บทที่ 829 ได้ราคาจริงๆ
“อืม! ได้ราคา
เพื่อนของเขาที่กำลังตกใจไม่ได้มีการตอบสนองกลับอะไร มากนัก เพียงแค่ตอบกลับอย่างสั้นๆ เท่านั้น
“นายบอกให้ชัดเจนมาเลยว่านาฬิกานี้ได้ราคาเท่าไหร่ นี่มัน สามารถแลกกับคอนโดในTomson Rivieraได้เลยจริงๆ งั้น หรอ”
ทันทีที่เขาพูดจบ เพื่อนของเขาก็พยักหน้าเบาๆ
ตอนแรกเขานั้นยังไม่มีการตอบสนองใดๆ แต่พอเขารู้สึกตัวก็ ถึงกับนิ่งอึ้งไปโดยทันที
ถึงขนาดที่ต้องถามด้วยเสียงเบาๆ
“ที่นายพูดเป็นความจริงงั้นหรอ ดูผิดไปหรือเปล่า? ”
“จะดูผิดได้ยังไงเล่า นี่เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ที่เพิ่งออกวางขายปี นี้เลยเชียวนะ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันยังแอบถอนหายใจอยู่เลย
“คือนาฬิกาอันนั้นของพวกคนรวยที่นายดูไม่เข้าใจอันนั้นน่ะ
หรอ”
เพื่อนของเขาพยักหน้าอีกครั้ง ตอนนี้ชายหนุ่มถึงเพิ่งได้รู้ว่าตัว เองได้แกว่งเท้าหาเสี้ยนเข้าแล้ว
แต่แล้วเพื่อนของเขาก็ส่งนาฬิกาให้เขาด้วยความเร่งรีบ เขาเองก็ตกใจเช่นกัน ของราคาสูงแบบนี้หากมาเสียในมือของเขา คงจะต้องซื้อบ้านสักหลังถึงจะทดแทนกันแล้วเท่านั้น
เขาถือนาฬิกาอย่างระมัดระวังแล้วยื่นไปตรงหน้าของเฉินเฟิง พร้อมกับพูด
“พี่ชาย นาฬิกาของคุณพวกเราดูเสร็จแล้ว คุณเอากลับคืนไป จะดีกว่า ขอโทษด้วยจริงๆ พี่ชาย เป็นเพราะผมเป็นคนมีตาแต่ หามีแววไม่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่ชายจะเป็นคนร่ำรวย ผมเองที่ เป็นตาบอคนนั้น”
เฉินเพิ่งหันหน้าไปยังชายหนุ่มที่กำลังพูดเยินยอแล้วคิดเพียง แต่อยากจะไล่ให้พวกเขารีบไปให้เร็วที่สุด ก่อเรื่องวุ่นวายนาน ขนาดนี้ ชิงจือคงจะโมโหมากแล้ว
เขายื่นมือไปรับนาฬิกาคืนพร้อมกับใส่นาฬิกาไว้ที่ข้อมืออีก
ครั้ง
“คราวหลังออกไปไหนให้รู้จักถ่อมตนหน่อย ในโลกนี้ยังมี คนรวยอีกเยอะ”
อีกฝ่ายรีบพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
“พวกเราไม่รบกวนพี่ชายท่านนี้แล้ว
เมื่อพูดจบทั้งสองก็รีบวิ่งออกไปทันที
เรื่องราววุ่นวายที่เกิดบนรถไฟจบลงเพียงเท่านี้ โชคดีที่สุด ท้ายแล้วชิงจือไม่ได้ต่อว่าอะไร แต่ดูจากสีหน้าของชิงจือแล้วมัก จะทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง
เมื่อเดินทางมาถึงทะเลทรายตะวันตกเฉียงเหนือ ตอนที่อยู่ใน ตัวเมืองก็ไม่ได้มีความรู้สึกแปลกอะไร แต่เมื่อเดินทางมาถึง ชายฝั่งทะเลทรายพวกเขาถึงค่อยรู้สึกได้ถึงความรกร้าง
บนที่ดินขนาดใหญ่สามารถมองเห็นอีกฝั่งได้อย่างชัดเจน แต่ ในเวลาเดียวกันทันทีที่ได้เห็นเช่นนี้ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความ อ้างว้าง ชีวิตที่นี่กลับกลายเป็นความขาดแคลน พื้นดินที่ไร้ความ ชุ่มชื้น ก็เป็นดั่งชีวิตที่ไร้ความน่าสนใจ
ในขณะที่นั่งอยู่บนเกวียน เฉินเฟิงได้หันไปกล่าวถามกับชาย ร่างใหญ่ “ที่นี่เป็นแบบนี้มาตลอดเลยหรอ?
“ก็ไม่ใช่ว่าทุกที่จะเป็นแบบนี้หรอก เดี๋ยวผ่านไปสักช่วงก็จะ เจอกับ โอเอซิสแล้ว ที่นั่นมีความอุดมสมบูรณ์ มีทั้งแพะทั้งตัว จํานวนมากมายเลยล่ะ” ชายร่างใหญ่กล่าวตอบ
เฉินเฟิงยังมีความรู้สึกสงสัยมาตลอดทาง
จนกระทั่งพวกเขาเดินทางมาไปถึงที่นั่น ซึ่งมันเป็นดั่งที่ชาย ร่างใหญ่ได้พูดเอาไว้ พวกเขาสามารถมองเห็นฝูงแพะและวัว
จํานวนมากมาย
แต่ทว่ามีบางอย่างที่ต่างไปจากที่ชายร่างใหญ่เคยพูดเอาไว้
เพราะตอนนี้แม้แต่นอนอยู่กับพื้นเงินเฟิงยังรู้สึกว่าหายใจไม่ ออก เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนที่ดูจิตใจดีอย่างชายร่างใหญ่ จะทำแบบนี้ได้
“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้? ” เฉินเฟิงถาม
“ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ พวกเขาจับลูกสาวของผมเอาไว้เป็น ตัวประกัน ถ้าผมไม่ทำตามที่พวกเขาสั่ง พวกเขาก็จะฆ่าเธอ ชายร่างใหญ่พูดพลางร้องไห้
เมื่อมองดูใบหน้าที่กำลังร้องไห้ของชายร่างใหญ่ เขาก็ไม่รู้ว่า
จะระบายความเกลียดแค้นนี้อย่างไรดี
ทางด้านซิงฉือที่อิงหลังเข้าหาเฉินเฟิงไม่ได้ส่งเสียงอะไร เธอ เพียงแต่มองไปยังเหล่าฝูงคนที่กำลังเดินเข้ามาล้อมรอบพวกเขา ด้วยความเย็นชาเท่านั้น
“เรื่องนี้คงจะโทษคนอื่นไม่ได้นะ เพราะว่าพวกคุณเองที่โง่เกิน
ชายสวมหมวกหนังพูดด้วยเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน เฉินเฟิงจึงถูกพวกเขามัดไปเสีย อย่างนั้น ก่อนจะถูกโยนเข้าไปในกรง โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังจะเดิน ทางไปอย่างที่แห่งใด
หลังจากที่ผ่านการกระแทกบนรถม้ามาเป็นเวลานาน ในที่สุด พวกเขาก็มองเห็นเป้าหมายสักที
ที่นี่เป็นบ่อน้ำมันร้างที่ถูกสร้างขึ้นกลางทะเลทราย ตรงนั้นมี คนจำนวนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าบ้านที่ไม่รู้ว่าถูกทิ้งร้างมานานแค่ ไหนแล้ว ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นพวกเดียวกับพวกที่จับเขามา แน่นอน
เมื่อเห็นชายสวมหมวกหนังเดินทางกลับมา ก็มีคนเดินเข้ามา ต้อนรับทันที
“พาคนกลับมาด้วยหรือเปล่า? ”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พวกนั้นกลายเป็นไก่เปื่อยไปแล้ว ไม่ต้อง ลงแรงอะไรก็พามาได้แล้ว” ชายสวมหมวกหนังหัวเราะออกมา เสียงดัง
“อย่างนั้นนายก็ทำงานใหญ่สำเร็จแล้วสิ นายใหญ่จะต้องมอบ รางวัลให้นายแน่ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องดีแบบนี้จะหล่นมาทับหัว นายได้ ”
ชายที่เข้ามากล่าวต้อนรับกล่าวด้วยความรู้สึกอิจฉา
“เอาล่ะ ไม่คุยกับนายแล้ว ฉันยังต้องพาผู้หญิงคนนั้นไปหา นายใหญ่ก่อน นี่เป็นถึงสมบัติสำคัญที่จะทำให้นายใหญ่เข้าไป ในแดนมหาปรมาจารย์ได้ ฉันไม่อยากเสียเวลา”
เฉินเฟิงที่ได้ยินแบบนี้ถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงต้อง วางแผนจับชิงจือมาแบบนี้ ที่แท้เป็นเพราะแดนมหาปรมาจารย์ นี่เอง
แต่น่าสมเพชตัวเขาเป็นเพียงคนที่ติดแหเข้ามาด้วยเท่านั้น เมื่อถึงตอนที่เห็นว่าเขาไม่มีประโยชน์อะไร ไม่นานเขาก็คงจะถูก ฆ่าทิ้งแน่นอน
รถม้าถูกลากไปข้างหน้าอีกครั้ง หลังจากผ่านบ้านเหล่านั้นมา ข้างหน้าก็มีอาคารสำนักที่มีขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ และรถม้าก็หยุดลง พวกเขาปล่อยตัวเฉินเฟิงและชิงจือลงมา โดยมีคน จำนวนหนึ่งแบกพวกเขาเข้าไปยังอาคารสำนักงาน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านายใหญ่ที่พวกเขาพูดคนนั้นจะไม่ได้อยู่ ที่นี่ ชายสวมหมากหนังจึงสั่งให้คนไปรายงานทันที ผ่านไปสักพัก ในที่สุดพวกเขาก็เจอกับอีกฝ่ายสักที
เฉินเฟิงสังเกตลักษณะของอีกฝ่าย พลางรู้สึกว่าเหมือนเคยเจอ เขาที่ไหนมาก่อน
นี่ไม่ใช่เซวี่ยผิงคนนั้นหรอกหรือ ? เขานึกถึงนักเดินทางที่ ลอบทำร้ายชิงจือ และคนที่จะพาเฉินเฟิงไปดูพระอาทิตย์ขึ้นคน
แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้
ดูเหมือนว่าเพียงครู่เดียวเขาก็เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ดขน พวกเขา คงจะคิดว่าหากชิงจือถูกฆ่าตายไปแล้ว แดนมหาปรมาจารย์ก็ คงจะตกมาอยู่ในกำมือของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากที่รอ มาเนิ่นนานก็ยังไม่สามารถที่จะทะลุผ่านไปได้ พวกเขาถึงได้รู้ว่า เกิดปัญหาขึ้นแล้ว
ส่วนชายร่างใหญ่คนนั้นเป็นเพียงคนอีกคนในแผนการของ พวกเขาเท่านั้น ครั้งแรกที่เขาไปไม่พบกับชิงจือ จนครั้งที่สอง เสี่ยงดวงกลับไปอีกครั้งถึงได้พบกับเธอโดยบังเอิญ
แต่นี่มันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย เพื่อที่จะทำแผนการให้ สำเร็จ พวกเขาจึงจับตัวชิงจือมาโดยตรงเลย ส่วนเขาที่เป็นคน ทำลายแผนการของพวกเขาแค่เผอิญถูกจับมาพร้อมกันก็เท่านั้น
เฉินเฟิงรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก เพราะเมื่อสักครู่นี้ เขายังคิดว่าตัวเองไม่ใช่เป้าหมายหลัก อาจมีความเป็นไปได้ที่จะ ถูกปล่อยไป แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอะไรอีกแล้ว
“ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงเลยว่าแผนการจะราบรื่นแบบนี้”
เมื่อมองดูพวกเขาสองคนที่นอนราบอยู่กับพื้น เซวี่ยผิงถึงกับ หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณ ดูแล้วคุณคงจะเชื่อเรื่องของชะตา กรรมมหาปรมาจารย์สินะ” เฉินเฟิงเอ่ยปากอย่างนิ่งสงบ
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินเฟิง เซวี่ยผิงก็ตวาดสายตามองไปยัง เฉินเฟิง
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง ครั้งที่แล้วแผนการของผมคงจะถูก คุณเป็นคนทำลายสินะ คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าคุณจะพาตัวเองมา ส่งถึงที่แบบนี้ คุณว่าผมจะเอาคืนคุณยังไงดีนะ ฆ่าเลยดีไหม ? แต่แบบนี้ดูเหมือนจะดูถูกคุณเกินไป”
เขาพูดกับเฉินเฟิงราวกับกำลังล้อเลียนเสียอย่างนั้น
“ผมคิดว่าคุณควรจะคิดว่าตัวเองจะสามารถทะลุไปได้หรือไม่ ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า เรื่องเล่าของชะตากรรมมหา ปรมาจารย์พวกนี้ยังไม่เคยมีใครพิสูจน์ได้เลย ถ้าหากว่าคุณเกิด ล้มเหลวขึ้นมา ถึงตอนนั้นคนที่คุณจะบาดหมางด้วยจะเป็นคนที่ อยู่เบื้องหลังมหาปรมาจารย์ท่านนี้แล้ว” เฉินเฟิงไม่สนใจว่าเขา จะเอาคืนตนอย่างไร ตอนนี้เขาต้องการให้อีกฝ่ายเปลี่ยนเป้า หมาย หรือหาโอกาสที่จะพอหลบหนีได้เท่านั้น
แต่เซวี่ยผิงกลับยังคงหัวเราะเยาะ
“คุณนี่ยังทำตัวเป็นเด็กจริงๆ คุณคิดว่าแค่คำพูดสองสาม ประโยคของคุณจะทำให้ผมยอมปล่อยพวกคุณไปงั้น วันนี้ต่อ ให้ชะตากรรมมหาปรมาจารย์นั้นจะเป็นเรื่องโกหก พวกคุณก็ ไม่มีทางหลุดพ้นไปได้หรอก”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ