ลูกเขยมังกร

บทที่ 149 พวกนายสี่คนขึ้นมาพร้อมกันเลย



บทที่ 149 พวกนายสี่คนขึ้นมาพร้อมกันเลย

ตัวนหงกับฉางซิง แค่คิดว่าหมัดเดียวของเฉินเฟิง ยัง ตกใจจนไม่สามารถใช้คำใดๆมาบรรยายได้

เห็นได้ชัดว่า คนอื่นที่เห็นหมัดนั้นของเฉินเฟิงกับตาจะ

รู้สึกยังไง

สองนาทีเต็มๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย ทั้งหมดกำลังคิดถึงหมัดนั้นของเฉินเฟิง หมัดเบาๆนั้น!

“ศิษย์พี่ ท่านนี้เป็นใครกันเนี่ย?” ซุนเจียนกลืนน้ำลาย อย่างยากลำบากและถาม สรรพนามเรียกเฉินเฟิงได้เปลี่ยน จากเจ้าเด็กนี่มาเป็นท่าน เขารู้สึกว่าความสามารถของเฉินเฟิง น่าจะคนละระดับกับพวกเขาแล้วล่ะ

จ้าวตงส่ายหัว สูดลมหายใจเข้าปอดพลางว่า: “ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะสร้างปาฏิหาริย์ได้!”

“ศิษย์พี่ พี่จะบอกว่า…?” ซุนเจียนสีหน้าเปลี่ยน เขารู้ดีว่า ปฏิหาริย์ที่จ้าวตงพูดคืออะไร แต่จะเป็นไปได้หรอ?”

“พี่เห้าหรัน เพื่อนหลานสาวนี่ไปไงมาไง?” จินลิ่วอานสีหน้า เครียดหนัก หมัดนั้นของเฉินเฟิงให้ความรู้สึกเหมือนระดับต้น หมิงซึ้ง แต่มีจุดหนึ่งที่เขาคิดไม่ตก พลังของระดับต้นหมิงจิ้งมี ขีดจำกัด ปกติคือสามร้อยห้าสิบกิโล ต่อให้มีพรสวรรค์อาจจะ ได้ถึงสี่ร้อยกิโล แต่ต่อให้สี่ร้อยกิโล ก็ทำได้ไม่ถึงขั้นชกหนึ่ง หมัดแล้วทำจางซานเย่ากระเด็นได้!

เฉินเฟิงมีพิรุธ!

แค่เสี้ยววินาทีนั้นจินลิ่วอานแวบความคิดนี้ขึ้นมาในสมอง
ซูเห้าหรันยิ้มเศร้า: “พี่ลิ่วอาน ถ้าผมจะบอกว่าจนถึงตอนนี้ ผมยังไม่รู้ชื่อเขาเลย พี่จะเชื่อไหม?”

“นายไม่รู้จักแม้ชื่อของเขา?” จินลิ่วอานอึ้ง ดูท่าทางซูหลิง ยู่แล้วสนิทกับเฉินเฟิงมาก เดิมคิดว่าไม่ว่ายังไง อย่างน้อยซู เห้าหรันน่าจะรู้จักชื่อเฉินเฟิง แต่ไม่คิดว่า ซูเห้าหรันจะไม่รู้ อะไรเลย

“แต่พี่ลิ่วอาน เขาเหมือนจะรู้จักพี่” ซูเห้าหรันชะงักเล็ก น้อย ก่อนบอก ตอนแรกเฉินเฟิงบอกจะหาเรื่องจินลิ่วอาน เขา ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาคิดว่าเฉินเฟิงกำลังโอ้อวดเกินจริง พอจิน ลิ่วอานมาถึงสนามประลองก็แสดงท่าทีว่าไม่รู้จักเฉินเฟิงเลย

แต่พอดูตอนนี้แล้ว เฉินเฟิงอาจจะพูดจริงก็ได้! เขาอาจจะ รู้จักจินลิ่วอานจริงๆ! แต่จินลิ่วอานไม่แน่ว่าจะรู้จักเฉินเฟิง

“พี่เห้าหรัน หมายความว่ายังไง?” จินลิ่วอานขมวดคิ้วถาม

ซูเห้าหรันเลยเล่าจุดประสงค์ที่เฉินเฟิงมาสถานที่ฝึก วิทยายุทธเห้าหรันหมดเปลือก

หลังจากได้ยินแล้ว สีหน้าจินลิ่วอานเคร่งเครียดขึ้นมา เริ่ม ครุ่นคิดว่าตัวเองเคยเจอเฉินเฟิงหรือเปล่า แต่คิดอยู่นานเขาก็ ยังคิดไม่ออกว่าเคยเจอเฉินเฟิงที่ไหน

คิดไม่ออกก็ไม่คิดละ จินลิ่วอานคิดในใจ เขาไม่ใช่คน ลังเลอะไร ในเมื่อไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เฉินเฟิงไม่พอใจ แต่ในเมื่อเฉินเฟิงจะมาหาเรื่องเขา เขาก็ไม่กลัว ตอนนี้เขาเป็น ระดับอ้านจิ้ง พูดได้ว่า เขาอยู่ในระดับต้นๆของจินหลิงเลย

หมัดนั้นของเฉินเฟิงน่าทึ่งมากจริงๆ แต่ถ้าอยากให้เขา กลัว เป็นไปไม่ได้เลย

เพราะความแตกต่างระหว่างหมิงจิ้งกับอ้านจิ้งก็บอกอยู่จอมยุทธ์หมิงจิ้งหนึ่งร้อยคนรวมกันยังใม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ ของจอมยุทธ์

ซูหลิงยู่หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ถ้าใครเป็นคนที่ตื่นเต้น ที่สุดในที่นี้ ต้องเป็นเธอแน่ๆ!

เดิมเธอไม่หวังอะไรกับเฉินเฟิงแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า

เฉินเฟิงใช้แค่หมัดเดียวก็ชกจางซานเย่ากระเด็น และดูท่าที่ สบายของเฉินเฟิงแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใช้เต็มแรง ความสามารถขนาดนี้ไม่สามารถใช้คำว่าน่ากลัวมา อธิบายได้แล้ว!

ก่อนนี้ที่เฉินเฟิงบอกว่ามั่นใจว่าจะชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุก คนก็ไม่เชื่อ ต่างพากันคิดว่าเฉินเฟิงคุยโม้ แต่แค่พริบตาเดียว สีหน้าทุกคนก็โดนเฉินเฟิงตบหน้าแหก!

ด้านล่างเวที คนของสถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังมองหน้า กันไปมา พากันครุ่นคิด แล้วต่อไปใครจะขึ้นไปประลองละ?

ต่อให้เป็นระดับกลางหมิงจิ้งอย่างต้วน หลง ยังอดหวั่นๆไม่ ได้ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินเฟิงได้

เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นเขาสู้กับจางซานเย่า เขาไม่สามารถ ชกจางซานเย่ากระเด็นไปได้ไกลขนาดนั้นในหมัดเดียวแน่

พอเห็นคนของสถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังไม่พูดอะไร เฉินเฟิงสอดแทรกขึ้นมาไม่ได้ว่า: “หรือว่า จะขึ้นมาด้วยกันหมด เลย?”

ขึ้นไป…ด้วยกัน?!

ทุกคนเหมือนแข็งเป็นหิน

เฉินเฟิงจะประลองหนึ่งต่อสี่?
พวกตัวนหงกับฉางชิงสีหน้าเขียวปั๊ด มันต้องดูถูกคน ขนาดนี้ไหม? พวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เป็นสี่จอมยุทธ์

นะ

เฉินเฟิงกระแอมแก้เก้อสองที เหมือนรู้ตัวว่าพูดอะไรเกิน เลยไปหน่อย และอธิบายอย่างกระอักกระอ่วนว่า: “อย่า คิดมากนะ ที่ให้พวกนายสี่คนขึ้นมาประลองพร้อมกัน ไม่ใช่ว่า ดูถูกพวกนาย แต่เป็นเพราะว่าผมรีบ”

รีบ?

ทั้งสนามเงียบกริบอีกครั้ง

พวกตัวนหงกับฉางซิงทั้งสี่คนตาแดงก่ำ พวกเขาไม่เคย โดนดูถูกแบบนี้มาก่อน!

“นายแน่ใจว่าจะสู้กับพวกเราสี่คนพร้อมกัน?” ตัวนหงถาม อย่างอดกลั้นความโกรธ ถึงคำพูดนี้ของเฉินเฟิงจะดูโอหังไป หน่อย แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่า เฉินเฟิงมีดี

แต่เขาถือสิทธิ์อะไร?!

ระดับต้นหมิงจึ้งอย่างเขา ถือดีอะไรมาโอหังแบบนี้!

ทางฝั่งพวกเขาคือ ระดับต้นหมิงจึงสามคน บวกกับระดับ กลางหมิงจิ้งหนึ่งคน!

“นายคิดว่าฉันกำลังล้อนายเล่น?” เฉินเฟิงเลิกคิ้วถาม ที่ ให้พวกตัวนหงสี่คนขึ้นมาพร้อมกัน ไม่ใช่เพราะเขาอยากเท่ห์ แต่เป็นเพราะเขารีบ เขายังต้องไปฆ่าจินลิ่วอาน

“ดี! ดีมาก! หวังว่านายจะไม่เสียใจละกัน! พวกเราสี่คนไม่ ยั้งมือแน่!” ต้วนหงยยิ้มเย็น สายตาส่อแววฆ่าขึ้นมา เฉินเฟิง โอหังขนาดนี้ อย่าหาว่าพวกเขาโหดร้ายก็แล้วกัน บนเวทีประลองมีคนตายมันเป็นเรื่องปกติวิสัย!

“ขึ้นมาเถอะ” เฉินเฟิงยิ้มสบายๆ แค่พวกลูกกระจ๊อกพวก นี้ กล้าคิดอยากฆ่าเขา

“คุณอา…” ซูหลิงยู่มองเฉินเฟิงอย่างกังวล เหมือนจะพูด แต่เงียบ เธอรู้สึกว่าเฉินเฟิงดูกร่างไป ตัวนหงน่ะระดับกลางห มิงจึงนะ ต่อให้ตัวต่อตัว เฉินเฟิงยังไม่แน่ว่าจะชนะ แล้วนี่หนึ่ง ต่อสี่ ตัวนหงน่ะระดับกลางหมิงจิ้ง อีกสามคนก็ระดับต้นหมิง จิ้ง

ต่อให้เฉินเฟิงเป็นระดับปลายหมิงจิ้ง จะชนะได้ต้อง

เหนื่อยมาก

“ไม่เป็นไร” เฉินเฟิงหันมายิ้มให้ซูหลิงยู่วางใจ จากนั้น พวกตัวนหงกับฉางชิงสี่คนขึ้นเวที

ทั้งสี่คนสีหน้าตึงเครียด เห็นได้ชัดว่าจะสู้สุดความ สามารถ เพราะจางซานเย่ายังสลบไม่ได้สติอยู่ด้านล่างเวที ถ้าพวกเขาดูถูกเฉินเฟิงอีก จะตายยังไงคงไม่รู้ตัวแน่

“สถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังตัวนหง ! ”

“สถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังฉางชิง !

“สถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังหลิวตงเท้า ! ”

“สถานที่ฝึกวิทยายุทธจินกังจางเช่ ! ”

ทั้งสี่คนยกมือคารวะพลางเปล่งเสียงบอก

“สถานที่ฝึกวิทยายุทธเจ้าหรัน เฉินเฟิง!” เฉินเฟิงยิ้ม ยกมือคารวะกลับ ตอนนี้เขาประลองในนามสถานที่ฝึกวิทยา ยุทธเห้าหรัน เลยต้องบอกชื่อสถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรัน
ด้านล่างเวที สีหน้าของศิษย์สถานที่ฝึกวิทยายุทธเห้าหรัน ดูพิกล หลายคนยังพึ่งเคยได้ยินชื่อเฉินเฟิงเป็นครั้งแรกด้วย ซ้ำ

ที่แท้เจ้านี่ชื่อเฉินเฟิง ถ้าเขาเป็นคนของสถานที่ฝึกวิทยา ยุทธเห้าหรันจริงๆก็ดีสิ

เฉินเฟิง ซูหลิงยู่ท่องชื่อนี้ในใจ เหมือนจะสลักชื่อนี้ไว้ใน ใจตลอดไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ