ลูกเขยมังกร

บทที่ 351 ม้วนเสื่อไสหัวไปซะ



บทที่ 351 ม้วนเสื่อไสหัวไปซะ

“แต่คุณหนูเจียงวางใจได้ ผมรับรองว่า จะไม่หมกเม็ด สิ่งที่สามารถสอนคุณได้ ผมจะ สอนให้หมด พยายามช่วยให้คุณสามารถเข้าสู่ ประตูแห่งกำลังภายในให้ได้ในเร็ววัน เฉินเฟิงยิ้มบอก

เจียงหยู่ถึงในตอนนี้ยังไม่มีคุณสมบัติ พอที่จะเป็นศิษย์ของเขา

เซียวถั่วจง เป็นถึงเก้าปรมาจารย์ของ หวาเซีย

ถึงเขาจะไม่ได้ตั้งสํานักขึ้นมา แต่ชื่อ ของเขาก็เป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดในยุทธภพ!

อยากเป็นศิษย์สํานักของเซียวถั่วจง พรสวรรค์ นิสัยต้องอยู่ในระดับสุดยอดเท่านั้น

ซึ่งเจียงหยู่ถึงยังห่างไกลนัก

อีกอย่างพิธีคารวะอาจารย์ถือเป็นหนึ่ง ในพิธีโบราณที่สำคัญมากที่สุดในวงการศิลปะ การต่อสู้ การคุกเข่าคำนับ คารวะด้วยน้ำชา เป็นพิธีการที่ขาดไม่ได้เลย อย่างที่เจียงหยู่ถึง กลับดูเป็นการล้อเล่นไป

“แหะๆ ก็ได้” เจียงหยู่ถึงหัวเราะแหะๆ แลบลิ้นแหย ดูอารมณ์ดี จากนั้นเธอก็หยิบมือ ถือออกมา: “เรามาแอดวีแชทก่อนซะกัน แอด เสร็จฉันพานายไปเซ็นสัญญา”

“ตกลง” เฉินเพิงพยักหน้า หยิบมือถือ ออกมาแลกวีแชทกับเจียงหยู่ถึง

ตอนนี้เองเขาพึ่งเห็นว่า อวีแชทของ เธอคือจอมยุทธ์หญิงเหินฟ้า

เฉินเฟิงมุมปากกระตุก ได้ สมเป็นเจียงห ยู่ถึง

มีเพียงหยู่ถึงคอยนำทาง การเซ็นสัญญา ยาต้านมะเร็งไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว

ส่วนหลี่เล่อ ตั้งแต่เจอกับเจียงหยูถิง ก็ อยู่ในภาวะอึ้งตัวแข็งมาตลอด

จนออกจากโรงพยาบาล เขาจับสัญญา ในมืออย่างอึ้งๆ อ้าปากกว้างมองเฉินเฟิง: “พี่ เฟิง นี่เรา….ได้สัญญามาแล้ว?

“อืม ได้มาแล้ว กระดาษขาวหมึก ตรา ประทับแดงเลยด้วย” เฉินเฟิงหัวเราะ ขั้นตอน ในการเซ็นสัญญาครั้งนี้ราบรื่นเกินความคาด หมายของเขา เหมือนคำที่ว่าไว้จริงๆว่า มีเส้น สายสะดวกขึ้นเยอะ มีเจียงหยู่ถึงนำทาง ผู้รับ ผิดชอบแผนกจัดซื้อเจอเขากับหลี่เล่อ ท่าที แบบว่าสนิทชิดเชื้อมาก

“พี่เฟิง พี่นี่มัน….สุดยอดจริงๆ!” หลี่เล่อ หน้าแดงก่ำอย่างตื่นเต้น สัญญาที่มาเซ็นกับ โรงพยาบาลตุงถึงมีราคาเกือบสิบล้าน นี่เป็น สัญญาใหญ่ที่สุดที่เขาเซ็นได้มาตั้งแต่เข้า บริษัทเภสัชกรรมคางเหมยมาเนีย

กำไรของสัญญานี่สูงกว่าสัญญาอื่นที่ เขาเคยเซ็นมาได้มากนัก

ลองคิดคร่าวๆ อย่างน้อยต้องมีสิบห้า

ล้านน่ะ! “จริงสิ พี่เฟิง พี่รู้จักกับลูกสาวผู้อำนวย การเจียงได้ยังไงน่ะ? ” หลี่เล่ออดถามไม่ได้ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเฉินเพิ่งจะรู้จักกับเจียง หญ่ ง

เพราะฐานะทั้งคู่ต่างกันมาก คนหนึ่งเป็น พนักงานระดับล่างของบริษัทเภสัชกรรมคาง เหม่ย ส่วนอีกคนกลับเป็นเจ้าหญิงน้อยของผู้ อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุด ของจงไห่ คนสองคนที่ไม่มีทางได้มา เกี่ยวข้องกันเลยกลับรู้จักกัน

เฉินเฟิงหัวเราะ พูดออกมาสั้นๆสองคำ: “ความลับ”

เขาไม่คิดจะอธิบายเรื่องนี้ให้หลี่เล่อรู้ เพราะโลกของจอมยุทธ์มันอยู่ห่างไกลจาก หลี่เล่อมากนัก

พอออกมาจากโรงพยาบาล ทั้งสองคนก็ มุ่งหน้ากลับมาที่คางเหม่ย

พอเข้าบริษัท สีหน้าเฉินเฟิงขรึมลง ของ บนโต๊ะทํางานของเขากับหลี่เล่อโดนคนเอา มาทิ้งไว้บนพื้น

เอกสาร ถ้วยชา…โดนโยนทิ้งไว้ทั่ว

“ใครทํา?!” เฉินเฟิงพูดเสียง อย่างขม อารมณ์โกรธ

“กูเอง!”

ทันทีที่เสียงเฉินเฟิงพูดจบ ชายหนุ่ม ร่างกายกำยำอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดคน หนึ่งยืนขึ้นมา เขาเดินมายืนหน้าเฉินเฟิงด้วย สีหน้ากร่างเต็มที่ มองเฉินเฟิงอย่างเหยียด หยาม กร่างใส่ว่า: “ของๆแกนะกูทิ้งเอง? มีไร ป่ะ?”

“เก็บขึ้นมาแล้วผมจะไม่ถือสาคุณ เฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าปอด พูดด้วยน้ำเสียง ราบเรียบ ผู้ชายที่ยืนตรงหน้าเขาชื่อหยางขุย เป็นลูกน้องหลีสื้อผิง ปกติคอยตามซะเลีย ถือหางรับใช้หลีสื้อผิงเสมอ เป็นหมาที่จงรัก ภักดีต่อหลีสื้อผิงมากที่สุด “ฮะฮะฮะ ไม่ถือสากู?” หยางขุยหัวเราะ

ฮาอย่างเกินจริง

จากนั้นเขาเก็บเสียงหัวเราะ พูดอย่าง เย็นซาว่า: “แกเป็นตัวอะไรหะ?! มีหน้ามา ถือสากงั้นหรอ?!”

ซี้ด!

คนรอบข้างอดสูดลมหายใจ ดไม่ได้

ใครๆก็ไม่คิดว่า หยางซุยจะเปลี่ยนหน้า

มือเป็นหลังมือขนาดนี้

พริบตาเดียวบรรยากาศทั่วทั้งบริษัท ตึงเครียดถึงขีดสุด

“หยางขุย ทําไมพูดกับพี่เฟิงแบบนั้น

ล่ะ?”

ตอนนี้เองหลี่เล่อเดินเข้ามาด้วยท่าที โมโห มายืนข้างเฉินเฟิง

“พี่เฟิง? ” หยางขุยมองหลี่เล่ออย่างไม่ แคร์ พูดประชดว่า: “แกเรียกไอ้ขยะนี่ว่าพี่เฟิง หรอ?”

หยางขุยหลุดหัวเราะพรืด: “นี่หลี่เล่อ แก นับวันยิ่งโง่ขึ้นทุกวันนะ”

“ขยะแบบนี้แกกลับเรียกมันว่า เฟิง งั้น ” ต่อไปเจอก แกไม่เรียกปู่ขุยเลยล่ะ?

“หยางขุย อย่ารังแกให้มากไปนักนะ! หลี่เล่อหน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้จะจัดการยังไงดี กับหยางขุยที่หน้าด้านหน้าทนแบบนี้

“ฮะฮะ รังแกมากเกินไป?”

“กูจะรังแก มึงจะทําอะไรกูได้?”

“แกจะทำอะไรกูได้? หา?” หยางขุยเดิน มายืนหน้าหลี่เล่อ ยิ้มเยาะและเอามือตบหน้า หลี่เล่อเบาๆสองสามที

ไม่ได้ตบแรง แต่กลับเหยียดหยามหลี่ เล่อหนักกว่าตบหน้าฉาดสิบเท่าร้อยเท่า

หลี่เล่อกัดฟันกรอด ดวงตาเฉินฟังแดง ก่ำไปด้วยความเกลียดชัง เขาจ้องหยาง ย เขม็ง เหมือนอยากจะขย้ำให้จมเขียว

สายตาดุดันแข็งกร้าวขนาดนี้จ้องเอา ทำ หยางขุยขนลุกซู่ และตามมาด้วยความโกรธ

เวรเอ๊ย ขยะเท่านั้น ทำไมกูต้องกลัววะ? หยาวบขยแอบด่าตัวเองในใจ

จากนั้นเขากะจะเข้าไปตบหน้าหลี่เล่อ สักสองฉาด ตอนนี้เองมีเสียงเยือกเย็นดังขึ้น จากข้างหลัง: “มารวมกันตรงนี้ทำไม? ไม่มี งานทํากันหรือไง?”

“พี่หลี่ หยาง ยดีใจ หันไปมองแบบซะ

เสีย

หวังซือหยวนเดินเคียงกันมากับหลี่ อ

“หยาง ย มาทําอะไรตรงนี้?” หลี่สื่อผิง แกล้งถามหน้าเคร่ง

หยาง ยยิ้มกริ่มบอกว่า: “พี่หลี่ ไอ้ขยะ สองตัวนี่ตาไม่มีแวว ผมกำลังจะช่วยพี่สั่งสอน พวกมันครับ” อ้อ?” หลี่ซื้อผิงเหล่เฉินเฟิงกับหลี่เล่อ ยิ้มมุมปากอย่างสนุกสนาน: “พวกมันตาไม่มี แววยังไง?”

“พี่บอกให้ผมเอาของพวกมันไปทิ้ง ผม ทิ้งเสร็จ พวกมันไม่ยอม ยังบอกให้ผมเก็บของ ให้พวกมันด้วย พี่ว่าพวกมันตามีแววไหมล่ะ ครับ? ” หยางขุยหัวเราะ ๆ

“ก็ไม่มีอยู่นะ” หลี่ซื้อผิงพยักหน้าเบาๆ

จากนั้นเขาเบนสายตาไปที่เฉินเฟิง: “ของๆแกกับหลี่เล่อฉันให้หยางขุยเอาไปทิ้ง เอง ถ้าพวกแกมีปัญหาอะไร มาถามที่ฉันนี่

ทําไมต้องทิ้งของๆพวกเราด้วย?” เฉินเฟิงถามเสียงนิ่ง

ทำไม?” หลี่ซื้อผิงหลุดหัวเราะพรีด “

“เฉินเฟิง ก่อนนี้ในห้องทำงานฉันบอกแกแล้ว ใช่ไหมว่า ถ้าดิลสัญญายาต้านมะเร็งจากโรง พยาบาลตุงถึงมาไม่ได้ แกกับหลี่เล่อก็ม้วน เสื้อไสหัวออกไปได้เลย?” “ใช่ คุณพูด” เฉินเฟิงพยักหน้า

“ในเมื่อเคยพูด งั้นฉันให้พวกแกม้วนเสื่อ เก็บข้าวของไสหัวไป ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ ไหม?” หลี่ อผิงทำหน้าสะใจ เดิมเขาคิดว่า เฉินเฟิงกับหลี่เล่อจะพยายามต่อได้อีกหน่อย แต่ไม่คิดว่า ทั้งสองคนไปไม่ถึงชม.ก็โดนคน ทางโรงพยาบาลตุงถึงไล่ออกมาแล้ว

“ม้วนเสื่อไสหัวไป?”

เฉินเฟิงยิ้มเย็นมุมปาก: “ทำไมพวกผม ต้องม้วนเสื่อไสหัวไปด้วย?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ