บทที่ 632 จึงเถิงเข้ามายังทางโลก
หลังจากรู้เรื่องที่เฉินเฟิงสร้างความตื่นตระหนกตกใจที่ประเทศ ญี่ปุ่น หัวหน้าครอบครัวตระกูลจึงตัดสินใจให้ผู้สืบทอดตระกูลจิ้ง ท้าประลองเงินเฟิงทันที
เงินเฟิงคือกระดานก้าวกระโดดที่ดีที่สุดของตระกูลซึ่งในการ สร้างชื่อเสียงในวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซีย
ถ้าขณะที่เฉินเฟิงกำลังมีชื่อเสียง แล้วแพ้ด้วยมือของผู้สืบทอด ตระกูลจิ่ง ตระกูลจิ่งก็จะสามารถก้าวกระโดดขึ้นเป็นผู้นำของ แปดตระกูลศิลปะการต่อสู้เก่าแก่ใหญ่ของหวาเซีย
“พ่อครับ ผู้สืบทอดตระกูลจึงจะจัดการไอ้ลูกเมียน้อยนั่นเมื่อ ไหร่?” เฉินอิงไฉอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น เขาในเวลานี้ อยากเห็น เฉินเฟิงถูกผู้สืบทอดตระกูลจึงฆ่าตายเป็นอย่างมาก
“สองสามวันนี้แหละ” เฉินโป๊ยุงตอบเสียงเรียบ ตระกูลศิลปะ การต่อสู้เก่าแก่อย่างตระกูลลิ่ง ก่อนที่จะลงมือ ต้องป่าวประกาศ ไปทั่วก่อน มีเพียงแค่ให้เรื่องนี้ป่าวประกาศไปทั่วจนถึงจุดสุด ยอดก่อน ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ผู้สืบทอดตระกูลจึงจะ ลงมือ
“ก็ดีครับ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้ไอ้ลูกเมียน้อยมีชีวิตเพิ่มขึ้น อีกไม่กี่วัน” เฉินอิงในหัวเราะในลำคอ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะคำ สั่งของเฉินเจิ้นหนาน ตระกูลเฉินจึงไม่สามารถทำอะไรเงินเพิ่งได้ เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ ตระกูลจิ่งจะลงมือจัดการเงินเฟิง ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลเฉิน
คฤหาสน์ตระกูลจึงมีแค่ตระกูลจึงซึ่งเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้ เก่าแก่อยู่อาศัยแค่ตระกูลเดียว ซึ่งคฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขา เป็นที่อยู่ของบรรพบุรุษตระกูลจิ่ง ซึ่งมีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเวลากว่าพันปี
เวลาเช้าตรู่ แสงยามเช้าปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ข้ามเส้นขอบฟ้า จากทิศตะวันออกมายังทิศตะวันตก สาดส่องลงมาบนภูเขา สรรพสิ่งอาบแดดยามเช้า เริ่มต้นวันใหม่
ภูเขาเมิงซึ่งอยู่ห่างจากหนานกุ้ยประมาณสามสิบกิโลเมตร บนยอดเขามีหมอกปกคลุม แสงแดดสาดส่อง เปล่งประกายสี ทองอร่าม ราวกับเมืองสวรรค์
บ้านไม้ราวสิบกว่าหลังตั้งอยู่บนภูเขา ในวันที่หมอกหนาไม่
สามารถมองเห็นได้
ที่นี่คือที่อยู่ของบรรพบุรุษตระกูลจิ่ง แทบจะตัดขาดจากโลก ภายนอก มีน้อยคนนักที่จะรู้จัก
ในหมอกหนา ชายหนุ่มสวมชุดคลุมตัวสายสีขาว นั่งขัดสมาธิ อยู่บนก้อนหินซึ่งอยู่บนยอดเขา แหงนหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ สูดลมหายใจเข้าออกไม่หยุด
การหายใจของเขาเชื่องช้าและยาว ท้องป่องขึ้นมาทุกครั้งที่ สูดหายใจเข้า ราวกับลูกบอลที่ถูกสูบ
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาคืออัจฉริยะจึงเถิงที่ตระกูลจิ่งเฝ้าปลูกฝังเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี
ตระกูลจึงคือศิลปะการต่อสู้แห่งตระกูลใหญ่ ซึ่งอยู่มานานกว่า พันปี ในสมัยบูโดโบราณหวาเซียมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เป็น หนึ่งในศิลปะการต่อสู้แห่งตระกูลใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุด
บรรพบุรุษของตระกูลจิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ผสมผสานกับแก่น แท้ของศิลปะการต่อสู้หวาเซีย ทำให้เกิดเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ ไม่มีใครเทียบได้หมัดหยินหยาง
หมัดหยินหยาง เป็นไปตามชื่อหมัด เป็นการผสานรวมหยิน และหยาง เป็นวิชาหมัดที่ฝึกจากภายในสู่ภายนอก
ภายใน ใช้ลมหายใจเพื่อเสริมสร้างอวัยวะภายในทั้งหมด ของร่างกาย นอกจากนี้ยังใช้ยาสมุนไพรอาบตัวเพื่อเสริมสร้าง กล้ามเนื้อ
ด้วยเหตุนี้ หมัดหยินหยางไม่เพียงแต่มีวิชาหมัดเท่านั้น ยังมี วิชาหายใจและการใช้ยามาช่วยเสริม ทั้งหมดได้รับการสืบทอด มาเป็นลำดับ เป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลจึง
ในฐานะผู้สืบทอดที่ตระกูลจึงเลี้ยงดูปลูกฝังมาเป็นอย่างดี จึง เถิงฝึกหมัดหยินหยางอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงกระบวนท่าของ หมัดและวิชาหายใจ ทางด้านยาอาบนั้นสมุนไพรที่ต้องใช้มีฉิ่ง หยุนหลินคอยหามาให้ แล้วส่งมาตามวันเวลาที่กำหนด
การปลูกฝังเลี้ยงดูผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งสักคนหนึ่งนั้น ในทุก วันต้องใช้ยาสมุนไพรราคาแพงมาต้มเป็นยาเพื่อใช้อาบน้ำ จํานวนสมุนไพรที่ต้องการนั้นมากมายมหาศาล ราคาก็ยิ่งไม่สามารถประมาณค่าได้
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลจึงจัดตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจแพทย์ทหารและ สมุนไพร อาศัยสูตรยาและทักษะทางการแพทย์ที่บรรพบุรุษ สืบทอดมาให้ ตระกูลจึงได้กลายเป็นวิชาชีพทางแพทย์ที่เก่งที่สุด ในหวาเซีย
ตอนที่พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นมา หมอกบนยอดเขาค่อยๆ กระจายตัวออกไป จึงเถิงลืมตาขึ้น ดวงตาคมกริบราวกับดาบ เลือดพลุ่งพล่านไปทั้งตัว ราวกับเตาไฟร้อนแรง
จากนั้น เขาหยุดใช้วิชาหายใจลึกลับนั่น เลือดในร่างกาย ค่อยๆคงที่ กลั้นหายใจ เขาดูเหมือนกระบี่ล้ำค่าที่เก็บเข้าไปใน ปลอกกระบี่
“คุณชาย”
ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเทาตัวยาวเดินเข้ามา เขาโค้งตัวลงแล้วกล่าวทักทายจึงเถิง
เขาชื่อมหยาง คือ ถง เด็กรับใช้)ของจิ่งเถิง
ในสมัยโบราณมีซูถง (เด็กรับใช้) ที่คอยเรียนหนังสือเป็น เพื่อนลูกๆของเหล่าขุนนางและผู้สูงศักดิ์ ในเวลาเดียวกันก็มีถึง คอยฝึกวรยุทธ์กับผู้สืบทอดของศิลปะการต่อสู้แห่งตระกูลใหญ่ ถือว่าเป็นคู่ฝึกซ้อม
ภายใต้แสงแดดยามเช้า ใบหน้าของมู่หยางเต็มไปด้วยความ
เคารพและหวาดกลัว
เคารพ เป็นเพราะจึงเถิงเป็นผู้สืบทอดตระกูลจึง
หวาดกลัว เป็นเพราะความสามารถของจึงเกง เขาอายุแค่ ยี่สิบหกปีก็บรรลุระดับหัวจิ้ง
ถ้าไม่มีเฉินเฟิง จึงเถิงถือเป็นคนหนุ่มในหวาเซียที่บรรลุระดับ ทั้งจิ้งเร็วที่สุด!
อีกทั้ง หัวจิ้งที่จิ่งเถิงบรรลุ วัดประเมินความสามารถโดยแดน ของโบราณ ไม่ได้เทียบจากจอมยุทธ์หัวจิ้งของบูโดในตอนนี้
“อืม”
จึงเถิงลุกขึ้นช้าๆ เขาพยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการตอบรับ
“คุณชายครับ วันนี้คุณชายลาศีลหรอครับ?” มู่หยางถามด้วย ความเคารพ
วันนี้เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่าจะถึงการแข่งขันบูโดหวาเซีย ของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก จากแผนการของจิ่งเถิง ก่อนหน้านี้ ลา ลวันนี้
“สองวันที่ผ่านมานี้ฉันเพิ่งเข้าใจเกี่ยวกับหมัดหยินหยางใหม่
ต้องทำความเข้าใจและรวบรวมผสานใหม่อีกหนึ่งรอบ นายไป บอกคุณปู่ อีกสองสามวันฉันค่อยลาศีล” จึงเถิงตอบกลับเสียง เรียบ
เมื่อได้ยิน มู่หยางอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “คุณชาย คุณท่าน ยังไม่ได้บอกเรื่องท้าประลองกับเฉินเฟิงให้ฟังหรอครับ?”
“ท้าประลองกับเฉินเฟิง?”
จึงเถิงขมวดคิ้วเป็นปม : “เฉินเฟิงคือใคร? ทำไมฉันต้อง ประลองกับเขาด้วย?
หยางยิ้มเศร้า “คุณชาย ดูท่าคุณท่านยังไม่ได้บอกคุณชาย ถึงเรื่องของโลกภายนอกที่เกิดขึ้นช่วงนี้
“เฉินเฟิงเป็นจอมยุทธ์อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ภายนอกครับ เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นชายหนุ่มอันดับหนึ่ง ของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซีย
“ชายหนุ่มอันดับหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย?” ได้ยินการขนานนามนี้ สีหน้าของจึงเถิงนิ่งงัน ในฐานะอัจฉริยะ แน่นอนว่าเขามีความหยิ่งทระนงของอัจฉริยะ แม้ว่าทุกวันนี้เขา จะบรรลุระดับหิ้วจิ้งแล้ว เขาก็ไม่กล้าขนานนามตนเองว่าชาย หนุ่มอันดับหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซีย วันนี้ไม่รู้ว่า หมาแมวโผล่มาจากที่ไหน กลับถูกคนเรียกว่าเป็นชายหนุ่ม อันดับหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซีย แล้วเขาจะไม่โมโห ได้ยังไง?
“คุณชาย หลายเดือนที่ผ่านมานี้คุณชายเอาแต่เก็บตัวถือศีล คงไม่รู้จักเฉินเฟิง ”
“คนๆนี้เมื่อครึ่งเดือนก่อน เรียกได้ว่าดังไปทั่วโลก” มู่หยางไม่ แปลกใจที่จิ่งเถิงโมโห เขารู้ดีว่าวิ่งเฉิงเป็นคนหยิ่งทระนง
“พูดมาก! ฉันต้องการรู้ข้อมูลทุกอย่างของคนนี้” จิ่งเถิงพูด เสียงเย็นยะเยือก เดิมทีเขาคิดอยากจะเก็บตัวถือศีลเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับหมัดหยินหยางต่อ แต่ว่าตอนนี้………
ไม่มีความจำเป็นนี้แล้ว!
“คุณชาย คนคนนี้เป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเฉินที่ยัน เจียง……”
หยางบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเฉินเฟิงออกมาจนหมดตั้งแต่เขา เป็นใครมาจากไหนไปจนถึงเรื่องที่เขาช่วงที่ผ่านมา
หลังจากจึงเถิงฟังจบ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น
ไม่พูดไม่ได้จริงๆ เขารู้สึกคาดไม่ถึง
แปลกใจกับตัวตนของเฉินเฟิง และแปลกใจกับสิ่งที่เฉินเฟิง เคยทํา
เกิดเป็นคนของตระกูลเฉิน ในยันเจียง แต่กลับเป็นลูกนอก สมรสที่ไม่ได้รับการต้อนรับ อีกทั้งยังเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน ในเมืองชางโจว
อดทน ในเมืองชางโจวมานานสามปี วันหนึ่งเกิดระเบิด
อารมณ์ออกมา เผยความสามารถหัวจิ้งชั้นต้นออกมา
จากนั้น คนๆนี้เหมือนบรรลุกระจ่างแจ้ง เริ่มจากการต่อสู้ใน การเดิมพันระหว่างสมาคมการค้าจงไห่และสมาคมการค้าเซีย สุ่ย เริ่มต้นด้วยเรื่องดีๆ
จากนั้นไปประเทศญี่ปุ่นคนเดียว ฆ่านินจาชั้นสูงไปสองคน รวมถึงอันดับเทพผู้แข็งแกร่งอีกสองคน……
ความสําเร็จจากการต่อสู้ดังกล่าว สมแล้วที่ถูกเรียกว่าชาย หนุ่มอันดับหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซีย
แต่ว่า…..
ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในตอนที่จึงเถิงยังไม่เข้าไปยุ่งเรื่องทาง โลก ตอนนี้จึงเถิงเข้ามายุ่งเรื่องทางโลกแล้ว ชื่อของชายหนุ่ม อันดับหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซีย ควรจะหลีกให้ แล้ว!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ