บทที่ 851 ไร้ความทรงจำ
เฉินเฟิงมองเธอ พลางนึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้หวัง จะถามอะไรบางอย่าง แต่เมื่อไตร่ตรองแล้วหากถามเธอไป โดยตรงเธอคงจะไม่ยอมตอบแน่นอน
ดังนั้นเฉินเฟิงจึงตัดสินใจกล่าวขอโทษกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ อ่อนโยน : “เรื่องเมื่อกี้นี้ฉันต้องขอโทษด้วย แต่ฉันรีบร้อนอยาก จะช่วยเธอเท่านั้นจริงๆ ”
หลี่จื่อเยว่รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำขอโทษจาก เฉินเฟิง เธอแอบลอบมองไปยังตัวเฉินเฟิงก่อนจะเปล่งเสียงอัน น้อยใจออกมา: “คุณไม่ได้รังแกหนูจริงๆ นะ? ”
เฉินเฟิงตอบกลับอย่างทันควัน: “ถ้าหากเธอไม่เชื่อ จะให้ฉัน
สาบานก็ได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลี่จื่อเยาจึงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “หนูเชื่อคุณก็สิ้นเรื่องแล้ว”
หลี่จื่อเยว่กลับไปเอนเข้ากับเบาะนั่งอีกครั้งหลังจากที่เมื่อสัก ครู่นี้เธอเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างไม่ทันรู้ตัว ก่อนจะพูดต่อ : “แต่ว่าเมื่อ กี้นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หนูหลับไปแล้วไม่ใช่งั้นหรอ ? ”
เฉินเฟิงจ้องมองใบหน้าของเธอที่ดูเหมือนจะมึนงงไม่ต่างกัน พร้อมกับกล่าวถาม : “เธอจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ หรอ? จำไม่ ได้เลยหรอว่าเมื่อกี้เธอทำอะไรลงไป ? ”
หลี่จื่อเยวส่ายหน้าพลางพูด “ไม่มีความทรงจำเลย
เฉินเฟิงครุ่นคิดอย่างจริงจัง ในเมื่อคนตอนนี้หลี่จื่อเยวไม่มี ปัญญาที่พูดออกมา ถ้าอย่างนั้นคงต้องกลับไปยังสถานที่เมื่อ วานนี้ เพราะมีเพียงที่นั่นเท่านั้นที่จะทำให้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงได้
เฉินเฟิงกล่าวปลอบใจหลี่จื่อเยวสองสามคำ ก่อนจะเลี้ยวรถ
กลับไปยังสถานที่ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พักผ่อนอยู่ข้างทางมาเป็นเวลาหนึ่งคืน ในช่วงบ่าย ของวันถัดมาเฉินเฟิงก็ขับรถกลับมาถึงสถานที่ที่จัดกิจกรรมรอบ กองไฟเสียที
หล่อเยวถามอย่างสงสัย “ทำไมถึงมีแค่หนูที่เกิดปัญหาล่ะ คุณเองก็อยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง ? ”
เฉินเฟิงเองก็เคยคิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาเพียงคิด
ว่าคงเป็นเพราะร่างกายของตัวเองมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
เท่านั้น
เมื่อมาถึงที่ที่จัดกิจกรรมรอบกองไฟ ผู้คนมากมายก็มารวมตัว กันอยู่ที่นี่แล้ว ทั้งยังมีรถอีกหลายคนที่ดูคุ้นตาอีกด้วย
แต่ว่าเฉินเฟิงก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก ตอนนี้กองไฟ ตรงกลางทุ่งโล่งยังไม่ถูกก่อขึ้น จึงทำให้ผู้คนต่างรวมตัวกัน เป็นกลุ่มเพื่อสนทนา และมีบางกลุ่มที่กำลังเล่นเกมกัน
ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวกันไปหมด
“ไม่มีใครเกิดเหตุการณ์เดียวกันกับหลี่จื่อเยว่เลยหรือไงกันนะ? ” เฉินเฟิงแอบคิดอยู่ในใจ
แต่เมื่อมองดูสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มี
อะไรเกิดขึ้นจริงๆ
เขาเดินเข้าไปบริเวณนั้นเพื่อหวังจะไถ่ถาม และสิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงคือเขาได้พบกับชายร่างบางที่เจอกัน วันนั้นด้วย เฉินเฟิงที่เห็นเขาจึงเดินเข้าไปหาทันที
“พวกนายมาที่นี่ทุกวันเลยงั้นหรอ? ” เฉินเฟิงถาม
ชายคนนั้นเหมือนจะยังจำเงินเฟิงได้จึงทำให้เขาไม่ได้มี อาการแปลกใจอะไร ก่อนจะตอบกลับ : “นี่นายกำลังพูดอะไร กัน นายเองก็มาที่นี่ทุกวันไม่ใช่หรือไง? ”
เฉินเฟิงมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง : “ทำไม? ทำไมพวกนายถึงมาที่นี่ทุกวันด้วย?
ชายคนนั้นมีความสับสนอย่างมาก ก่อนตอบกลับเขาอย่างไม่ ชัดเจน : “ก็เพื่อสวดภาวนายังไงหล่ะ! ขอเพียงสวรรค์ได้ยิน ค่าภาวนาของเราแล้วเท่านั้นถึงจะหยุดได้”
เฉินเฟิงจ้องมองเขาอย่างไร้หนทางเข้าใจคำพูดของเขา ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงยอมแพ้ไปก่อนเท่านั้น
หลังจากออกมา เฉินเฟิงก็เดินกลับมาที่รถ ครั้งนี้เขาไม่ อนุญาตให้หลี่จื่อเยวลงจากรถ เพราะกลัวว่าที่นี่จะทำให้เธอได้ รับอันตรายอีกครั้ง
แต่ในตอนที่เฉินเฟิงขึ้นรถหลี่จื่อเยวก็ถามด้วยความกังวล ทันที “เป็นยังไงบ้าง? คุณได้ถามอะไรพวกเขาหรือเปล่า? ”
เงินเฟิงส่ายหน้าพร้อมกับพูด : “ตอนนี้ทุกอย่างล้วนไม่ ชัดเจน เหมือนกับว่าคนพวกนี้จะถูกดึงดูดให้มาอยู่ที่นี่ รอให้ถึง ตอนกลางคืนก็คงน่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นมาให้เห็นเอง”
หลี่จื่อเยวที่ได้ยินแบบนั้นได้เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
ทั้งสองคนนั่งรออยู่ในรถ กระทั่งกองไฟนั้นได้ถูกจุดขึ้น ท่ามกลางทุ่งโล่งอีกครั้ง เฉินเฟิงถึงได้ลงรถไป
เสียงจังหวะเพลงค่อยๆ ดังขึ้นมาหลังจากที่มีการจุดไฟ เฉินเฟิงลองสำรวจดูอย่างถี่ถ้วนถึงได้เห็นว่าเสียงดนตรีนั้นดังมา จากรถที่พวกเขาขับมา
และหลังจากที่เสียงเพลงดังขึ้น กลุ่มหนุ่มสาวก็พากันเดิน เข้าไปใกล้กองไฟ ก่อนจะเริ่มเต้นรำขึ้นมา เหมือนว่าพวกเขา เข้าไปรวมตัวตรงนั้นด้วยตัวเอง แต่ว่าเฉินเพิ่งกลับคิดว่าในนั้นมี บางอย่างที่ผิดปกติ
ราวกับว่าเสียงดนตรีกำลังควบคุมพวกเขาเอาไว้
เฉินเฟิงพยายามสูดดมกลิ่นในอากาศ แต่ก็ไม่มีได้กลิ่นยา หอมสำหรับกล่อมประสาทอะไรแบบนั้นตามที่เขาได้คิดเอาไว้ เลยสักนิด แต่จะว่าไปหล่อเยว่ก็ไม่ได้เข้าใกล้หรือสัมผัสกับใคร เลย นอกจากตัวเขาด้วย
แต่เมื่อมองดูไปยังคนที่ยืนล้อมอยู่ด้านนอกวง พวกเขาเหมือนไม่ได้เสียงดนตรีดึงดูดเลยนิด เฉินเฟิงเดินเข้าไป ถามหนุ่มคนหนึ่งอยู่ตรงนั้น
ทําไมคุณไม่เข้าเต้นในนั้นหล่ะ”
ชายนั้นตอบกลับ : “คุณไม่เห็นหรอว่าในนั้นมีแต่พวกคู่ หนุ่มสาวเท่านั้น
เงินเฟิงมองเขาพร้อมกับคิดเขาจะเป็นชายโสด จึงไม่ว่าจะพูดอะไรต่อ
เมื่อไปคิดมาเขายังคงถามออกมาอีกครั้ง จะเข้าเต้นตรงนั้นหรือเปล่า?
ชายคนนั้นพยักหน้าแน่นอนว่าต้องอยากแล้ว รอให้ผม หาเต้นรำของตัวเอง
เฉินเฟิงสังเกตเห็นแววอันลุ่มหลงในความรักตอนเขานั้นจ้องมองไปยังใจกลางกองไฟเฉินเขาทันที ขอ เพียงแค่มีคู่เต้นรำ เขาจะต้องไปเต้นรำในนั้นแน่นอน
ที่ล้อมรอบอยู่ด้านนอกบางอย่างดึงดูดไปด้วย
และในตอนกำลังคิดวิเคราะห์อยู่นั่นเอง หลี่จื่อเยวก็เดิน ลงจากในแววตาเธอเต็มด้วยความปรารถนาอันลุ่ม หลง และเดินตรงมายังบริเวณเฉินเฟิงยืนอยู่
ดึงแขนเอาไว้แล้วราวเธออยากจะเข้าตรงใจกลางนั้น
เฉินเฟิงต้องการที่จะหยุดการกระทำของเธอ ดังนั้นตอนที่ถูก เธอดึงตัวไปเขาจึงยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปด้วย
แต่ในตอนที่หลี่จื่อเยว่ไม่สามารถดึงตัวเฉินเฟิง ให้ไปยังข้าง กองไฟนั้นได้ ร่างกายของเธอก็เริ่มมีอาการสั่นอย่างผิดปกติ ราวกับว่าอีกไม่นานมันจะกลายเป็นอาการชักขึ้นมา
เฉินเฟิงนึกย้อนไปถึงความทรมานของหลี่จื่อเยว่ ในตอนที่เธอ มีอาการชักก่อนหน้านี้ ทำให้เขาได้เพียงยอมแพ้ไปเท่านั้น
อีกอย่างเขาก็ยังอยากจะกลับไปสัมผัสกับบรรยากาศอัน แปลกประหลาดนั้นอีกครั้งด้วย เพื่อลองหาสาเหตุของเรื่องที่เกิด ขึ้น
ส่วนหลี่จื่อเยวที่ถูกปลดปล่อยก็กลับมามีพละกำลังอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะลากตัวของเฉินเพิ่งเข้าไปด้านใน จากนั้นร่างกาย ของเธอก็เริ่มเต้นรำขึ้นมาอย่างไม่ได้รู้ตัว
เฉินเฟิงที่เข้าไปในนั้นจึงทำได้เพียงขยับตัวเบาๆ ตาม ท่วงทำนองดนตรี โดยที่สายตาของเขาไม่ได้จ้องมองกับสิ่งที่อยู่ ตรงหน้า แต่เขากลับหันไปกวาดตามองความเปลี่ยนแปลงของ คนที่อยู่ข้างๆ แทน
พวกเขากำลังหมกมุ่นอยู่กับความลุ่มหลง คู่หนุ่มสาวโยกย้าย ร่างกายของพวกเขาอย่างใกล้ชิดราวกับว่ากำลังมัวเมากับความ สุขที่ได้รับ บางคนก็ปิดตาทั้งสองลงแล้วใช้ร่างกายสัมผัสกับ เสียงดนตรีพร้อมกับความใกล้ชิดและกลิ่นหอมที่แผ่ซ่านออกมา จากอีกฝ่าย
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงอย่างช้าๆ ทำให้แสงที่สาดส่องออกมา จากกองไฟในทุ่งยิ่งสว่างมากขึ้น แสงไฟกระทบลงบนใบหน้า ของทุกคนจนแดงระเรื่อราวกับเมฆที่ถูกกระทบในยาม พระอาทิตย์ตกดิน
และยิ่งเหมือนกับความลุ่มร้อนที่เกิดขึ้นจากความตื่นเต้น
เขาเหลียวหันกลับมามองหลี่จื่อเยาวที่อยู่ข้างกาย เธอก็ไม่ได้ ต่างอะไรกับคนพวกนั้นเลย
เธอเต้นรำอยู่ข้างกายของเฉินเฟิงอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งขยับ เข้ามาแนบชิดเขาเรื่อยๆ ราวกับว่าต้องการจะดึงตัวเองและเฉิน เข้ามาแนบชิดอย่างไร้ช่องว่าง
เฉินเฟิงกระซิบเรียกเบาๆ : “หลี่จื่อเยว่ ตื่นเดี๋ยวนี้!
แต่ว่าเธอกลับไม่ได้มีการตอบสนองใดๆ เฉินเฟิงจึงลอง กระตุกเสื้อของเธอแต่ยังคงไม่มีการตอบสนองดังเดิม
หลี่จื่อเยว่จับกระโปรงของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับดึงตัวเขาไป เต้นรำราวกับว่ากำลังโยกย้าย โบยบินไปตามสายลม จนทำให้ พวกเขาเหมือนคู่รักที่สนิทสนมใกล้ชิดกัน
เมื่อมองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้สักพัก และได้เห็นพวกเขาทุกคน เหมือนคนกำลังมัวเมาเท่านั้น เฉินเฟิงจึงไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อ ไปได้
บางทีทุกอย่างนี้อาจเกิดมาจากเสียงดนตรี
เขาเดินออกมาจากลานเต้นรำ มุ่งตรงไปยังที่มาของเสียงดนตรีจากรถที่จอดอยู่ข้างๆ
เดิมที่เขาคิดว่าในเมื่ออยู่ที่นี่แล้วดังนั้นหลี่จื่อเยวคงจะไม่เป็น อะไรแล้ว แต่หลังจากที่เขาออกมา เฉินเฟิงก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า ตอนนี้เธอขยับตัวไปอยู่ข้างชายหนุ่มที่มีคู่เต้นรำแล้ว
จากนั้นพวกเขาสามคนก็เต้นรำด้วยกัน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ