ลูกเขยมังกร

บทที่ 914 เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น



บทที่ 914 เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

ชายที่ชื่อว่าไปเฉิงหลินพยักหน้ารับ : “ครับ เรื่องนี้ปล่อยให้

เป็นหน้าที่ของผมเอง

แล้วสำหรับเรื่องการตัดสินใจจัดการกับหมาป่าทะเลทราย สิ้นสุดลงเท่านี้ แต่ยังมีข้อวิพากษ์หลายอย่างที่จะเป็นต้อง ไตร่ตรองอย่างละเอียด อย่างเช่นว่าจะเลือกตระกูลใดเข้าร่วม ติดต่อด้วยรูปแบบใด และจะทำอย่างไรถึงจะทำให้อีกฝ่ายไม่ ทำให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้อง ระมัดระวังอย่างมาก เพราะหากวางหมากพลาดไปเพียงตัวเดียว ทั้งกระดานนั้นอาจจะล่มก็เป็นได้

และเหตุผลเหล่านี้พวกเขาทุกคนล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี หลังจากที่พูดคุยกันอยู่อย่างนั้น ก็ไม่ทันได้รู้ตัวเวลาว่าผ่านไป นานมากแล้ว

จนเฉินเฟิงรู้สึกว่าเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะเรื่องหลังจาก นี้คงต้องรอให้เริ่มดำเนินการแล้วถึงค่อยเพิ่มเติมรายละเอียด บางอย่างเสริมเข้าไป

และชาต้าหงเผาถ้วยนั้นของเขาก็ได้มีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ใน ระหว่างการสนทนา จนกระทั่งเฉินเฟิงยกถ้วยชานั้นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะดื่มจนหมด แล้วเขาจึงลุกขึ้นยืนพลางหันไปพูดกับคน ตระกูลทำความเข้าใจ : “วันนี้พอเท่านี้ก่อนแล้วกันครับ รอให้ ถึงเวลาเริ่มดำเนินแผนการ ผมจะติดต่อไปหายันเจียงอีกทีดูว่ามีจุดไหนที่เขาพอจะช่วยเหลือได้บ้าง

พวกเขาตระกูลไปิ้ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวคำขอบคุณ: “อย่าง นั้นคงต้องขอบคุณคุณชายเฉินแล้ว ถ้าหากว่าได้การช่วยเหลือ จากคุณชายเฉิน ทะเลทรายแห่งนี้ก็คงจะมีโอกาสมากขึ้น

เฉินเฟิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นเพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้น

เมื่อกลับมาถึงหุบเขา เฉินเฟิงก็โทรศัพท์ติดต่อไปยังยันเจียง

“ผมอยากจะลงมือจัดการกับหมาป่าฝูงหนึ่งในทะเลทราย คุณ พอจะมีวิธีการจัดการอย่างไรบ้าง ? ” เฉินเฟิงถามออกไปอย่าง ไม่อ้อมค้อม

แต่เสียงปลายสายกลับตอบด้วยน้ำเสียงที่ลังเล

“คุณชายเฉิน ดีที่สุดคืออย่าทำเรื่องนี้เลย”

เมื่อว่าตามความเข้าใจของเฉินเฟิงที่มีต่ออีกฝ่ายนั้น ตัวเขารู้ ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะลงมือจัดการ แต่เขาก็ไม่น่าจะปฏิเสธออก มาโดยตรงแบบนี้ และสิ่งที่ทำให้เฉินเฟิงรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่า อย่างมีเรื่องบางอย่างที่ตัวเขานั้นยังไม่รู้อีกใช่หรือไม่

เขาถามกลับด้วยเสียงที่เรียบเฉย : “เพราะอะไร? ”

“เท่าที่เราหมาป่าฝูงนั้นคงจะหมายถึงฝูงหมาป่าทะเลทรายใน ทะเลทรายนั้นสินะครับ ! ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าทำไมคุณชายเงินถึง อยากจะจัดการกับหมาป่าทะเลทราย แต่ผมคิดว่าคุณชายเฉิน คงจะยังไม่เคยทำความเข้าใจพวกเขาอย่างละเอียดเลย ”
“ใช่พวกเขา” เฉินเฟิงตอบกลับ “ถึงอย่างนั้น ในเมื่อผมคิดที่จะ ต่อกรกับพวกเขา แน่นอนว่าผมนั้นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับ พวกเขา แต่ฟังจากที่คุณพูดแล้ว พวกเขายังมีความลับอื่นอีกนั้น หรอ ? ”

แล้วเสียงจากปลายสายก็หัวเราะออกมาเบาๆ : “คุณชาย เฉิน เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดเอาไว้หรอกนะครับ”

“อ๋อ? ”

“หมาป่าทะเลทรายหากเป็นเพียงแค่หมาป่าทะเลทรายคน เดียว ก็คงไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรขนาดนั้น แต่ว่าคุณชายเฉิน คุณรู้สาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นตระกูลใหญ่อันดับสองในทะเล ทรายแห่งนี้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ นี้หรือเปล่า ?

“นั่นไม่ใช่เพราะว่ารูปแบบในการกระทำของพวกเขาหรอก หรอ? ความโหดเหี้ยมที่ไม่เกรงกลัวความตายแบบนั้น ผมคิดว่า คงไม่มีตระกูลไหนกล้าที่จะเผชิญหน้าต่อต้านพวกเขาแน่นอน เฉินเฟิงไตร่ตรองก่อนจะพูดการคาดเดาของตัวเองออกมา

แต่ปลายสายนั้นกลับแย้งกลับทันที “นั่นเป็นเพียงแค่ สาเหตุหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่ไม่สามารถทำให้พวกเขาสามารถ เติบโตด้วยความรวดเร็วขนาดนั้นได้ เหมือนกับหมาป่าทะเล ทรายจริงๆนั่นแหละครับ ถึงจะอยู่ในพื้นที่ทะเลทรายอัน ทุรกันดารแบบนั้นแต่ก็ไม่เคยมีความขาดแคลนเลย จนเวลา หลายปีผ่านไปก็มีเพียงแค่หมาป่าทะเลทรายเท่านั้นที่ออกมา จากทะเลทรายจริงๆ
นั่นยิ่งทำให้เฉินเฟิงสงสัยมากขึ้น เขาจึงถามอีกครั้ง เป็นเพราะว่าอะไร? ”

“นั่น

“คุณชายเฉิน คุณเคยคิดหรือเปล่าว่ามีคนกำลังจัดฉากสร้าง เรื่องในทะเลทรายอยู่

“จัดฉาก? ” เฉินเพิ่งคิด “ใช้หมาป่าทะเลทรายในการจัด ฉาก อย่างนั้นต้องมีกำลังอำนาจมากขนาดไหนเชียวถึงจะ สามารถจัดฉากสร้างเรื่องได้ใหญ่โตแบบนี้ ? นี่เป็นการปล่อย ข่าวเขย่าขวัญคนอื่นเกินไปแล้วมั้ง

เขาคนนั้นหัวเราะ “แต่คุณชายเฉิน ผมกลับได้รับข่าวมา แล้วว่าเบื้องหลังนั้นมีคนต้องการใช้หมาป่าทะเลทรายมาต่อกร กับตระกูลเชียนหน่ะสิ ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง เขานั้นเป็นใครกันแน่ แต่พวกเขาจะต้องเป็นตระกูลใดตระกูล หนึ่งในยันเจียงแน่นอน ”

เฉินเฟิงถึงกับตะลึงงัน เขาไม่กล้าที่จะเชื่อเรื่องแบบนี้เลย

ทางด้านเสี่ยวเที่ยืนอยู่ในห้องรับแขกก็แอบมองดูเฉินเฟิงที่ กำลังเดินเข้ามาจากด้านนอกราวกับว่ากำลังมีเรื่องบางอย่าง

เมื่อรู้ว่าเบื้องลึกของหมาป่าทะเลทรายนั้นยังมีบางอย่างซ่อน อยู่ เฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยังคิดขึ้นมา จากนั้นเขาจึงวางสายไป ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

แต่เมื่อเขาได้เห็นเสี่ยวเย่ เขาก็ถามไปด้วยความแปลกใจ “มีอะไรหรือเปล่า?
เสี่ยวเยตอบกลับด้วยความกังวลใจ : “คุณชายเฉิน ได้เวลา ทานอาหารแล้วค่ะ”

เงินเฟิงพยักหน้าก่อนจะเดินจากโถงทางเดินเข้ามาด้านใน

เสี่ยวเยได้จัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะตั้งนานแล้ว ดังนั้น เฉินเฟิงเพียงแค่เดินไปยังโต๊ะอาหาร แล้วหยิบเอาถ้วยข้าวที่ เสี่ยวเย่ได้ตักเอาไว้ขึ้นมา

“เสี่ยวเย่ กับข้าววันนี้ดูเหมือนจะไม่อร่อยเหมือนกับของเมื่อ วานเลยนะ ! ”

เสี่ยวเยมองไปยังอาหารที่อยู่บนโต๊ะพร้อมกล่าวตอบด้วย ความโกรธเคือง : “เป็นเพราะว่าคุณชายเฉินนั้นจี้จี้จุกจิกเกินไป ต่างหากล่ะค่ะ ฉันอุตส่าห์นำเอาอาหารชั้นเลิศที่ฉันถนัดที่สุดออก มาทำจนหมดแล้ว แล้วแบบนั้นจะให้มันอร่อยเหมือนกันทุกวันได้ ยังไงกันคะ บางทีก็ต้องลองทานอาหารบ้านๆ ดูบ้าง ”

เฉินเฟิงยิ้มตอบ: “อ๋อ คุณโทษผมแล้วงั้นสิ ผมเป็นถึงเจ้า นายของคุณเชียวนะ อันดับแรกเลยคือคุณควรจะคิดพิจารณาตัว เองว่าทําได้ดีแล้วหรือยังถึงจะถูก

แต่เพราะการได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเฉินเฟิงมาเป็นระยะเวลาที่ ค่อนข้างนาน เสี่ยวเย่จึงรู้ถึงนิสัยของเฉินเฟิงดี และเมื่อมองดูสีห น้าเฉินเฟิงปรากฏรอยยิ้มแล้วเธอก็มีความสุขอีกครั้ง ก่อนที่จะ กลอกตาใส่เฉินเฟิงอย่างไม่เกรงใจ พร้อมกับตอบกลับอย่างขอ ไปที่: “ค่ะ เสี่ยวเย่เข้าใจแล้วค่ะ เสี่ยวเย่จะไปคิดทบทวนตัวเอง ครั้งต่อไปจะจัดเตรียมอาหารชุดใหญ่ให้กับคุณชายเฉินเลยค่ะ ”
เมื่อพูดจบเธอก็นั่งลงอีกฝั่งก่อนจะทานอาหารพร้อมกัน

เฉินเฟิงที่รู้ตัวไม่สามารถหลอกให้เธอตกใจได้อีกแล้ว จึงรู้สึก หมดความสนุก จากนั้นก็กลับมาย้อนคิดถึงเรื่องของหมาป่าทะเล ทรายอีกครั้ง

หลายวันผ่านไป เฉินเฟิงยังคงเอาแต่ครุ่นคิดว่าควรจะบอก เรื่องเบื้องหลังของหมาป่าทะเลทรายออกไปหรือไม่ แต่ในขณะที่ เขากำลังลังเลใจอยู่นั้น ไปซึ่งก็กลับมาหาเงินเฟิงอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังนั่งกินผลไม้อยู่ใต้ต้นไม้ไปซึ่งจึงเดิน ตรงเข้าไปหาทันที

เขาดูเหมือนมีความสุขอย่างมาก คงจะเป็นเพราะว่าแผนการ ก่อนหน้าน่าจะมีความคืบหน้าขึ้นมาแล้ว

“ถ้าหากไม่รู้ว่าคุณเคยแต่งงานมาแล้ว ผมคงจะคิดว่าคุณ

กำลังเตรียมตัวจะเป็นเจ้าบ่าวแล้ว ” เฉินเฟิงพูดหยอกล้อขึ้นมา

ไปชิงชะงักอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยเข้าใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้านั้น ยังคงไม่ลดลงไปเลย : “ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ แถมยัง เป็นเรื่องน่ายินดีมากๆเลยด้วย ”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? อย่าบอกนะว่าพวกคุณได้เจรจากับตระกูล หนึ่งได้แล้ว?

ไปซึ่งมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ “คุณชาย เฉิน คุณรู้ได้ยังไงกัน มีคนมาแจ้งข่าวกับคุณล่วงหน้าแล้วนั้น หรอ ? ”
เฉินเพิ่งหยิบเอาแอปเปิ้ลลูกหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาโยนใส่มือ ของไปชิง : “เรื่องแค่นี้ยังต้องให้คนอื่นบอกอีกงั้นหรอ แค่ดู จากท่าทางของคุณก็พอจะรู้แล้วล่ะ พูดมาเถอะ สรุปแล้วเกิดอะไร ขึ้นกันแน่ ? ”

ไปชิงรับแอปเปิลลูกนั้นไว้พร้อมกับกัดกินเข้าไปคำหนึ่งก่อนจะ ตอบกลับด้วยเสียงที่อู๋ : “สำเร็จแล้ว เมื่อวานนี้สำเร็จแล้ว

เขากลืนเนื้อแอปเปิลลงคอ แต่เงินเฟิงกลับตอบด้วยเสียงที่ไม่ สบอารมณ์ : “อะไรสำเร็จแล้วล่ะ คุณพูดแบบนี้ใครจะไปเข้าใจ กัน ”

ไปชิงนั่งลงข้างๆ เฉินเฟิงก่อนจะพูดอย่างช้า : “คุณชายเฉิน วันนั้นพวกเราตกลงกันว่าจะต้องติดต่อไปยังตระกูลที่ได้รับการ ข่มเหงจากหมาป่าทะเลทรายใช่หรือเปล่า ? ”

เฉินเฟิงพยักหน้า “พวกคุณติดต่อได้แล้ว? ”

ไปยังยิ้มรับ “ยิ่งกว่าติดต่อได้แล้วเสียอีก ในตอนนั้นพวก เราแค่บอกใบ้บางอย่างกับตระกูลโจวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวก เขาก็ดูจะร้อนรนมากกว่าพวกเราเสียอีก ทั้งยังบอกกับพวกเรา อีกว่าขอเพียงพวกเรายอมลงมือต่อกรกับหมาป่าทะเลทราย พวกเขาก็พร้อมที่จะสนับสนุนเราอย่างเต็มกำลัง จะให้ทำอะไร พวกเขาก็ยอมทั้งนั้น

เฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ดูท่าแล้วหมาป่าทะเลทราย จะสร้างเรื่องน่าโกรธเคือง ในทะเลทรายแห่งนี้มานานมากแล้ว

แต่เขายังคงสับสนว่าควรจะบอกเรื่องเกี่ยวกับอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของหมาป่าทะเลทรายกับไปซึ่งตีหรือไม่

และหลังจากที่ไปซึ่งกินแอปเปิลจนหมด เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินเฟิงที่ดูเหมือนจะไม่ได้ดีใจกับเรื่องนี้เลย

“คุณชายเฉิน มีปัญหาอะไรอื่นงั้นหรอ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ