บทที่ 808 ในสวนชวนหยวน
เฉินเฟิงกำลังยกมือขึ้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนของสือโฟน
“คุณชายเฉิน ได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตด้วยเถอะ
เฉินเฟิงมองไปที่เขาด้วยสีหน้าสงสัย ทำไมถือโพจนถึงได้มา ขัดขวางเขาด้วยล่ะ เมื่อเปรียบเทียบกับซิงซิวแล้ว เขายินยอมที่ จะฟังความคิดเห็นของสื่อโพงินมากกว่า โดยเขาทั้งสองคนรู้จัก สนิทสนมกันมานาน เขารู้ดีว่าสื่อโฟนไม่มีเหตุผลใดที่จะให้ร้าย เขา
“ทำไม? ” เฉินเฟิงถามขึ้น
สือโพจนพูดอย่างหนักแน่น
“ข้าไม่ได้ต้องการที่จะขัดขวางคุณชายเฉิน แต่มีความคิดบาง อย่างที่ต้องการจะพูดคุยกับท่านถ้าหากว่าท่านรู้สึกว่ามันไม่ เหมาะสม อย่างนั้นค่อยลงมือจัดการก็ไม่เสียหายอะไร แต่ หากว่าท่านคิดว่ามันเหมาะสม ข้าก็ถือว่าได้ช่วยเหลือคุณชาย เฉินเพื่อลดการเกิดปัญหาความยุ่งยากอื่น ๆ ที่จะตามมา
เจ้านี่มันช่างพูดเก่งเสียจริง เฉินเฟิงยิ้มและกล่าวขึ้น
“อย่ามามัวชักช้าอยู่เลย ข้าจะไม่รู้นิสัยของนายได้อย่างไร มี อะไรก็รีบพูดออกมาเดี๋ยวนี้”
ทว่าไม่เพียงแค่เฉินเฟิงเท่านั้นที่แปลกใจ ขนาดไอ้อ้วนที่มีท่าทางกังวลรวมถึงคนอื่น ๆ ก็แปลกใจเช่นกันว่าสื่อโฟนจะมี ความคิดเห็นอย่างไร แต่พวกเขาก็ผิดหวังไปตามกัน โดยที่ลือ โพจุนเดินเข้าไปที่ด้านข้างของเฉินเฟิง และกระซิบพูดที่ข้างหู ของเขา แล้วเฉินเฟิงก็หัวเราะดังขึ้น
“นายมีความคิดที่ดีจริง ๆ ตกลง ฟังนายก็แล้วกัน ข้าสามารถ ที่จะปล่อยไว้ชีวิตไอ้คนนี้ไปได้
สือโฟนก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“อย่างนั้นเท่ากับว่าข้าก็ได้ทำเรื่องที่ดีแทนคุณชายเฉินแล้ว เรื่องหนึ่ง”
แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่าสือโฟจุนนั้นพูดอะไรบ้าง แต่ได้ยินว่า เฉินเฟิงจะปล่อยไว้ชีวิตหวางลั่วปิง ไอ้อ้วนกับคนอื่น ๆ ก็คือก ดีใจยกใหญ่ และกล่าวขอบคุณ
แต่เฉินเฟิงกลับพูดขัดขวางขึ้นไว้
“พวกนายยังไม่ต้องรีบร้อนที่จะกล่าวขอบคุณข้า นอกจาก สิ่งของที่พวกนายตกลงจะให้ข้าแล้วนั้น ข้ายังต้องการสิ่งของอีก ชิ้นหนึ่ง”
ไอ้อ้วนกับคนอื่น ๆ ต่างก็หวาดระแวงขึ้นอีก โดยเงื่อนไขที่ เสนอให้เมื่อครู่นั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาได้ยินยอมเสนอให้อย่างที่สุด แล้ว หากว่าจะต้องการอะไรอีก ต่อให้พวกเขาขายตนเองทิ้งก็ เกรงว่าจะไม่มีทางที่จะให้ได้ตามที่ต้องการแล้ว
เฉินเฟิงยิ้มแล้วก็ชี้ไปยังไอ้อ้วน
ไอ้อ้านมองไปที่เฉินเฟิงด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่า หมายความว่าอย่างไร
” นายนั่นแหละไอ้เจ้าอ้วน ข้าชื่นชอบในตัวของนาย
ไอ้อ้วนตกใจถึงขนาดคุกเข่าลงบนพื้น ตะโกนร้องขอชีวิตเสียง
“คุณชายเฉิน ท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าเป็นเพียงสิ่งของที่ไม่มี คุณค่าอะไรเลย ท่านจะเอาชีวิตข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยังจะ เป็นการทำให้มือของท่านสกปรกเสียอีก ท่านไว้ชีวิตข้า ข้าจะ สวดมนต์ไหว้พระขอพรให้ท่านทุกวัน ขอให้ท่านมีชีวิตยืนยาว อายุนับร้อยปี
ไอ้อ้วนที่กลับกลอกผู้นี้นึกไม่ถึงว่าจะเกรงกลัวความตายขนาด นี้ เฉินเฟิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“ข้าไม่ได้ต้องการชีวิตของนาย ต่อไปนายมาติดตามข้า หากว่าซื่อสัตย์ไม่คดโกง ข้ารับรองว่านายจะปลอดภัยไร้ความ กังวลไปตลอดชีวิต”
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ไอ้อ้วนก็ยังคงร้องขออ้อนวอน
เฉินเฟิงทนรำคาญไม่ไหวและพูดขึ้นว่า
“หากกล้าที่จะพูดมากอีก ข้าจะเอาชีวิตของนายเดี๋ยวนี้
คำข่มขู่นี้ทำให้ไอ้อ้วนตกใจกลัวจนไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก โดยสีหน้าที่ร่ำไห้เสียใจนี้ ดูไม่ดีดูแย่เอาเสียมาก
เรื่องราวในสวนชวนหยวนก็ได้สิ้นสุดลง
เฉินเฟิงก็ไม่ได้ไปสืบเสาะรับฟังเรื่องราวของคนเหล่านั้นอีก แต่ทราบว่าหวางลั่วปิงถูกนำตัวกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ ที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนซิงซิวนั้นก็หายสาบสูญไป ไม่ ทราบว่าไปอยู่ที่แห่งใด
ในส่วนของไอ้อ้วนที่ถูกเฉินเพิ่งนำตัวกลับมานั้น ก็ได้ส่งตัวไป ให้กับสือโฟจุน โดยเฉินเฟิงก็ไม่ได้ใช้งานอะไรเขาสักเท่าไหร่ ส่วนเรื่องอื่นที่เหลือ ก็คือหินพิเศษที่เฉินเฟิงนำกลับมานั่นเอง
เขาศึกษาพิจารณาอยู่ทั้งวัน ก็ทราบได้ว่าที่จริงแล้วส่วนที่มี ความพิเศษก็คือกล่องใบนั้นต่างหาก ซึ่งก็เป็นคลื่นสัญญาณที่ ออกมาจากกล่องใบนั้นที่รบกวนความคิดของเขา ส่วนหินก้อน นั้นก็เป็นเพียงแค่หินธรรมดาเท่านั้นเอง
การค้นพบครั้งนี้เกือบที่จะทำให้เฉินเฟิงต้องบินไปยังตะวัน ออกเฉียงเหนือ เพื่อไปจับตัวยอดฝีมือจากภาคตะวันออกเฉียง เหนือกลับมา
แต่ผ่านไปสองวัน เขาก็คลายความโกรธลง ก็ยิ้มหัวเราะต่อ ตนเอง เดิมทีก็เป็นแค่ค่าเล่าลือ ทำไมจะต้องเชื่อกันอย่าง ง่ายดายขนาดนี้ล่ะ จะต้องโทษตนเองที่โลภมากจนเกินไป
สวนชวนหยวนที่ได้รับจากหวางถั่วชิงถือเป็นสถานที่ที่ดีงาม อย่างมาก คลับด้านหน้าทั้งหมดและภูเขาด้านหลังต่างก็เป็น พื้นที่ของสวนนี้ทั้งหมด
ไม่มีไอ้พวกคนที่น่ารำคาญเหล่านั้นเข้ามาด้านใน เฉินเฟิงก็ได้ พาหลินหวั่นซิวเข้ามาพักผ่อนอย่างสบายใจ
“ทำไมคุณถึงคิดที่จะมาหาฉันแล้วล่ะ ฉันคิดว่าคุณได้หลงลืม ฉันไปแล้วเสียอีก”
เมื่อพบเจอหน้ากันหลินหวั่นชิวก็ได้พูดบ่นขึ้นบ้าง
“ฉันก็แค่ยุ่งบ้างเล็กน้อย นี่เมื่อมีเวลาแล้วก็รีบมาหาคุณเลย ไม่ใช่เหรอ? คุณยังจะมาบ่นว่าฉันอีก ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก แล้ว”
“คุณอย่ามาทําเป็นว่าไม่ได้รับความชอบธรรมอะไรอย่างนี้นะ
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงแสดงท่าทางที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมออก มา หลินหวั่นชิวก็ชกหมัดเข้าไปที่ร่างของเฉินเฟิง
เฉินเฟิงก็ยิ้มรับหมัดที่ชกออกมานี้ และก็ทำทีเป็นว่าเจ็บปวด
รุนแรงอย่างมาก
หลังจากที่หยอกล้อกันกับหลินหวั่นซิวแล้ว ก็ได้ดื่มฉ่ำชื่นชม กับบรรยากาศและความสุขสบายของสวนแห่งนี้อย่างเต็มที่
ขณะที่เฉินเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิงข้างสระว่ายน้ำและกำลัง เคลิ้มหลับนั้น ก็ได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายขึ้น
เขารู้สึกแปลกใจ จึงเดินไปตามทิศทางที่เสียงดังขึ้นมาโดยที่ สวมใส่เพียงแค่กางเกงขาสั้น
เดินจนใกล้ที่จะถึงประตูทางเข้า จึงเห็นว่ายามกำลังขัดขวางห้ามไม่ให้คนภายนอกเข้ามาด้านใน
ซึ่งก็เหมือนกับตอนแรกที่ขัดขวางเฉินเฟิงอย่างนั้น แต่หลัง จากที่เฉินเฟิงเป็นเจ้าของสวนแห่งนี้แล้วก็ไม่ได้ที่จะไปคิดหาเรื่อง อะไรกับเขาอีก
เพียงได้ฟังสองสามคำ เงินเฟิงก็พอจะทราบแล้วว่าเกิด
เหตุการณ์อะไรขึ้น
เขาเดินเข้าไป หลินหวั่นชิวก็เดินตามมาด้วยพอดี
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ”
“ฉันก็เพิ่งมาถึง เราเดินไปดูพร้อมกันเถอะ! ”
เมื่อมาถึงด้านข้างของยามผู้นั้น เฉินเฟิงจึงได้เห็นใบหน้าของ
ฝ่ายตรงข้าม
ผู้ชายสามคนกับผู้หญิงสองคน อายุใกล้วัยกลางคน โดย คนในกลุ่มนี้ที่โวยวายเอะอะมากที่สุดก็คือผู้หญิงวัยกลางคนที่ แต่งตัวแบบทันสมัย
“ทำไมถึงไม่ให้พวกเราเข้าไปด้านใน พวกเราเป็นสมาชิกของ ที่นี่”
“การเป็นสมาชิกของพวกคุณนั้นได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ดังนั้นฉัน จึงให้พวกคุณเข้าไปไม่ได้”
หลังจากที่เฉินเฟิงครอบครองสวนแห่งนี้แล้ว แน่นอนว่าไม่ อนุญาตให้พวกคนอื่นที่วุ่นวายเหล่านั้นเข้ามาด้านในได้อีก ดังนั้นเขาจึงได้สั่งคนให้จัดการยกเลิกผู้ที่เป็นสมาชิกทั้งหมด โดยที่ ได้จ่ายเงินชดเชยตามที่สัญญาระบุเอาไว้
แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาหาเรื่องสร้างความวุ่นวายอีก
“ยกเลิกอะไรกัน ฉันเป็นสมาชิกของที่นี่ พวกคุณไม่มีสิทธิที่จะ ยกเลิก คุณไม่รู้หรืออย่างไรว่าพวกเราเป็นใคร?
เฉินเฟิงไม่ได้พูดอะไร เขาต้องการจะดูว่ายามผู้นั้นจะปฏิบัติ กับคนอื่นเหมือนกันกับที่เคยปฏิบัติต่อเขาหรือไม่
ดีที่ว่ายามผู้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด เขาพูดว่า
“เบื้องบนมีประกาศออกมาแล้ว ฉันก็ไม่มีสิทธิอะไร และฉันก็ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้พวกคุณเข้าไปด้านในได้
“นายไปตามหัวหน้าของพวกนายมา ฉันไม่เชื่อว่าวันนี้ฉันจะ
เข้าไปด้านในไม่ได้ ทั่วทั้งยันเจียงไม่มีผู้ใดที่กล้าจะไม่เห็นแก่
หน้าของฉัน ซึ่งฉันไม่เคยพบเจอมาก่อน
ผู้หญิงคนนั้นพูดจาโอ้อวดเป็นอย่างมาก
หลินหวั่นชิวเริ่มใจอ่อนลงบ้างแล้ว เธอรู้สึกว่ายามที่แบกรับ ความกดดันมากขนาดนี้นั้นน่าสงสาร จึงได้ถึง ๆ แขนเฉินเฟิง
“คุณไม่แสดงตัวหรอกเหรอ?
“รออีกสักครู่ พวกคนเหล่านี้มักจะใช้อำนาจบาตรใหญ่อยู่เป็น ประจํา ปล่อยให้พวกเขาถูกเล่นงานบ้างก็ถือเป็นเรื่องดี”
ในเมื่อเฉินเฟิงพูดขึ้นอย่างนี้แล้ว หลินหวั่นชิวจึงทำได้เพียงยืนเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้าง
หลายคนในนั้นเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างจะโอ้อวดเกินไป
แล้ว ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูค่อนข้างหนักแน่นจึงได้ดึงตัวของผู้หญิงวัย กลางคนนี้เอาไว้ ชายที่สวมแว่นตาได้เดินอ้อมฝ่ายตรงข้ามไป และได้มายืนอยู่
เบื้องหน้าของยาม
เขาค่อย ๆ พูดกับยามผู้นั้นอย่างช้า ๆ ว่า
“นายอยู่ในตำแหน่งหน้าที่นี้ไม่รู้จักพวกเรานั้นก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแค่นายไปเชิญผู้จัดการของนายมา พวกเราก็จะไม่ทำอะไร นาย ฉันคิดว่าหากเป็นแบบนี้คงจะไม่มีปัญหาอะไร
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ