ลูกเขยมังกร

บทที่ 212 ต่างคนต่างมีแผนการ



บทที่ 212 ต่างคนต่างมีแผนการ

คนกลุ่มหนึ่งกลับมายังที่พักอีกครั้ง เวลาร่วงเลยจนตึกดื่นค่อนคืน พนักงานที่เดินเข้ามาในห้องพักของจูเจียเหยียน ก็หายตัวไปอย่าง ไร้ร่องรอย กล้องวงจรปิดในโรงแรม ก็ถูกคนตัดต่อไปตั้งแต่แรกแล้ว จูกว่างฉวนเองก็ไม่คิดหาวิธีในการหาเบาะแสไม่ได้

เรื่องนี้ ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคิดของเฉินเฟิงเลยสักนิด คนของสำ นักยู่นู เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์แนบชิดสนิทสนมกับผู้บริหารระดับ สูงของอ่าวโป๊ไห่

การยืมมือผู้บริหารระดับสูงของอ่าวโป๋ไห่เข้ามาช่วยเหลือ ทำลาย ร่องรอยที่เป็นไปได้ทุกอย่าง มันไม่ยากเลย

หลังจากที่สอบถามกันเสร็จสิ้นแล้ว เฉินเฟิงก็กลับมาที่ห้องพัก

ในเวลานั้นเอง ด้านในห้องรับแขกของวิลล่าหลังเล็กสไตล์ยุโรปที่ อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เฉินเฟิงพักอาศัยอยู่นั้น มีคนสวมใส่กระโปรง ชุดสีดำยาว หญิงสาวสูงโปร่งอรชรอ้อนแอ้นกำลังนั่งเอกเขนกอยู่บน โซฟา แถมยังจ้องมองรูปภาพบนมืออย่างเบื่อหน่าย

ถ้าเฉินเฟิงอยู่ที่นี่ละก็ คงต้องตกใจยกใหญ่ เพราะว่ารูปเหล่านี้ เป็นรูปของเขาทั้งหมด

ตอนขึ้นเขาก็เจอการโจรผู้ร้าย แต่พอมาอยู่ทางด้านหลังเขาก็มา ช่วยเหลือจูเจียเหยียนเหมือนว่าไม่มีอะไรแพร่งพรายออกมา!

“เป็นทายาทของตระกูลเฉิน มีปัญญาแค่นี้เอง” แวบเดียว หญิงสาวที่ สวมชุดดำก็ทำท่าปากยื่นปากยาวอย่างดูถูกดูแคลน พร้อมทั้งโยนรูป ที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ

“คุณหนู ทำไมพูดประโยคนี้ออกมา?” ด้านหลังหญิงสาวที่สวมชุดดำ ก็มีเสียงแหบของหญิงชราดั้งขึ้นมา “ป้าชิง คุณไม่ได้พูดออกมาแบบนี้เหรอ เฉินเฟิงคนนี้ อาจจะอยู่ใน ขั้นอ้านจิ้งขั้นสูงใช่ไหม? ทั้งๆ ที่เขาเป็นถึงอ้านจึ้งขั้นสูง กับอีแค่อ้านจึง ขั้นกลางก็ยังตามไม่ทัน” หญิงสาวชุดดำเบะปากพูด

หญิงชราที่อยู่ด้านหลังหญิงสาวที่ใส่ชุดสีกำเริ่มเบื่อหน่าย ความจริง แล้วเธอเองเคยเห็นรูปที่โดรนของตระกูลเยถ่ายมุมนั้นเอาไว้แล้ว แต่ ไม่ใช่ว่าเฉินเฟิงไม่ได้ตามรอยอู่จิ๋วโย แต่ว่าเฉินเฟิงไม่ได้คิดที่จะ แกะรอยตามอู่จิ๋วโยเลยด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่ายังขาดคำหนึ่ง แต่ความหมายมันก็ไม่เหมือนเดิม

คุณหนูของตนเองนั้นทั้งหยิ่งจองหอง เธอยอมที่จะเชื่อว่า เฉินเฟิง แกะรอยตามไปไม่ทัน แต่ก็ไม่ยอมจะเชื่อว่า เฉินเฟิงขี้เกียจแกะรอย ตามไปต่างหาก

“คุณหนู ทายาทตระกูลเฉิน อย่าดูถูกไว้ดีกว่า การที่จะยืมมือตระกูล เฉินเข้ามาช่วยเหลือนั้น สิ่งที่น่าเป็นไปได้สำหรับคุณก็คือ การ พยายามบ่ายเบี่ยงการถูกบังคับให้แต่งงานระหว่างตระกูลเติ้ง” หญิง ชราได้แต่ถอนหายใจ หลังจากที่เยตงเสี้ยวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นั้น เวลาของตระกูลเย่ก็เหมือนยิ่งย่ำแย่ขึ้นทุกวัน

ในโลกของคนทั่วไปนั้น ตระกูลเย่นั้นช่างเจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่อย่าง ไม่ต้องสงสัย

แต่ว่าระดับในโลกของบูโด ตระกูลเยในวันนี้ มันกลับถดถอยลงไป เหมือนไม้ที่ใกล้ฝั่งเต็มทน

เยตงเสี้ยวทิ้งจอมยุทธ์รุ่นสุดท้ายเอาไว้ ไปจากไปแล้ว ที่เสียชีวิตไป แล้ว เหลือคนไม่เยอะ

คนรุ่นใหม่ นอกจากเยไห่ถังแล้ว ไม่มีสักคนที่จะยืนออกมา เพื่อยืน

หยัดต่อสู้

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แค่เวลาไม่กี่ปี ตระกูลเย่ก็จะกลายเป็นครอบครัว บูโดที่ถูกเอาไว้ใช้งาน

“ป้าชิง ทางตระกูลเติ้ง มันน่ากลัวขนาดนั้นไหม?” เยไห่ถังเริ่มออก อาการเบื่อหน่าย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่ว่าเธอคิดว่าตนเองเป็น ผู้ชายมาโดยตลอด การฝึกฝนทางด้านบูโดที่มาถึงขั้นนี้ ถึงแม้ว่าปีนี้ เธออายุยี่สิบหกปีแล้วก็ตาม แต่เป็นถึงจอมยุทธ์ของหมิงจิ้งขั้นสูง ดัง นั้น เธอก็ไม่รู้สึกว่าอ้านจิ้งขั้นกลางของตระกูลเติ้งนั้น มันน่ากลัวมาก ขอเวลาให้เธออีกสักสี่ถึงห้าปี เธอก็จะบรรลุไปถึงขั้นอ้านจิ้งขั้นกลาง

ป่าชิงถอนหายใจ “คุณหนู คุณยังเด็ก คุณยังไม่เข้าใจ สำหรับ สถานะของตระกูลเยในตอนนี้ ตระกูลเติ้งกำลังคิดอะไรอยู่”

“อย่าเห็นว่าตอนนี้ป้าชิงอยู่ในขั้นอ้านจึ้งขั้นต้นแล้ว แต่วาป้าชิงตก อยู่ในมือเติ้งเฟิงเหนืยน ขนาดกระบวนที่สามก็ยังรับมือไม่ไหว อีก อย่าง ตระกูลเติ้งนอกจากเติ้งเฟิงเหนียนแล้ว ยังมีอู่จิ๋วโยตัวก่อปัญหา อยู่อีกหนึ่งคน ตัวก่อปัญหาอู่จิ๋วโย หลายปีนี้เอาแต่ฝึกวิทยายุทธด้าน มีด และขยายดินแดนไปเป็นพันๆ ลี้ จนมาถึงขั้นอ้านจึงขั้นสูง และใกล้ เข้าไปทุกที”

“พออู่จิ๋วโยถึงบรรลุถึงขั้นนั้นแล้ว ตระกูลเต็ง คงไม่ไว้หน้าตระกูลเย เราแล้ว ถึงเวลานั้น เกรงว่าพวกเขาก็ต้องบังคับให้คุณหนูแต่งเข้าบ้าน แน่ๆ

“ตามนั้นก็ได้” เย่ไห่ถังได้แต่เบะปาก ถึงแม้ว่าจะไม่ยินยอม แต่เธอก็ เข้าใจดี อำนาจบารมีของตระกูลเยในตอนนี้ มันอันตรายมากมาย เย่ ตงเสี้ยวก็ไม่อยู่ คนจำนวนน้อยนิดเหล่านี้ ก็เหมือนเป็นชิ้นเนื้ออันโอชะ ของตระกูลเย่ ถึงแม้ว่าไม่มีตระกูลเติ้ง ก็ยังมีตระกูลหลี่ ตระกูลหลี่จ้าว

“ป่าชิง ถ้าเฉินเฟิงไม่กล้าลงมือกับตระกูลเติ้งแล้วเราจะทำยังไงดี” เยไหถังเอ่ยปากถาม ตอนนี้เธอเองก็หวาดกลัวในข้อนี้ ถึงแม้ว่าเฉินเฟิง จะเป็นทายาทของตระกูลเฉิน แต่วาข่าวที่เธอไปตรวจสอบมานั้น เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้เป็นที่เชิดชูวงศ์ตระกูลสักเท่าไหร่ ยังมีคนในตระกูล เฉินไม่น้อย ที่ยังไม่สนใจกับข่าวคราวของเฉินเฟิงเลยด้วยซ้ำ

เฉินเฟิงในแบบนี้ สามารถพูดได้เลยว่าอ่านาจบารมีน้อยนิด การจะ มาสู้รบตบมือกับคนบรรดาสูงศักดิ์ การหวาดกลัวก็เป็นเรื่องปกติอยู่ แล้ว ป่าชิงได้แต่สายหน้าไปมา แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่หรอก ถึงแม้ว่าป่าชิงจะ ไม่เคยเจอกับคนคนนี้มาก่อน แต่การดูจากประวัติที่คนคนนี้เคยทำมา เห็นได้ชัดว่า คนคนนี้ไม่ได้ขี้ขลาดตาขาว ในทางกลับกัน คนคนนี้กล้า หาญชาญชัยมาก ขนาดคนของตระกูลเฉินเองก็ยังกล้าที่จะหมายหัว อีก ส่วนตระกูลเติ้ง คนคนนี้ไม่มีทางสนใจแน่”

เยไหถังพยักหน้าให้ สิ่งที่ป้าชิงพูดออกถึงเรื่องการเคียดแค้นตระ กูลเฉินนั้น นั่นต้องหมายถึงเรื่องยู่ฉวนชานแน่ๆ ความสัมพันธ์ระหว่าง เฉินเฟิงกับคนในตระกูลเฉิน ตอนนี้คนภายนอกมากถือว่าเป็นความลับ มาก สิ่งที่เธอเข้าใจก็เพราะว่า ป้าชิงมีความสนิทสนมกับผู้บริหารชั้นสูง บางคนของตระกูลเฉิน

ถึงได้รู้เรื่องนี้เข้า จนเธอกับป้าชิงถึงได้เข้าใจ ความลับภายใน

“คุณหนู สิ่งแรกที่คุณหนูต้องคิดก็คือ จะใช้คนคนนี้ยังไงดี เพื่อให้ คุณหนูต่อกรกับตระกูลเติ้งได้” ป้าชิงพูดย้านักย้ำหนา ความจริงแล้ว เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เล็งเฉิงเฟิงเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่ไม่มีโอกาสใน การพบเจอเฉินเฟิงเลย

การแข่งขันศึกถ้วยรถเทพในครั้งนี้ เย่ไห่ถึงรู้สึกได้ว่า คนอย่าง เฉินเฟิงระยะนี้ดูทำตัวงุ่มง่าม เหมือนกำลังรวบรวมกำลังอยู่ในเมือง ช่างฌจว เพื่อทำการแข่งขันในครั้งนี้

ความคิดของเย่ไหถังนั้นง่ายได้มาก ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงต้องการ รวบรวมกำลังในเมืองซางโจว นั่นก็เหมารวมถึงเธอด้วย

การรอคอยให้เฉินฟังมาหาเธอ ไม่สู้การที่เธอสร้างโอกาสขึ้นมาเพื่อ ที่จะได้เจอกับเฉินเฟิง

ดังนั้นเยไห่ถังเลยจัดงานการแข่งขันถ้วยรถเทพขึ้นมา

เดิมทีเยไห่ถังวางแผนเอาไว้ ใช้งานการแข่งขันถ้วยรถเทพ เพื่อ สร้างเรื่องให้เฉินเฟิงกับเติ้งซื่อชีต่อสู้กัน ภายใต้สถานการณ์ที่เธอไม่ ยอมแสดงตัวตน จนทำให้เฉินเฟิงต้องลงมือกับเติ้งซื่อชี และสร้าง ความแค้นจนกลายเป็นศัตรูกับเติ้งซื่อซี

แต่สิ่งที่ไม่ได้คาดคิดคือ เฉินเฟิงขับรถออดี้ขึ้นเขาไป เห็นได้ชัดว่า เฉินเฟิงไม่คิดเลย ที่จะให้ตนเองได้ปรากฏกายต่อหน้าเขา

สถานการณ์แบบนี้ แผนการของเธอก็ล้มไม่เป็นท่านะสิ

แต่แผนการสวยหรูที่วางเอาไว้กลับมีสิ่งดีๆ เข้ามา สิ่งที่เธอคิดคือ เฉินเฟิงคงไม่ได้เจอกับเติ้งซื่อซีแล้ว แต่ซูนแซ่กลับปรากฏตัวขึ้นแทน

อีกอย่างทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตนเองจะเป็นหรือตายยังไปยุแหย่เฉินเฟิงเอง อีกต่างหาก

การที่ซูนแช่ปรากฏกายขึ้นนั้น ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปตามแผนที่วาง เอาไว้

เติ้งซื่อชียอมออกนอกหน้าเพื่อซูนแช่ เพื่อที่จะคิดร้ายกับเฉินเฟิง

เรื่องราวทั้งหมด มันกลับไปเดินซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง

แต่ว่าปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเติ้งชื่อซีกับ เฉินเฟิงนั้น ยังไม่บาดหมางกันพอ เพราะฉะนั้นเธอเลยต้องใส่ไฟอีก

เฉินเฟิงไม่รู้ว่า ในแผนการยังมีแผนการมากมายอีก ในเวลานี้ ความ คิดของเขามีเพียงคนที่อยู่ในสำนักยูนู

ตอนบ่าย เพื่อช่วยเหลือจูเจียเหยียนกับเด็กสาวสามคน ทำให้ เฉินเฟิงต้องพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการตามไปฆ่าคนของสำนักยู่นู ตอนนี้ได้แต่อาศัยเบาะแสที่อยู่ในมือ ในการแกะรอยคนในสำนักยู่น ไป

เฉินเฟิงไม่คิดจะปล่อยการฝึกวิทยายุทธด้านมืดแบบนี้ไป การเป็น ลูกศิษย์ของเซียวกั่วจง แถมเฉินเฟิงยังเป็นผู้สืบทอดคุณสมบัติที่ดี ที่สุดของเซียวกั่วจง ยิ่งจงเกลียดจงชังมากขึ้นกว่าเดิม

ไม่ว่าจะต้องตามไปถึงสุดหล้าฟ้าเขียว เขาก็ต้องจัดจากการฝึก วิทยายุทธของสำนักยู่นให้สิ้นซาก

ลัทธิบ้าบออย่างสำนักยู่นู ไม่ควรจะอยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ