ลูกเขยมังกร

บทที่ 835 หนึ่งวัน ในการตัดสินใจ



บทที่ 835 หนึ่งวัน ในการตัดสินใจ

“พ่อ มีคนมา ทำไมถึงไม่กินชาให้พวกเขาล่ะ ทั้งสองคนนั่ง ก่อนเถอะครับ พ่อผมเป็นคนนิสัยแบบนี้แหละ ทั้งสองอย่าได้ ถือสาเลยครับ” พูดไป หยางสิ่ง พลางเลื่อนเก้าอี้ส่งไปให้ เงินเฟิงพวกเขาสองคน

เฉินเฟิงยิ้มรับเก้าอี้มา แต่ชิงจือกลับยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉย

จ้องมองไปยังชายชรา ราวกับว่ากําลังเฝ้ารอคําตอบจากเขา

หยางสิ่ง ได้แต่มองชิงฉืออย่างนิ่งๆ เขารู้สึกประหม่าด้วย ความไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

เมื่อชายชรารับรู้ถึงสายตาของชิงฉือ เขาจึงหันไปบอกกับชิง

“นั่งเถอะ ฉันยังต้องใช้เวลาตัดสินใจสักหน่อย

“หวังว่าคุณจะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง ฉันให้เวลาคุณคิดหนึ่ง วัน วันพรุ่งนี้ฉันจะกลับมาที่นี่อีกที”

ท้ายที่สุดชิงจือที่ยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้ที่หยางสิ่ง ส่งให้ก็หันไป พูดกับเฉินเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ แทน

“พวกเราไปกันเถอะ”

เฉินเฟิงที่เพิ่งนั่งลงไปได้ไม่นานถึงกับตกใจ เขาหันไปมอง หยางสิงอี้ด้วยสีหน้าขอโทษ ก่อนจะเดินตามชิงจือที่เดินออกไปก่อนแล้ว

กระทั่งทั้งสองเดินออกมาด้านนอก เฉินเฟิงจึงถามชิงจือด้วย

ความสงสัย

“พวกคุณต้องการทำอะไรกันแน่ พวกคุณทั้งสองล้วนเป็นมหา ปรมาจารย์ ยังต้องมีการชุมนุมกันอีกงั้นหรอ? ”

ความมีอยู่ของมหาปรมาจารย์เป็นเรื่องที่ผู้คนต่างจับตามอง มาโดยตลอด ถ้าหากตอนนี้แม้แต่พวกเขาเองยังเริ่มมีความวิตก กังวลเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างแล้ว อย่างนั้นก็แสดงว่าเรื่องที่จะ เกิดขึ้นต้องเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก

ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนล้วนเกิดความอยากรู้อยากเห็นอย่าง มาก รวมทั้งเฉินเฟิงด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับการตอบสนอง ของชิงฉือที่มีต่อเฉินเฟิงแล้ว คำตอบของครั้งนี้ก็ยังคงเป็นดังเช่น ครั้งก่อนๆ

เธอมุ่งหน้าตรงไปยังที่จอดรถโดยไม่มีคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น แต่หลังจากที่พวกเจาเดินออกมาได้ไม่นาน หยางสิ่ง ก็วิ่งตาม พร้อมกับตะโกนเรียกพวกเขา

“ทั้งสองท่าน รอก่อนครับ”

เฉินเฟิงชะงักฝีเท้าลง แต่ชิงจือดูเหมือนจะไม่สนใจและยังคง มุ่งหน้าตรงไปยังรถที่จอดเอาไว้

เฉินเฟิงที่อยู่ตรงนั้นรอจนหยางชิงอี้เข้ามาใกล้ จึงถามกลับทันที“มีอะไรหรือเปล่า? พ่อของคุณมีเรื่องอะไรมาบอกงั้นหรือ?

หยางสิงอี้สูดลมหายใจเข้าลึก เขาวิ่งมาโดยไม่มีอาการที่ด หอบใดๆ แสดงว่าเขาคงจะผ่านการฝึกวิชาต่อสู้มาแล้วแน่นอน หลังจากที่ได้ยินคำถามของเฉินเฟิง หยางสิ่ง จึงตอบกลับ “พ่อผมให้มาบอกกับผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ว่าวันเดียวก็เพียง พอแล้ว”

เฉินเฟิงไม่เข้าใจความหมายของหยางสิ่ง แค่คำพูดนี้ ประโยคเดียวทำไมถึงต้องให้มาบอกอีกครั้งด้วย แต่หยางสิ่งที่ พูดเพียงเท่านี้ก็เดินหันหลังกลับไปแล้ว

เงินเฟิงพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำพูดนี้ โดย ไตร่ตรองพร้อมกับเรื่องทั้งหมดที่เขาได้ยินมา แต่ราวกับว่าไม่ว่า อย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เขาจึงทำได้เพียงเดินกลับไปที่รถ เท่านั้น

เมื่อขึ้นไปบนรถก็เห็นชิงจือที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งหน้ารถ เอนตัวลง ไปบนเบาะพร้อมกับหลับตาราวกับกำลังทำสมาธิ

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นพูดขึ้นมา

“เมื่อกี้นี้เขามาบอกว่า พ่อของเขาบอกว่าวันเดียวก็เพียง พอแล้ว”

ชิงจือที่ได้ยินไม่มีท่าทีว่าจะลืมตาขึ้นมา เธอเพียงแต่ตอบกลับ เขาด้วยความเฉยเมยเท่านั้น
“ตาแก่นี้ยิ่งมีชีวิตอยู่ ชีวิตยิ่งถอยลงคลองไปเรื่อยๆ เลย

สุดท้ายเงินเฟิงก็ยังคงไม่เข้าใจถึงความคลุมเครือระหว่าง พวกเขาสองคนสักที แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงต้องขับรถออกไป เพื่อตามหาที่พักคืนนี้สำหรับพวกเขาก่อน เพราะพรุ่งนี้พวกเขา ยังต้องกลับมาทีนี่อีกแน่นอน

แต่เมืองที่ใกล้ที่สุดพวกเขาในตอนนี้ยังต้องใช้ระยะเวลาใน การเดินทางไป ดังนั้นเฉินเฟิงจึงตัดสินใจหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ แถวนี้ให้พวกเขาแทน ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะ สมที่สุด ถึงแม้จะดูเก่าแก่มีความผุพังแล้วก็ตาม

แต่ด้วยเดิมที่เป็นการเดินทางออกนอกบ้าน ฉะนั้นจึงได้แต่ ปล่อยไปตามมีตามเกิดเท่านั้น

ทางด้านชิงจือเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรแบบนี้ เพราะแม้แต่ใน หุบเขาลึกเธอยังสามารถใช้ชีวิตมาแล้ว สถานที่แค่นี้จึงไม่นับว่า เป็นปัญหาอะไร

พวกเขาสองคนพักแยกกันคนละห้อง โดยไม่ได้มีเหตุการณ์ เหมือนพวกนิยายโบราณที่ว่าโรงแรมเผอิญเหลือห้องว่างแค่ห้อง เดียวอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา

ทั้งสองแยกย้ายกันไปพักผ่อน เฝ้ารอวันพรุ่งนี้ที่จะเดินทาง กลับไปหาชายชราอีกครั้ง

แต่หลังจากที่เฉินเฟิงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก็มีคนเข้ามาเคาะประตูห้องของเขา
เขารู้สึกสงสัยคิดว่าชิงจือคงมีเรื่องอะไรอยากจะมาคุยกับเขา

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเปิดประตูก็มีแผ่นกระดาษขนาดเล็ก จํานวนหนึ่งถูกสอดเอาไว้ตรงช่องประตู เฉินเฟิงเข้าใจเลยทันที ว่ามันคืออะไร เขาจึงไม่คิดจะไปสนใจ

แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที ประตูห้องเขาก็ถูกเคาะอีกครั้ง

เฉินเฟิงกำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวมันคงจะหยุดไปเอง แต่ปรากฏว่า ครั้งนี้เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่ยอมหยุด เขาจึงเดิน ตรงไปยังประตูด้วยความสงสัย

ในขณะที่เดินไปเฉินเฟิงก็คิดว่าคงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจา กชิงจือแน่นอน

แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูออก กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาคนนี้

ไอ้ผมแดงเองก็ตกใจไม่น้อย เขาจ้องมองเฉินเฟิงอยู่พักหนึ่ง กว่าจะเรียกสติกลับมาอีกครั้ง

“พี่ชาย มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย? ” เขากล่าวทักทายอย่าง

กระฉับกระเฉง

เฉินเฟิงไม่ตอบแต่กลับถามเขาแทน “เป็นนายได้ยังไง? ” “พี่ชาย พวกเรานี่มีวาสนาต่อกันจริงๆ เลย ถึงได้มาเจอกันที่นี่ อีกครั้ง”

ดูท่าแล้วเงินสามแสนหยวนนั่นจะทำให้ไอ้ผมแดงมีความสุข ไม่น้อย เขาถึงได้ไม่คิดว่าเป็นเรื่องลำบากอะไรที่จะตัวสนิทสนมกับเฉินเฟิงแบบนี้

แต่เฉินเพิ่งกลับไม่อยากจะสนใจเขา พร้อมกับถามอีกครั้งด้วย น้ำเสียงที่เคร่งขรึมยิ่งขึ้น

“นายอยากจะทําอะไรกันแน่? ”

ไอ้ผมแดงรับรู้ได้ว่าเฉินเฟิงกำลังมีความไม่พอใจ เขาจึงได้ บอกสาเหตุที่เขามาอยู่ที่นี่กับเฉินเฟิง

“พี่ชาย ในค่ำคืนแบบนี้อยู่คนเดียวมันก็เหงาเกินไป ผมเลย มาที่นี่เพื่อที่จะหาคนคลายเหงาเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอ กับพี่ที่นี่ได้”

เฉินเฟิงยิ้มออกมาอย่างล้อเลียน คิดไม่ถึงว่าไอ้ผมแดง นอกจากจะคอยก่อเรื่องแล้วยังจะทำเรื่องแบบนี้อีก

“แต่ผมคิดว่าพี่ชายคงจะไม่ต้องการแล้ว เพราะวันนี้ผมเห็นพี่ สะใภ้คนนั้นแล้ว ถือว่าเป็นสาวสวยที่หาพบได้ยากเลย พี่ชายนี่ก็ โชคดีเชียวนะ!

เขาพูดไปพลางชะโงกหน้ามองเข้าไปในห้องของเฉินเฟิง เงินเฟิงใช้มือผลักหัวของเขาไปอีกทาง “นายชะโงกหน้า เข้าไปดูข้างในคิดว่าจะเจออะไรงั้นหรอ? ”

ไอ้ผมแดงจึงรีบกล่าวขอโทษทันที “พี่ชาย มันเป็นนิสัย นิสัย เฉยๆ ผมผิดไปแล้ว”

เฉินเฟิงที่ไม่คิดจะไปสนใจเขาและหวังจะปิดประตูลง พร้อมกับขอให้ถึงพรุ่งนี้เข้าเร็วๆ

แต่ไอ้ผมแดงกลับพูดออกมาด้วยความแปลกใจ “พี่ชาย พี่ สะใภ้ไม่ได้อยู่ข้างในนี่หน่า

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายหรือไง? ” เฉินเฟิงพูดด้วยความ

รําคาญ

ไอ้ผมแดงพูดออกมาราวกับว่าจะเป็นกังวลในตัวพี่ชายคนนี้ ของเขาจริงๆ

“ผมรู้ๆ แต่พี่ชาย พวกผู้หญิงก็เหมือนกับเสื้อผ้า อย่าได้ให้ ความสำคัญมากเกินไปเด็ดขาด ถ้าหากพี่ให้ความสำคัญกับพวกเธอเกินไป จะกลายเป็นว่า

พวกเธอจะมองไม่ความสำคัญของพี่ชายแทนนะ ถ้าเกิดว่าคืนนี้พี่

ชายรู้สึกเบื่อ ที่นี่เพิ่งมีลูกไก่ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ถ้าหากพี่ชาย

ชอบใจผมจะให้พวกเธอเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน

เขาพูดอย่างหวังดี แต่เฉินเฟิงรู้ดีว่าเขาแค่ต้องการมาเรียกเงิน จากตัวเขาเท่านั้น

“ฉันไม่สนใจ นายมาจากไหนก็ไสหัวกลับไปที่นั่นได้แล้ว อย่า มาอยู่ตรงนี้รบกวนเวลาพักผ่อนของฉัน”

เขาพูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าไอ้ผมแดงทันทีโดยที่ไม่สนใจว่า เขาต้องการจะพูดอะไรอีก

เขากลับเข้าไปในห้อง ส่วนทางด้านไอ้ผมแดงคงจะคิดว่าไม่มี ความหมายอะไรที่เขาจะอยู่ที่นี่ต่อ ฉะนั้นด้านนอกประตูจึงไม่มีเสียงรบกวนอะไรดังขึ้นอีก

เงินเพิ่งทิ้งตัวลงไปบนเตียง พร้อมกับคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นถ้า หากว่าชายชราตอบรับค่าของชิงฉือ อย่างนั้นแล้วแผนการนี้จะ เป็นยังไงกันแน่ ถึงต้องมีความร่วมมือของมหาปรมาจารย์ถึง สองคนแบบนี้

แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ด้านนอกประตูของเขาก็ถูก เคาะอีกครั้ง

ซึ่งนี่คงจะเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งในสถานที่แบบนี้ เมื่อเห็นว่า ประตูเคาะอย่างไม่หยุด เฉินเฟิงจึงทำได้เพียงเดินกลับไปเปิด ประตูอีกครั้งเท่านั้น

“พี่ชาย ช่วยผมด้วย

เฉินเฟิงไม่คิดว่าทันทีที่เปิดประตูคนที่มาร้องขอความช่วย เหลือจะกลายเป็นไอ้ผมแดงเสียอย่างนั้น

“เกิดอะไรขึ้น” เฉินเฟิงถาม

“พี่ชายมีคนจะฆ่าผม เขาถือมีดด้วย พี่ให้ผมซ่อนตัวหน่อยนะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ