ลูกเขยมังกร

บทที่ 809 ใครคือคนบ้านนอก



บทที่ 809 ใครคือคนบ้านนอก

แต่คิดไม่ถึงว่ายามผู้นั้นก็ยังคงยืนหยัดตามความคิดของตน

“ฉันออกไปจากตรงนี้ไม่ได้จริง ๆ พวกเรามีกฎระเบียบ ฉัน มีหน้าที่ตรวจสอบคนที่สามารถเข้าออกได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มา หากว่าไม่มีการแจ้งมาที่ฉันก็ไม่มีทางที่จะให้เขาเข้าไปด้านใน ได้”

เขาพูดออกมาแบบนี้ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความโมโหขึ้น ชายวัยกลางคนที่สุภาพและหนักแน่นก็สะบัดมือแล้วเดินกลับมา ยืนอยู่ด้านหลัง

แต่ก็มีคนเข้ามาพูดคุยกับยามต่ออีก

“นายพูดว่าไม่สามารถให้คนเข้าไปด้านในได้ แต่ว่าทำไมไอ้ คนบ้านนอกสองคนนั้นถึงเข้าไปได้ล่ะ นายจงใจที่จะลำเอียง ใช้ ไหม”

ตอนที่ผู้หญิงร่างผอมบางคนนั้นไปยังเฉินเฟิง เฉินเฟิงก็ยัง ไม่ทันได้พูดตอบกลับออกไป

ยามก็หันไปม ที่เฉินเฟิง เขารู้จักเฉินเฟิง แต่ไม่ทราบว่าตอน นี้เฉินเฟิงเป็นเจ้าของสวนแห่งนี้ แต่ที่เฉินเฟิงเข้าไปด้านในได้นั้น ก็เพราะได้รับการอนุญาตแล้ว เขาก็หมดปัญญา ทำได้เพียงพูด ตามความจริงให้กับคนนั้นฟัง

“พวกเขาเป็นสมาชิกของที่นี่ ดังนั้นฉันจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในได้

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนโวยวายกันยกใหญ่

“นายพูดอะไรนะ สองคนนี้ที่แต่งตัวอย่างกับคนบ้านนอกก็เป็น สมาชิกของที่ด้วยงั้นเหรอ นายล้อเล่นกันใช่ไหม ฮ่าฮ่า ฉันไม่ เคยได้ฟังเรื่องตลกขบขันอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย

เธอทำท่าทางงุนงง แสดงออกได้เหมือนกับที่ตัวเองรู้สึกว่าเป็น เรื่องที่น่าขันจริง ๆ

เฉินเฟิงเอือมระอาเป็นอย่างมาก ที่พูดว่าเขาเป็นคนบ้านนอก ซึ่งอาจเป็นเพราะเขาไม่ค่อยชอบที่จะแต่งตัว แต่หากพูดว่าหลิน หวั่นชิงด้วยล่ะก็คงจะเกินไปหน่อยแล้ว

ตอนนี้หลินหวั่นซึ่งอยู่ในชุดว่ายน้ำที่เย็นสบาย และเป็นชุดที่ สั่งตัดขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งบุคลิกท่าทางดูดีกว่าพวกคุณน้าคุณป้าที่ ยืนอยู่หน้าประตูหลายเท่า ผิวขาวเนียนเรียวขายาวและงดงาม โดยที่หลินหวั่นชิวมีดีกว่า ในทุกส่วน

เฉินเฟิงเดินเข้ามาด้วยความไม่พอใจ

“เมื่อครู่คุณว่าใครที่เป็นคนบ้านนอก? พวกคุณเข้ามาไม่ได้ก็ ไม่ต้องเข้ามา ที่นี่คือคลับส่วนบุคคล ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถ เข้าไปด้านในได้ ไม่ใช่ว่าคนบ้านนอกที่ไหนก็จะสามารถเข้ามา ด้านในได้”

คำพูดของเฉินเฟิงฟังแล้วยิ่งรุนแรงกว่า หญิงวัยกลางคนผู้นั้น ยกมือขึ้น แล้วชี้ไปทางเฉินเฟิงและพูดว่า
“นายคิดว่าตนเองเป็นใครกัน ที่นี่คือยันเจียง บุคคลที่มีหน้ามี ตาในยันเจียงไม่มีใครที่ฉันไม่รู้จัก แต่ว่าฉันไม่เคยเห็นนายมา ก่อน นายไม่ใช่คนบ้านนอกแล้วนายเป็นใครกัน

พูดได้อย่างมีเหตุมีผล ละเอียดรอบคอบ เฉินเฟิงยิ้มและพูดขึ้นอย่างเป็นชาว่า

“คนบ้านนอกอยู่หน้าประตู คนบ้านนอกอยู่ในประตู นี่มันมอง เห็นก็ทราบดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ”

หญิงผู้นั้นเผยอปากขึ้น โมโหจนสั่นไปทั้งตัว เตรียมที่พุ่งเข้า มาแล้ว

ก็เป็นยามผู้นั้นที่ได้ขัดขวางเธอเอาไว้

“นายปล่อยให้ฉันเข้าไป นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? หากนาย ยังกล้าที่จะขัดขวางฉันอีก ฉันจะให้นายรับผิดชอบในสิ่งที่นายก

ระทำขึ้น”

และก็ยังคงไม่พูดว่าตัวเองเป็นใคร แต่ก็พูดติดปากอยู่ตลอด ว่าตัวเองเป็นใคร

เฉินเฟิงโอบกอดหลินหวั่นชิวเข้าสู่อ้อมอก แล้วก็กลับไปนั่งบน เก้าอี้ในโซนพักผ่อน และก็มองดูพวกคนที่ถูกขัดขวางเอาไว้อยู่ ด้านนอกประตู

“นายทําได้ดีมาก ฉันจะจดจํานายเอาไว้”

อีกคนหนึ่ง โมโหสุดขีด เขาจึงได้พูดแบบนี้กับยามผู้นั้นเอาไว้
แต่แม้จะเป็นแบบนี้ ยามก็ยังคงปฏิบัติตามหน้าที่เท่าที่ตนเอง จะปฏิบัติได้

สุดท้ายก็ยังไม่มีวิธีใดที่จะสามารถเข้ามาด้านในได้ คนเหล่า นั้นก็ยังคงยืนกันอยู่ด้านนอก และมีคนหนึ่งได้เริ่มโทรศัพท์ขึ้น โดยไม่รู้ว่ากำลังโทรศัพท์ไปหาใคร

พูดคุยอยู่ตรงนั้นอยู่ช่วงหนึ่ง และดูเหมือนว่าจะจัดการสำเร็จ แล้ว

เฉินเฟิงมองดูเขาที่มีสีหน้าภาคภูมิใจ เหมือนกับว่าอีกไม่นาน ก็สามารถเข้ามาด้านในได้แล้ว เฉินเฟิงจึงได้กระซิบถามหลิน หวั่นชิวขึ้น

“คุณคิดว่าเขาหาใครเพื่อที่จะมาช่วยเหลือ หากว่าเมื่อถึงเวลา นั้นเห็นฉันอยู่ที่นี่ คนผู้นั้นคงจะตกใจจนปัสสาวะรดใส่กางเกง เลยไหม”

หลินหวั่นชิวหยิกไปที่ตัวของเฉินเฟิงเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างออก อ้อนว่า

“คุณทำไมถึงเป็นแบบนี้”

เฉินเฟิงพูดอธิบายว่า

“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ฉันก็แค่นั่งอยู่ที่ตรงนี้ก็เท่านั้น” “แต่แค่คุณมองดู ก็เลวร้ายพออยู่แล้ว”

ขณะที่ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกัน ก็มีคนเดินมาเข้าหาจริง ๆ
เฉินเฟิงมองดูคนที่มานั้น ทำให้เขาขำขันขึ้นเล็กน้อย

นึกไม่ถึงว่าจะเป็นไอ้อ้วน

เขานั่งอยู่ที่ตรงนั้น ส่วนไอ้อ้วนเองก็มองเห็นว่าเฉินเฟิงอยู่ที่ ตรงนั้น ขณะเดียวกันเขาก็เห็นพวกคนที่ยืนอยู่หน้าประตู แต่ เหมือนว่าจะไม่สนใจเรื่องที่คนอื่นขอความช่วยเหลือแล้ว โดยหัน หลังเตรียมที่จะวิ่งหนีไป

“นายมานี่”

เฉินเฟิงตะโกนเรียกไปทางไอ้อ้วน

ไอ้อ้วนรู้ตัวดีว่าตนเองวิ่งหนีไปไม่ทันแล้วจึงได้หมุนตัวกลับมา และเดินเข้าไปหาเฉินเฟิง

ท่าทางของเขาดูแย่มาก เหมือนกับว่ามีญาติพี่น้องเสียชีวิต

อย่างไรอย่างนั้น

เป็นไปได้ว่ากำลังแอบด่าคนพวกนั้นอยู่ในใจว่าทำไมไม่ไปหา เรื่องหาราวกับคนอื่น แต่ดันมาหาเรื่องกับเฉินเฟิงผู้นี้

แต่ในที่สุดก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของเฉินเฟิงอย่างตรงไปตรง

“คุณชายเฉิน ท่านเรียกข้าเหรอ! ”

เฉินเฟิงยิ้มและพูดว่า

“นายมาที่นี่เพื่อเตรียมตัวที่จะทำอะไร? ”

ไอ้อ้วนรับโบกมือปฏิเสธและพูดว่า
“เปล่า ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะมา หากไม่ใช่เพราะคุณชายเงินเรียก ข้า ขากำลังที่จะไปด้านหลังสวน

เขาแก้ต่างเล่นลิ้นอย่างรวดเร็ว แต่มีคนที่อยู่ด้านนอกประตู กลับเห็นและรู้จักเขา

“เถ้าแก่ซุน คุณไม่รู้จักฉันแล้วเหรอ ฉันโจวซิงยังไงล่ะ”

ไอ้อ้วนถึงขนาดอยากที่จะโบกมือให้เขาหยุดเรียกได้แล้ว แต่ ฝ่ายตรงข้ามมองเห็นแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจถึงความหมายที่ได้ อ้วนต้องการจะบอกกล่าว

“เถ้าแก่ซุน คุณทำไมถึงลืมกันแล้วล่ะ ครั้งก่อนพวกเรายังทาน ข้าวด้วยกันอยู่เลย? ไม่ใช่จะหลงลืมกันง่าย ๆ อย่างนี้แล้ว

เฉินเฟิงหัวเราะเบา ๆ

“เพื่อของนายเหรอ? ”

ไอ้อ้วนปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด

“เป็นไปได้อย่างไร ข้าเองไม่รู้จักกับพวกเขาสักหน่อย”

“นายไม่รู้จักพวกเขาจริง ๆ ใช่ไหม? แต่ทำไมข้าดูว่ามันไม่ เหมือนล่ะ! ที่จริงแล้วก็ไม่เป็นไร หากว่าเป็นเพื่อนของนายจริง ๆ ข้าเองก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร ข้าเป็นคนที่พูดง่ายอยู่แล้ว”

แต่ไอ้อ้วนก็ยังคงยืนกรานหนักแน่นที่ปฏิเสธว่าไม่รู้จัก

“คุณชายเฉิน ข้าไม่รู้จักจริง ๆ ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ที่นั่นยังมี เรื่องที่ขาต้องไปจัดการอีก หากว่าท่านไม่มีเรื่องอะไรรับสั่งแล้วข้าก็ขอตัวไปทํางานก่อน

เขาแสดงท่าทางที่ต้องการจะเดินจากไปอย่างเดียว

“นายรอสักครู่ ข้าก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำอะไรนายสักหน่อย พวกคนเหล่านี้อยู่ตรงนี้เสียงดังรบกวน นายไปขับไล่พวกเขาให้ หน่อย ที่นี่เป็นคลับส่วนบุคคล เรื่องนี้คิดว่านายคงจะสามารถทำ มันได้นะ”

ไอ้อ้วนทราบดีว่าตนเองหนีไปไม่พ้นแล้ว จึงกัดฟันตอบรับเอา

“รับทราบ คุณชายเฉิน! ”

เขาเดินไปยังประตูทางเข้า คนเมื่อสักครู่ที่ทักทายเขาก็ได้ ทักทายกับเขาอีกครั้ง

“เถ้าแก่ซุน คุณมาเพื่อที่จะปล่อยให้พวกเราเข้าไปด้านในใช่

ไหม ไอ้คนบ้านนอกเมื่อครู่นี้คุณรู้จักเขาด้วยเหรอ? ”

ไอ้อ้วนหน้าเขียวขึ้นโดยพลัน จนถึงตอนนี้พวกเขายังจะสร้าง ความโกรธแค้นให้กับตัวเขาอีก จึงได้ ดุด่าอย่างรุนแรงออกไป

“คนบ้านนอกอะไรกัน ผู้นั้นคือเจ้าของคนครอบครองสวนชวน หยวนแห่ พวกนายยังจะมาพูดว่าคนบ้านนอกอะไรกันอีก ยัง ไม่รู้ตัวเองอีกหรือยังไงกัน

เมื่อไอ้อ้วนพูดจบ คนเหล่านี้ก็ถึงกับตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับว่าแสงสว่างของดวงอาทิตย์มอดดับลงอย่างไรอย่างนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ

แต่ไอ้อ้วนคงจะไม่ล้อเล่นเรื่องนี้กับพวกเขาอย่างแน่นอน ผู้หญิงร่างผอมบางผู้นั้นถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า

“ท่านไม่ได้โกหกพวกเราใช่ไหม”

ไอ้อ้วนพูดด้วยอารมณ์โกรธเคือง

“ข้าโกหกคุณ ข้าทำไมจะต้องโกหกคุณด้วยล่ะ มันมีประโยชน์ อะไรกับข้าบ้าง”

พูดจบ เขาก็ได้แสดงท่าทางขับไล่

“นี่ท่านกำลังหมายความว่าอย่างไร?”

มีคนถามขึ้น

“คุณชายเฉินไม่ยอมที่จะให้พวกคุณเข้ามา ดังนั้นพวกคุณ กลับกันไปเถอะ ที่นี่เป็นสถานที่ส่วนบุคคล เป็นสถานที่ของคุณ ชายเฉิน เขาไม่อยากในคนอื่นเข้ามา ข้าเองก็จนปัญญา”

ยังมีคนที่พยายามดิ้นรนไม่ยอมอยู่อีก

“นี่………ให้เป็นสถานที่ส่วนบุคคล แต่อยู่ในยันเจียง เขาก็ คงต้องการที่จะสานสัมพันธ์กับผู้อื่นบ้าง ซึ่งพวกเราต่างก็รู้จัก ผู้คนจํานวนมากมาย…….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ