บทที่ 123 เรื่องในอดีต
“หวังเจียเมิง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่” เสี้ยเมิ่ง เหยามองไปที่หวังเจียเมิงด้วยสายตาเย็นชา จากนั้น หัวเราะเย้ยหยันตนเอง: “เมื่อก่อนฉันตาบอดเอง ถึงได้คบ คนอย่างแกเป็นเพื่อน หลังจากวันนี้ ระหว่างฉันกับแก ไม่มี อะไรเกี่ยวข้องกันอีก!
สีหน้าของหวังเจียเมิงเปลี่ยนไป แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร อีก
“เฉินเฟิง พวกเราไปกันเถอะ” เสี้ยเมิ่งเหยาพูดจบ ก็ดึงมือ เฉินเฟิงไป งานเลี้ยงรุ่นอะไรกัน หลังจากนี้เธอจะไม่มาอีก แล้ว คนพวกนี้ ไม่เห็นเธอเป็นเพื่อนเลยด้วยซ้ำ แม้แต่หวัง เจียเมิง คนที่เธอยอมรับว่าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว ครั้งนี้ เธอปวดใจมากแล้วจริงๆ
“เสี้ยเมิ่งเหยาหยุดเดี่ยวนี้! “เวลานี้ หลี่เสว่เดินมาอยู่ ตรงหน้าเสี้ยเมิ่งเหยาด้วยความโมโห จากนั้นพูดด้วยน้ำ เสียงที่ไม่ดี: “พี่เยว่สั่งให้แกไป เป็นการให้เกียรติแก แก อย่าไม่เจียมตัวหน่อยเลย”
เมื่อได้ฟังหวังเจียเมิงพูด หลี่เสว่ก็ดึงสติกลับมา ตู้จื่อเยว่ ให้เสี้ยเมิ่งเหยาไปนั้น ต้องเป็นเพราะอยากจะหาเรื่องเสี้ย เมิ่งเหยาอย่างแน่นอน ถ้าหากว่าเสี้ยเมิ่งเหยาหนีออกไป ตอนนี้ ก็จะเป็นการรอดพ้นจากเรื่องร้ายๆไปหนึ่งครั้ง และ ความแค้นของเธอกับเฉินเฟิงที่ทำร้ายเธอนั้น เธอก็จะไม่ ได้แก้แค้น
“ไสหัวไปให้หมด! “เสี้ยเมิ่งเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะ เยือก และไม่อยากจะเกรงใจหลี่เสว่าแล้ว
“เสี้ยเมิ่งเหยา ฉันขอเตือนแก ตอนนี้แกไม่ใช่นักเรียน แล้ว ตอนนั้นแกทำผิดต่อพี่เยว่ พวกอาจารย์ใน มหาวิทยาลัยสามารถปกป้องแกได้ แต่ตอนนี้ ไม่มีอาจารย์ คนไหนสามารถปกป้องแกได้แล้ว ถ้าครั้งนี้แกยังกล้าไม่ เชื่อฟัง ทำให้พี่เยว่เสียหน้า แกลองคิดดูสิ ว่าพี่เยว่จะทำยัง ไงกับแก?” หลี่เสว่กอดอก พูดด้วยเสียงเย็นยะเยือก ตอน นั้นสมัยอยู่ที่มหาวิทยาลัย คนรวยคนหนึ่งที่ตู้จื่อเยว่จีบ ชอบเสี้ยเพิ่งเหยา แล้วไปสารภาพกับเสี้ยเพิ่งเหยา แต่กลับ ถูกเธอปฏิเสธ
%3D
ตอนนั้นทำให้ตู้จื่อเยว่โมโหเป็นอย่างมาก เธอไปหาเสี้ย เมิ่งเหยาถึงที่หอ สั่งให้คนหลายคน ลากตัวเสี้ยเมิ่งเหยา ออกมาจากหอ โยนเธอลงไปในทะเลสาบจินโปของ มหาวิทยาลัย ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนสิบสองพอดี ถ้าไม่ใช่ เพราะอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมาช่วย เสี้ยเมิ่งเหยาต้อง แข็งตายในทะเลสาบอย่างแน่นอน
คล้ายว่าเรื่องจะเป็นแบบนั้น แต่หลังจากเสี้ยเมิ่งเหยาถูก ช่วยออกมาแล้วนั้น ก็เกือบจะถูกตู้จื่อเยว่ทำให้เสียโฉม ตั้งแต่นั้น ทุกครั้งที่เสี้ยเพิ่งเหยาเจอตู้จื่อเยว่ เธอก็จะหลบ เหมือนหนูหลบแมว เดินอ้อมไปอีกทาง
แต่ว่าตู้จื่อเยว่ กลับไม่ยอมคิดที่จะลามือกับเสี้ยเมิ่งเหยา
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปหาเรื่องเสี้ยเพิ่งเหยาจนเป็นเรื่องใหญ่
แต่มักจะหาเรื่องเธอด้วยปัญหาเล็กๆน้อยๆ ทุกสามวันสองวันก็จะมาหาเรื่องเธอ
สีหน้าของเสี้ยเพิ่งเหยาซีดขาวอีกครั้ง ตู้จื่อเยว่ในตอน นั้น ทิ้งความหวาดกลัวเป็นปมในใจขนาดใหญ่ของเธอ แม้แต่ตอนนี้ เธอก็ยังมักจะเก็บเอาไปฝันร้าย ฝันว่าตัวเอง จมน้ำตาย ไม่พูดไม่ได้จริงๆ ตู้จื่อเยว่กลายเป็นฝันร้ายใน ใจเธอ
“พี่เยว่ที่คุณพูดถึงคือใคร? เธอทำอะไรเมิ่งเหยา?” เมื่อ เห็นท่าทางหวาดกลัวของเสี้ยเพิ่งเหยา เฉินเฟิงขมวดคิ้ว เป็นปม เขาอยากจะรู้มาก ตู้จื่อเยว่คนนั้น ในตอนนั้นทำ อะไรกับเสี้ยเพิ่งเหยากันแน่ ถึงทำให้ทั้งๆที่เวลาผ่านไปสาม สี่ปีแล้ว แต่เสี้ยเพิ่งเหยายังคงกลัวเธอ
“ห์ พี่เยว่ของพวกฉันเป็นคนใหญ่คนโต ถ้าฉันพูดออกไป ไอ้สวะอย่างแกตกใจจนนี่ราดจะทำยังไง?” หลี่เสว่ยังคง พูดดูถูกด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่หยุด คำพูดนี้ของเธอท้า ทายเฉินเฟิง ดูท่าแล้วเสี้ยเมิ่งเหยาคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับ ตู้จื่อเยว่ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงลงมือกับเฉินเฟิง
“พูดมา! ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่ายัยนั่นเป็นใครมาจาก ไหน! “น้ำเสียงของเฉินเฟิงเย็นยะเยือก
“ได้ ไอ้สวะ แกตั้งใจฟังให้ดี พี่เยว่ของพวกฉัน ชื่อจริงว่า ตู้จื่อเยว่ เป็นคุณหนูตระกูลตู้ของจินหลิง! “สีหน้าของหลี่ เสว่ดูได้ใจอย่างยากที่จะเปรียบ คล้ายกับว่า เธอต่างหากที่ เป็นคุณหนูตระกูลตู้
“ตระกูลตู้?” เฉินเฟิงขมวดคิ้ว เหมือนเขาจะเคยได้ยินหลี่ ชวนพูดถึงตระกูลนี้ เป็นหนึ่งในเก้าตระกูลอันดับสองของจินหลิง มีอำนาจมากกว่าตระกูลไป่นิดหน่อย แต่สำหรับ เฉินเฟิงแล้ว ก็แค่มดที่ทำเป็นเก่งเท่านั้น
เมื่อเห็นเฉินเฟิงสงสัย สีหน้าของหลี่เสว่ก็ยิ่งได้ใจ: “ไอ้ คนบ้านนอก ไม่รู้จักตระกูลตู้ของจินหลิงใช่ไหม?”
ยังไม่รอให้เฉินเฟิงตอบคำถาม หลี่เสว่หัวเราะอย่างเย้ย หยัน จากนั้นพูดต่อ : “ก็จริง แกมันก็แค่คนบ้านนอกที่มา จากชางโจว จะไปรู้จัก ตระกูลที่ร่ำรวยอย่างตระกูลตู้ได้ ยังไง”
“พูดกับแกตามจริงนะ ตระกูลตู้ทำธุรกิจด้านบันเทิง ในจิ ะ นหลิงนั้น ตระกูลตู้เป็นผู้นำธุรกิจด้านบันเทิงอย่างเห็นชอบ บริษัทบันเทิงสิบกว่าบริษัทในจินหลิง ล้วนเป็นธุรกิจของ ตระกูลตู้ แกรู้จักหลิ่วยัน หวังจุ้นเซิง ดาราที่มีชื่อเสียงเหล่า นี้ ล้วนเป็นเด็กปั้นของตระกูลตู้
“แน่นอน ธุรกิจด้านบันเทิงที่ฉันพูดถึงนั้น เป็นแค่ธุรกิจ หนึ่งของตระกูลตู้เท่านั้น ตระกูลตู้ยังมีธุรกิจด้าน อสังหาริมทรัพย์และร้านอาหารอีกมากมาย แต่พูดเรื่อง พวกนี้กับคนบ้านนอกอย่างแก ก็ไม่ต่างอะไรกับสีซอให้ ควายฟัง”
สวีตงเหลียงยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร สิ่งที่หลี่เสว่พูดนั้น ล้วนถูกต้อง อำนาจของตระกูลตู้ เป็นสิ่งที่คนธรรมดายาก จะคิดถึง การที่ทุกวันนี้เขามาอยู่จุดนี้ได้ มีโรงงานผลิต เสื้อผ้าเป็นของตนเอง ไม่ได้เป็นเพราะว่าตัวเขามีความ สามารถมากมาย แต่เป็นเพราะตอนนั้นสมัยเรียน มหาวิทยาลัย เขาโชคดีได้กินข้าวกับตู้จื่อเยว่หลายมื้อและเข้าตาตู้จื่อเยว่
หลังจากเรียนจบ ได้รับการช่วยเหลือจากตู้จื่อเยว่ เขาจึง ได้มีสายธุรกิจเป็นของตัวเอง มีออเดอร์เสื้อผ้ามากมาย แล้วเดินมาจนถึงทุกวันนี้
ยิ่งมีเงิน เขาก็ยิ่งเข้าใจ ตระกูลตู้ที่เป็นภูมิหลังของตู้ จื่อเยว่นั้น มีอำนาจมากมายเท่าไหร่ พูดได้ว่า คนทั่วไปหาก ไม่มีดวง ไม่มีวันที่จะได้พบเจอกับคนที่อยู่ชนชั้นสูงอย่าง ตระกูลตู้
ตระกูลตู้ ในสังคมปัจจุบันนี้ เป็นชนชั้นที่มีอำนาจมาก!
“ผมไม่รู้ว่าตระกูลตู้ที่คุณพูดถึงมีอำนาจมากแค่ไหน ผม แค่อยากรู้ว่า คนที่ชื่อตู้จื่อเยว่ ตอนนั้นเธอทำอะไรกับเมิ่ง เหยา?” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ แม้แต่ตระกูลอันดับหนึ่งยัง ไม่อยู่ในสายตาเขา ดังนั้นอย่าได้พูดถึงตระกูลตู้
“แกจะฟังจริงๆหรอ?” หลี่เสว่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“พูด!
“ที่รัก เรื่องมันผ่านไปแล้ว คุณอย่าถามถึงมันอีกเลยได้ ไหมคะ….” เวลานี้ เสี้ยเมิ่งเหยาพูดขึ้นมากะทันหัน สีหน้า ของเธอเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
เฉินเฟิงส่ายหน้า: “ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องในอดีต เมิ่งเหยา ถ้าตอนนั้นตู้จื่อเยว่รังแกอะไรคุณเอาไว้ วันนี้ ผมจะให้เธอ ชดใช้ร้อยเท่า!
“ชุดใช้ร้อยเท่า? ฮ่าๆๆ! เฉินเฟิง แกทำให้ฉันตลกแทบ ตาย! แกพูดแบบนี้ไม่กลัวว่าจะพูดเกินจริงหรอ? คนบ้านนอกอย่างแก แค่พี่เยว่ของพวกฉันกระดิกนิ้ว ก็สามารถ ทำให้แกตายได้แล้ว พี่เยว่ไม่เอาเรื่องแก แกก็ควรกลับไป จุดธูปขอบคุณบรรพบุรุษของแก แต่แกยังอยากจะเรื่องพี่ เยว่อีก” หลี่เสว่หัวเราะเย้ยหยัน เฉินเฟิงนึกว่า การที่ตนเอง เลี้ยงข้าวมื้อหนึ่งในคฤหาสน์หัวฉี ก็สามารถมีปัญหากับ ตระกูลตู้ได้แล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่เห็นตระกูลตู้อยู่ในสายตา
“ผมถามคุณอีกครั้ง ตอนนั้นตู้จื่อเยว่ทำอะไรกับเมิ่งเหยา กันแน่?” น้ำเสียงของเฉินเฟิงเย็นยะเยือก เขากำลังจะ ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว
“ก็ไม่ได้ทำอะไร ภรรยาของแกไม่รู้จักเจียมตัวเอง มา ยั่วยวนแฟนของพี่เยว่ของพวกฉัน จากนั้นพี่เยว่ของพวก ฉัน ก็ลากภรรยาของแกออกมาจากหอ แล้วโยนลงไปใน ทะเลสาบจินโป จริงด้วย เป็นทะเลสาบจินโปในช่วงฤดู ะ ะ หนาว ถ้าไม่ใช่เพราะมีอาจารย์มายุ่ง ครั้งนั้นภรรยาของแก ก็คงแข็งตายแล้ว เฮ้อ….” พูดถึงตรงนี้ หลี่เสว่อดไม่ได้ที่จะ ถอนหายนใจ คล้ายว่ารู้สึกเสียใจ ที่ตอนนั้นเสี้ยเมิ่งเหยา ไม่ได้แข็งตาย
แต่สีหน้าของเฉินเฟิง ได้เขียวไปหมดแล้ว!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ