บทที่189 อย่าดูถูกตัวเอง
“คุณชายเฉิน ในนามของคุณ?” กู้ตงเซินไม่มีปฏิกิริยาตอบ สนองอยู่สักพักนึง ในนามของเขาที่เฉินเฟิงพูดออกมา ตกลง คือให้ใช้ในนามของลูกเขยที่แต่งเข้ามาของตระกูลเสี้ย หรือ ในนามของทายาทแห่งตระกูลเฉินกัน
สำหรับคำถามนี้ เฉินเฟิงเพียงแค่พูดเบาๆออกมา “ตระกูล เสีย”
“ครับคุณชายเฉิน ผมทราบแล้ว” กู้ตงเชินรีบพยักหน้าออก มาทันที ในเมื่อใช้ในนามของลูกเขยที่แต่งเข้ามาของตระกูล เสี้ย งั้นกระบวนการแจ้งออกไปก็จะไม่สามารถเผยฐานะกู้ตง เซินของเขาออกไปได้ไปโดยปริยาย จะต้องให้ตระกูลเย่คน พวกนั้นคิดว่าเป็นตัวเฉินเฟิงที่ได้เป็นผู้แจ้งไปด้วยตัวเอง
“อืม” เฉินเฟิงพยักหน้าออกมาเบาๆเพื่อเป็นการรับรู้ จากนั้น ก็กดวางสายไป แต่กลับหันไปพบว่าเสี้ยเมิ่งเหยากำลังมอง ตนมาด้วยสีหน้าซับซ้อน
“เป็นอะไรไป?” เฉินเฟิงเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยนออกไป อย่างไม่รู้ตัว
“เฉินเฟิง พรุ่งนี้ให้ฉันไปคุยกับพวกเขาก่อนดีมั้ย? ฉันอยาก ลองพยายามดู” ฟันขาวเรียงตัวสวยของเสี้ยเพิ่งเหยายิ้มหยี ออกมาบางๆ เธอได้มองออกแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เฉินเฟิง ทำลงไปในตอนนี้นั้น มันมีความหมายที่จะสื่อถึงการผลักดัน เธอไปสู่ฉากหน้า เห็นได้ชัดว่าเฉินเฟิงอยากให้เธอมีความ สามารถในการดูแลตัวเองได้ เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังนี้ เสี้ยเมิ่ง เหยาก็ไม่มีเวลาไปคิดถึงมันแล้ว สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้นั้นก็คือจะต้องไม่ทำให้เฉินเฟิง ผิดหวัง ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาโดยเร็วที่สุด สามารถออกไปเผชิญหน้าทำหน้าที่ของตัวเองด้วยคนเดียว ได้ ไม่ใช่เอาแต่ยืนหลบอยู่ข้างหลังรอรับการปกป้องจาก เฉินเฟิงอย่างนี้ไปตลอด การเจรจากับตระกูลเย่ในครั้งนี้ เป็น โอกาสในการฝึกฝนที่ดี
“ครับ งั้นพรุ่งนี้คุณก็มาคุยกับพวกเขาแล้วกัน” เฉินเฟิงยิ้ม ออกมาเล็กน้อย สิ่งที่เสี้ยเพิ่งเหยาคิดอยู่ภายในใจ เขาพอจะ คาดเดาได้อยู่บ้าง แน่นอนว่าเขาเองก็สนับสนุนเธอโดยไม่มี ข้อแม้ใดๆ เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นความตั้งใจเดิมของเขาอยู่ แล้ว
“เฉินเฟิง ขอบคุณนะคะเสี้ยเมิ่งเหยายิ้มออกมาเล็กน้อย อย่างโล่งอกโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเสียยังไง อย่างนั้น เดิมเธอนึกกังวลว่าเฉินเฟิงจะไม่ให้เธอเข้าร่วมการ เจรจาในครั้งนี้เพราะกลัวเธอจะได้รับบาดเจ็บขึ้นมา
“ขอบคุณผมทำไมครับ?” เฉินเฟิงอมยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งเอ่ยออกมาอีกว่า “เมิ่งเหยา การเจรจาวันพรุ่งนี้ ผมมี เรื่องอยากจะขอคุณอย่างนึง”
“ขออะไรคะ?” เสี้ยเมิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป
“อย่าดูถูกตัวเอง” เฉินเฟิงเอ่ยพูดออกมาด้วยความจริงจัง “จำไว้ว่าคุณเป็นผู้หญิงของผม ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนหรือเมื่อ ไหร่ ผมจะอยู่ด้านหลังคอยปกป้องคุณอยู่เสมอ เพียงมีผมอยู่ บนโลกนี้อีกสักวัน คุณก็จะไม่อาจได้รับความเสียใจจาก ความไม่เป็นธรรมแม้เพียงครึ่ง!”
“อืม ฉันจะพยายาม” เสี้ยเมิ่งเหยาพยักหน้าออกมาเบาๆ เวลาเดินมาถึงวันที่สองอย่างรวดเร็ว
เฉินเฟิงและเสี้ยเมิ่งเหยาเดินทางมายังวิลล่ากู่โย่วกันตั้งแต่ เช้า ที่นัดตระกูลเย่และทุกคนมาที่นี่ แน่นอนว่าเฉินเฟิงได้ ทำการคิดวางแผนมาเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากที่นี่เป็นถิ่นของ กู้ตงเซินนั่นเอง
ในวันนี้คนเหล่านี้ ถ้าพวกเขามอบโครงการพวกนั้นมาแต่ โดยดีมันก็ดีไป แต่ถ้าเล่นตุกติกขึ้นมา ก็สามารถเก็บกวาดได้ อย่างสะดวก
“คุณชายเฉิน คุณเสี้ย” กู้ตงเชินออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ด้านหลังก็ตามมาด้วยอาเหาและเหล่าพรรคพวกของตัวเอง อีกหลายคน
“ทุกคนมากันครบแล้วหรือยัง?” เฉินเฟิงเอ่ยถามเสียงเรียบ
กู้ตงเชินส่ายหน้าออกไป พร้อมทั้งเอ่ยออกไปว่า “คุณชาย เฉิน ยังมีพวกที่ไม่รู้จักกาลเทศะอีกหลายคนยังไม่มา แต่ผู้รับ ผิดชอบของตระกูลเย่และอสังหาริมทรัพย์ซานสุยอีกทั้ง อสังหาริมทรัพย์คังยูน ได้มาถึงกันแล้วครับ”
อืม” พยักหน้าออกไปเล็กน้อย สถานการณ์แบบนี้เขาได้ คาดการณ์เอาไว้แล้ว คนที่ไม่มาพวกนั้น กำลังทางด้านธุรกิจ ล้วนพอๆกับตระกูลเสี้ยทั้งนั้น ส่วนนึงก็คือไม่ต้องการไว้หน้า เขา อีกส่วนนึงก็คือหวั่นกลัวต่อตระกูลเสี้ยขึ้นมาเล็กน้อย ดัง
นั้นจึงตัดสินใจเลือกวิธีไม่สนใจตระกูลเสี้ยมาแสดงออกถึง
ความคิดเห็นต่อเรื่องนี้แทน
ส่วนคนของตระกูลเย่และอสังหาริมทรัพย์ซานสุย อสังหาริมทรัพย์คังยูน ที่กล้ามานั้น เพราะว่าพวกเขาต่างมี ความมั่นใจอยู่พอสมควร เดิมก็ไม่ได้กลัวตระกูลเสี้ยกันอยู่ แล้ว ที่มาก็เพื่อมาเที่ยวสนุกๆล้วนๆ พูดอีกอย่างนึงก็คือพวก เขาไม่ได้กังวลกันอยู่แล้วว่าตระกูลเสี้ยจะสามารถเอา โครงการพวกนั้นไปจากมือของพวกเขาได้
“เรียบเรียงรายชื่อคนที่ไม่ได้มาออกมา เดี่ยวค่อยกลับไป จัดการ” เฉินเฟิงสั่งออกไปอย่างนิ่งเรียบ ในเมื่อคนพวกนั้นไม่ ไว้หน้าเขา งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าคนพวกนั้นเหมือนกัน
“ครับ คุณชายเฉิน” กู้ตงเซินรู้สึกขลาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย รีบพยักหน้าออกไปโดยเร็ว
“อาเหา เดี๋ยวนายเข้าไปกับเมิ่งเหยา ปกป้องเมิ่งเหยาด้วย” เฉินเฟิงเบนสายตากลับไปทางอาเหาอีกครั้ง ถึงแม้ว่ารับปาก ว่าจะให้เสี้ยเมิ่งเหยาเข้าไปคุยกับตระกูลเย่และคนพวกนั้นไป แต่จะให้เขาไม่ทำอะไรเพื่อเป็นการรับประกันในความ ปลอดภัยเลยมันก็ไม่ได้
“คุณชายเฉิน แล้วคุณล่ะครับ?” อาเหารู้สึกแปลกใจ หรือ คุณชายเฉินจะไม่เข้าไปพร้อมกับคุณเสี้ยงั้นหรอ? เฉินเฟิงยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “ฉันจะ
อยู่ด้านนอก มีเรื่องอะไร ฉันจะรีบเข้าไปทันที”
“ครับ ผมต้องจะปกป้องคุณเสี้ยให้ดีครับ” อาเหาพยักหน้า เฉินเฟิงทำอย่างนี้ เฉินเฟิงจะต้องมีเหตุผลของตัวเองแน่ๆ เขา จึงไม่ได้มีคำถามอะไรออกไป
ในเวลานี้ ภายในห้องแห่งนั้นเย่หมิงเหวินและชายวัยกลาง คนที่อ้วนลงพุงทั้งสองคนได้เริ่มดื่มกินกันอย่างครึกครื้นขึ้น มา ส่วนสามคนที่อยู่ข้างๆ ก็ยังคลอเคลียอยู่กับผู้หญิงที่นุ่ง น้อยห่มน้อยที่มาปรนนิบัติรินไวน์ให้กับพวกเขา เรียกได้ว่า พวกเขาได้เสพสุขกันอย่างพระราชาเลยทีเดียว
ด้านนอกห้องแห่งนั้น มีบอดี้การ์ดร่างกำยำในชุดสีดำสวมหู ฟังสิบกว่าคนยืนแบ่งเป็นสองแถว ท่าทางฮีกเหิมอย่างมาก
“ผู้จัดการเย่ ทำไมไอ้เศษสวะคนนั้นยังไม่มาอีก?” ภายใน ห้องแห่งนั้น มีชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างอวบอ้วนเบื่อหน่าย ขึ้นมาจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา ชื่อของเขาก็คือคังไห่โป เป็นผู้รับผิดชอบของอสังหาริมทรัพย์คังยูน อสังหาริมทรัพย์ คั้งยูนในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ ที่สุดแห่งเมืองชางโจว บวกกับมีตระกูลคังตระกูลลำดับสอง คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง อำนาจทางการเงินแข็งแกร่งสุดๆ ขนาดของบริษัทก็มีมูลค่าเกือบห้าพันล้านเลยทีเดียว
ในฐานะผู้จัดการฝ่ายโครงการของอสังหาริมทรัพย์ซานสุย ตัวคังไห่โปนั้นเองก็มีรายได้ต่อปีทะลุสิบล้าน เดิมเขาไม่ได้ คิดที่จะสนใจเสียงร้องโวยวายของเฉินเฟิง แต่หลังจากที่ ได้ยินว่าเฉินเฟิงมีภรรยาที่สวยเสียยิ่งกว่าเทพเซียน เขาก็ได้ เปลี่ยนความคิดไปในทันที โดยปกติเขานั้นชอบเล่นหญิงสาว ไร้เดียงสาที่แต่งงานตั้งแต่ยังสาวเป็นที่สุด ดังนั้นโอกาสอย่าง นี้ ไม่อาจพลาดไปได้อย่างแน่นอน
เย่หมิงเหวินจิบไวน์แดงไปคำนึง เอ่ยพูดเอื่อยๆออกไป “รีบ ร้อนไปทำไม? คนที่ควรมาไม่ช้าไม่นานก็มาแน่ อีกอย่าง ถ้า ไอ้เศษสวะนั่นไม่มา ไม่ใช่ว่ามันก็สมใจนายแล้วไม่ใช่หรอ โครงการพวกนั้นที่นายซื้อไป ก็ไม่ต้องคืนกลับไปแล้ว”
“แหะๆ ผู้จัดการเย่ คุณนี่ช่างมีอารมณ์ขันเสี นั้นแล้วให้เอาโครงการพวกนั้นคืนกลับไป ที่ผมมาก็เพราะ ภรรยาของไอ้เศษสวะคนนั้นล้วนๆ”
“คุณก็หมายตาภรรยาของไอ้เศษสวะคนนั้นเหมือนกัน?” เย่หมิงเหวินยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป แต่ก็มีชายวัยกลาง คนอีกคนที่สวมแว่นตากรอบทองเอ่ยออกมาด้วยท่าทางที่ ประหลาดใจขึ้นมาเสียก่อน
“หวังฉีซานคุณพูดมาอย่างนี้หมายความว่ายังไงครับ? อะไร กัน หรือว่าเด็กหนุ่มอย่างคุณ ก็อยากเป็นมือที่สามกับเขา ด้วย?” คังไห่โปมีสีหน้าไม่ดีนักออกมา ชายที่สวมแว่นกรอบสี ทองที่มีชื่อว่าหวังฉีซาน ซึ่งเป็นผู้จัดการใหญ่ของ อสังหาริมทรัพย์ซานสุย อสังหาริมทรัพย์คังยูนและ อสังหาริมทรัพย์ชานสุยนั้นปกติก็ไม่ได้ถูกกับ อสังหาริมทรัพย์ซานสุยนัก ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขา กับหวังฉีซานนั้นก็เลยไม่ได้ถึงไหนเลย
“ทำไม คุณมีปัญหา?” หวังฉีซานยกยิ้มเย็น แต่ก็ไม่ได้ ปฏิเสธออกไป เขาไม่เหมือนสั่งไห่โป เพราะเขาเคยเห็นหน้า ค่าตาเสี้ยเมิ่งเหยาจากที่ไกลๆมาก่อน หลังจากครั้งนั้น เขาได้ หลงใหลเสี้ยเมิ่งเหยาจนถอนตัวไม่ขึ้น จากนั้นก็พยายามคิด วางแผนเพื่อทำการเข้าหาเสี้ยเมิ่งเหยามาโดยตลอด แต่กลับ ไม่เคยมีอะไรคืบหน้าเลย จวบจนโอกาสที่เสี้ยห้าวมอบให้มา ในครั้งนี้ ที่ได้ให้เขามีโอกาสรับซื้อโครงการที่ยู่ฉวนซานนี้เอา ไว้ได้
“เฮอะ ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็แค่กลัวว่ายายแก่ที่บ้านของ คุณคนนั้นจะมีปัญหานี่สิ” คังไห่โปแค่นเสียงเย็นออกมา ที่ บ้านของหวังฉีซานมีนางเสืออยู่คนนึง นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนล้วน ทราบกันดีว่ากันว่านางเสือผู้นั้นสนิทกันกับตระกูลอันดับหนึ่ง อย่างตระกูลหลี่ ถ้าหวังฉีซานกล้านอกใจออกหากินข้างนอก นางเสือที่บ้านผู้นั้นก็คงไม่ปล่อยหวังฉีซานไปแน่
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ