ลูกเขยมังกร

บทที่ 868 มีคนคิดจะขัดขวาง



บทที่ 868 มีคนคิดจะขัดขวาง

เฉินเฟิงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นอีกครั้งหนึ่งว่า “ต่อให้แก สามารถพาเธอออกไปได้ แต่ว่าแกเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่า ตระ กูลเซียน ตระกูลอู๋ พวกเขาจะยอมปล่อยพวกแกไปเหรอ? ต่อให้ เป็นสุดหล้าฟ้าเขียว พวกเขาก็จะต้องพาตัวพวกแกกลับมาให้จง ได้ แกคิดว่าด้วยอำนาจอิทธิพลของพวกเขาแล้ว พวกแกจะหนี ไปหลบที่ไหนได้มั่งล่ะ? หนีเข้าไปอยู่ในป่าในถ้ำเป็นชาวป่าชาว เขาเหรอไง?”

ในที่สุดคำพูดของเฉินเฟิงก็ทำให้เขียนหนึ่งโกรธจัด เขามอง ไปยังเฉินเฟิงอย่างไม่พอใจ แล้วพูดว่า “ก็แกเป็นคนที่ให้ฉันอย่า เห็นแก่ตัว ให้ฉันลุกฮือขึ้นมาเพื่อปกป้องคนสำคัญของตัวเอง แต่ ว่าตอนนี้กลับบอกฉันว่านี่มันเป็นไปไม่ได้ หรือว่าแกกำลังปั่นหัว ฉันเล่นอยู่เหรอไง?”

ดวงตาทั้งคู่ของเขากลมโต ราวกับสามารถพ่นไฟออกมาได้ แต่ก็คงยังพอมีสติอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงลงมือกับเฉินเฟิง ไปแล้ว

เฉินเฟิงก็ไม่อยากจะลงมือกับเขาที่นี่เช่นกัน หากเกิดความ วุ่นวายขึ้นมา เรื่องนี้ตระกูลเชียนก็จะมาถือโทษโกรธแค้นเขา ด้วย

เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ฉันเพียงแต่พูดถึง เงื่อนไขที่ไม่ดีออกมา มีเรื่องอะไรก็ต้องคิดวางแผนให้ดีๆ ต้องคิดดูให้รอบคอบก่อน รอให้วางแผนเรียบร้อยแล้วค่อยลงมือ ยังไม่สายเลย”

“ไม่ได้ ตอนนี้ฉันรอไม่ไหวอีกแล้ว ความอดทนของฉันมันนาน มากเกินไปแล้ว เธอต้องแบกรับความทุกข์ทรมานมาโดยตลอด ฉันสามารถรับรู้ได้ ฉันอยากจะพาเธอหนีไป ฉันอยากให้อิสระแก่ เธอ”

นึกไม่ถึงว่าเซียนหนิงจะปฏิเสธเฉินเฟิงเช่นนี้

“งั้นแกก็ไปทําเลยสิ ฉันจะไม่ห้ามแกอีกแล้ว รอให้แกกับเธอ ต้องตายอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็อาจจะต้องถูกกักขังไปชั่วชีวิต อีกทั้งยัง ต้องมองดูอีกฝ่ายหนึ่งทนทุกข์ลำบากมากกว่าเดิม ถึงเวลานั้น แกจะนึกเสียใจกับการกระทำที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็คงสายเกินไป แล้ว”

เฉินเฟิงพูดด้วยความโมโห คิดอยากจะพูดดีๆด้วยแล้ว แต่ว่า เขียนหนึ่งดูเหมือนฟังอะไรไม่เข้าหูแล้ว

แต่นี่กลับทำให้เขียนหนิงรู้สึกสงบเยือกเย็นลงบ้างแล้ว เขารู้ ว่าคำพูดของเฉินเฟิงมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเรื่องจริง ความเจ็บปวดที่ตกตะกอนอยู่ภายใต้ก้นบึ้งของหัวใจนั้น มันช่าง ห่างไกลกับความเป็นจริงเสียเหลือเกิน

เขากำหมัดไว้แน่น ขบกัดฟันไว้แน่น กล้ามเนื้อบนใบหน้า เกร็งแน่นขึ้น ภายในร่างกายคล้ายกับมีพลังบางอย่างที่รอการ ปลดปล่อยออกมา แต่ไม่รู้ว่าจะระบายออกมาทางไหนดี

เฉินเฟิงก็รู้สึกเห็นใจในความเจ็บปวดของเขา คิดแล้วก็พูดว่า“นั่งลงก่อนนะ งานนี้ฉันก็จะทุ่มสุดตัวช่วยเลย มันก็แค่พาคนคน หนึ่งหนีไปเท่านั้นเอง เรื่องนี้ฉันพอมีประสบการณ์บ้าง ไม่แน่พวก เราอาจจะคิดแผนการที่ดีออกมาก็ได้นะ

เมื่อถูกเฉินเฟิงฉุดลากกลับมา เซียนหนิงก็ได้แต่กลับมานั่งที่ เติมของตัวเอง

“ขั้นแรก พวกเราจําเป็นจะต้องรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แล้วจะมีคน คอยเฝ้าดูอยู่เท่าไหร่ ขั้นต่อมาก็คือเส้นทางหลบหนีที่ต้อง วางแผน……….

เมื่อถึงเวลาตอนบ่าย ก็มีแขกเหรื่อทยอยกันเข้ามาร่วมงาน แต่ก็เพียงแค่แขกรับเชิญของตระกูลเล็กๆเท่านั้น พวกตระกูล ใหญ่คงไม่ถึงกับต้องมาแต่หัววันเช่นนี้

แต่ภายในงานเลี้ยงของตระกูลเซียนตอนนี้ก็แลดูคึกคักขึ้นมา ไม่ช้าไม่นานนักแขกผู้เข้าร่วมงานต่างก็ได้พบเจอกับเพื่อนฝูงใน งานเลี้ยง ต่างก็ทักทายล้อมวงพูดคุยด้วยกัน เพื่อรอเวลาเริ่มงาน หมั้น ในค่ำคืนนี้

เมื่อถึงเวลากลางคืนประมาณหนึ่งทุ่ม ทุกสิ่งทุกอย่างก็แทบจะ เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว คนใหญ่คนโตพวกตระกูลใหญ่นั้น ต่างเริ่มทยอยปรากฏตัวออกมาให้เห็นกันแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตก เฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งใน เมืองหลวง ตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลนั้น หัวหน้าครอบครัวต่างก็ มาร่วมงานด้วยตัวเองหรือไม่ก็ส่งลูกชายคนโตของตระกูลเป็นตัวแทนมาร่วมงานด้วย

นอกจากตระกูลสูงศักดิ์พวกนี้แล้ว พวกธุรกิจใหญ่โต หรือไม่ผู้หลักผู้ใหญ่จากทางการรัฐบาล เพียงแต่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเซียนในแถบทางตะวันตก เฉียงใต้แล้ว ตระกูลเซียนมีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน

สำหรับคนนอกจากแล้ว ก็มีอีกมากมายนับไม่แนะนำมาก

ไม่เพียงแต่เท่าคนเป็นเด่นที่สุดภายในงานเลี้ยงย่อม ต้องเป็นตระกูลเซียนกับตระกูลอย่างแน่นอน ถึงเวลาเย็น เจ้าบ่าวตระกูล คนนั้นก็ปรากฏตัว

อายุประมาณราวสิบหน้าตาหล่อเหลาเอาการ รูปร่าง แข็งแรงบึกบึน ส่วนใหญ่คุณชายตระกูลผู้ศักดิ์ทั้งหลายมัก จะวรยุทธ์ทั้งนั้น รูปร่างไม่ผอมบางเกินไป

แต่งกายชุดคลาย อีกทั้งพูดคุยเป็นกันเอง ท่าทางสัมมาคารวะ มารยาทต่อทำให้ผู้พบเห็นต่างก็รู้สึกชื่นชอบ

ผ่านไม่นัก สามารถตอบรับคำทักทายมาร่วมงานจำนวนมาก

เฉินเฟิงอยู่อีกหนึ่งได้เข้าเขาเพียงแต่ยืนสังเกตดู อยู่ที่นั่น ส่วนเซียนหนิงไม่รู้หายไปไหนแล้ว
ตอนนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่กำลังครึกครื้น แต่ว่าจะต้องมี เรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เงินเฟิงก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงต้องไปช่วยเหลือเขียนหนิง น เป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย อีกทั้งอาจจะน่ากลัว กว่าความตายเสียอีก สร้างความขัดแย้งกับตระกูลเซียนและตระ กูล พร้อมกันทีเดียว เขาคงไม่คิดว่าจะอาศัยกำลังอิทธิพลของ ตัวเองพวกนั้นช่วยทําอะไรได้

กำลังจิบเครื่องดื่มที่รับมาจากบริกรอยู่นั้น ก็มีคนเดินเข้ามา หาเขา

“คุณชายเฉิน นึกไม่ถึงเลยว่าจะพบคุณที่นี่”

เฉินเฟิงได้ยินเสียงรู้สึกคุ้นหูมาก หันหน้ากลับไปมอง ก็ยิ่งรู้สึก คุ้นเคยมากขึ้น

คุณปู่ของหลี่จื่อเยว่ หลังจหมาป่าทะเลทรายคนนั้น ซึ่งเป็นคน ที่เฉินเฟิงไม่อยากจะพบเจอมากที่สุดคนหนึ่ง

วันนี้เขาแต่งตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยชุดแบบจีนโบราณที่ ทำให้เขาแลดูมีสง่าราศีขึ้นมาก เพียงแต่ไม้เท้าหัวมังกรนั้นไม่ เคยห่างกายเลย พกพาติดตัวมาด้วยเช่นเดิม

เฉินเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งยิ้มให้แล้วพูดว่า “มีวา สนาจริงๆเลยนะ ผมก็นึกไม่ถึงว่าจะมาพบคุณท่านที่นี่เหมือนกัน เพียงแต่จากกันไปก็ครึ่งเดือนกว่าแล้ว ไม่ทราบว่าร่างกายท่าน สบายดีไหม?”
หล่อจือก็ยิ้มอย่างจืดชืดแล้วพูดว่า “พึ่งบุญบารมีของคุณ ชายเฉิน ร่างกายก็ยังสมบูรณ์แข็งแรงดีอยู่ เพียงแต่ว่าได้ฝาก เยว่เอ๋อ ให้คุณช่วยดูแลมาเป็นเวลานานขนาดนั้น กลับยังไม่ได้ ขอบคุณคุณชายเลย ถ้าคุณชายเฉินมีเวลาว่าง ก็แวะมานั่งที่บ้าน บ้างนะ”

เฉินเฟิงมองไปยังรอยยิ้มบนหน้าหลี่ชื่อถือที่เต็มไปด้วยรอย เหี่ยวย่น คิดในใจว่าสุนัขจิ้งจอกเฒ่านี้คงยังคิดแค้นอยู่ในใจ ดู เหมือนว่าคงจะจบไม่สวยสักเท่าไรนัก

แต่ว่าใบหน้าก็ยังแสดงความเกรงใจอยู่ แล้วพูดว่า “ไม่ บังอาจรบกวนหรอกครับ”

ทั้งสองคนต่างเสแสร้งยิ้มใส่กัน พอดีมีบริกรเดินผ่านมา หล ชื่อถือก็หยิบแก้วเหล้ามาแก้วหนึ่ง จึงทำให้สองคนนี้ไม่เคอะเขิน มากไปกว่านี้

เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “คุณชายเฉิน ฉันขอคารวะ คุณหนึ่งแก้ว รอให้งานมงคลนี้เสร็จสิ้นไปก่อน หลังจากนั้นก็คงมี เวลาอีกมากมาย

เฉินเฟิงก็ยกแก้วขึ้นมา ทั้งสองคนต่างก็จ้องมองด้วยความ ระแวง จากนั้นก็จิบเบาๆไปหนึ่งคำ

รอให้หลี่ชื่อจือจากไปแล้ว เฉินเฟิงก็รู้สึกโล่งอก ความรู้สึกที่ ถูกหมาป่าจ้องมองจนไม่สบายใจเช่นนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เลย แต่หลังจากที่รู้ว่าเขาคือหลังจู่คนนั้น ยังมีพวกลูกน้องที่เป็น ฝูงหมาป่าฆ่าคนในมืออีกจำนวนมาก ในใจเขาก็ย่อมรู้สึกสั่นสะท้านกลัวเป็นธรรมดา

เมื่อดื่มเหล้าจนหมดแก้วแล้ววางแก้วเหล้าลง เฉินเฟิงก็เดิน ออกจากที่นี่ไป

ส่วนตอนนี้ภายในบ้าน กลับมีคนสีหน้าท่าทางกระวนกระวาย เขียนหนึ่งยืนอยู่ประตูหน้าห้อง หญิงสาวที่กำลังบรรจงแต่งตัว อยู่ภายในห้องนั่นก็คือนางเอก ในค่ำคืนนี้

เมื่อรอจนกระทั่งเด็กสาวสองคนจากไปแล้ว เซียนหนิงจึงเดิน เข้าไป

ในห้องแต่งตัวก็เหลือแต่เชียนหนิงและเจ้าสาวเท่านั้น

เจ้าสาวก็นึกไม่ถึงว่าเขียนหนิงจะกลับมาที่นี่ มองหน้าเขียนหน งอย่างตกตะลึง แล้วพูดว่า “คุณมาได้ยังไงคะ?”

เซียนหนิงพูดว่า “ฉันอยากจะพาคุณออกไปจากที่นี่

คำพูดของเขาสงบนิ่งมาก เรียบเฉยจนดูเหมือนกับกำลังพูด เรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง ราวกับพูดว่ากินข้าวแล้ว วันนี้อากาศดีจัง ประมาณนั้น

เจ้าสาวคิดว่าตัวเองฟังผิดไป มองไปยังเขียนหนิงด้วยความ ฉงน หลังจากตกใจได้สองวินาทีจึงพูดขึ้นว่า “คุณบ้าไปแล้ว อยู่ ในที่นี่พูดเรื่องอะไรแบบนี้

เขียนหนึ่งยังคงพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ฉันไม่ได้บ้า ฉันจะมาพา คุณหนีไป”
“คุณกลับไปเถอะ ฉันจะถือว่าคุณไม่เคยมาที่นี่ก็แล้วกัน”

หญิงสาวก็พูดจริงจังขึ้นมา เธอเชื่อว่าเขียนหนิงจะทำเช่นนั้น แน่นอน แต่เธอรู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ตัวเองก็ไม่ยอมหนี ไปกับเขียนหนึ่งอย่างเด็ดขาด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ