ่ง เหยาเลยสนใจเขตคฤหาสน์ของยู่ฉวนซานมาก ตั้งแต่ตอนที่ยู่ฉวนซานพึ่งเริ่มสร้างใหม่ๆ คฤหาสน์ สิบหลังก็โดนกวาดซื้อหมดแล้ว ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ จักเฉินเฟิงเลย
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ