ลูกเขยมังกร

บทที่ 15 แยกห้องนอน



บทที่ 15 แยกห้องนอน

“เสี้ย! เมิ่ง! เหยา! เธอมันนังเด็กขายตัวตัวเหม็น!” เสี้ยห้าวหน้าตาแค้นจัด กัดฟันจนเสียงดังกรอก ๆ เขา โตมาขนาดนี้ ไม่เคยขายหน้าขนาดนี้ในที่ประชุม ตระกูลมาก่อน เขาโดนเสี้ยหยุนเส็งตบหน้าต่อหน้า ผู้คนมากมายขนาดนั้น ตอนนี้เสี้ยห้าวอยากจะกลืน เสี้ยเมิ่งเหยาลงไปทั้งตัว เพื่อระบายความโกรธแค้นที่ อยู่ในใจ

“ห้าว” เวลานี้ เสี้ยฉี่ชาวผลักประตูเดินเข้ามา

“พ่อ” เสี้ยห้าวก้มหัวลง ก่อนหน้านี้เขาคิดอยากจะ แย่งทีมงานที่อยู่ในมือของเสี้ยเว่ยกั๋วมาให้เสี้ยฉี่ชาว แต่พอโดนเสี้ยเมิ่งเหยาเอามาคลุกรวมกันแบบนี้ อย่า พูดถึงทีมงานที่อยู่ในมือของเสี้ยเว่ยกั๋วเลย ในทาง กลับกันแม้แต่ทีมงานที่อยู่ในมือของเสี้ยฉี่ชาวก็ต้อง เสียไปด้วย ทั้งหมดกลับสบายเสี้ยเว่ยกั๋วไปเลย นี่มัน ตามแบบฉบับชดใช้เมียไปแล้วยังต้องเสียทหารอีก

“เฮ้อ..”

เสี้ยฉีชาวถอนหายใจไปทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “แกรู้ ไหมว่าตัวเองทำผิดพลาดไปตรงไหน?”

“พ่อ ก่อนหน้านั้นในการประชุมของตระกูล ผมไม่ ควรอยากได้ทีมงานที่อยู่ในมือของคุณลุงสาม” เสี้ย ห้าวพูดอย่างสำนึกผิด ถ้าหากว่าเขาไม่อยากได้ทีมงาน ของเสี้ยเว่ยกั๋ว ต่อมาเสี้ยเมิ่งเหยาก็คงจะไม่โกรธแค้นเขา แล้วย้อนกลับมาอยากได้ทีมงานของเสี้ยฉี่ชาว แทน

เสี้ยฉีชาวสายหัว แล้วพูดว่า “ไม่ เรื่องนั้นแกไม่ได้ ทำผิด แต่กลับกัน แกทำได้ถูกต้องมาก!”

เสี้ยห้าวมองเสี้ยสีชาวด้วยความสงสัยทีหนึ่ง

แล้วเสี้ยฉี่ชาวก็พูดต่อ “อยู่ในตระกูลใหญ่แบบ บ้านเรานี้ ไม่มีเห็นแก่พี่น้องแต่แรกแล้ว มีเพียงแต่ผล ประโยชน์เท่านั้น! เจ้าสามมันไม่มีปัญญาเอง ก็ไม่ควร จะได้ควบคุมทีมงานหลายทีมเหล่านั้น ถ้าทีมงานมีเรา สองคนพ่อลูกมาควบคุมมันถึงจะได้ผลประโยชน์ สูงสุด แกสามารถเข้าใจถึงส่วนนี้ได้ พ่อขอชื่นชมมาก”

“พ่อ งั้นผมทำผิดตรงไหนครับ?”

“แกผิดก็ผิดตรงที่ ไม่ควรต่อล้อต่อเถียงกับปู่ของ แก เขาเป็นคนกุมอำนาจสูงสุดของตระกูลเสียเรา ทุก อย่างในบ้าน ก็ต้องฟังที่เขาพูดทั้งนั้น แกเถียงเขาต่อ หน้าคนตั้งเยอะขนาดนี้ แกจะให้เขาเอาหน้าไปไว้ ที่ไหน?”

เสี้ยห้าว เพิ่งจะรู้สึกถึงความร้ายแรงของปัญหา แต่ว่าตอนนั้นเขาโมโหจนบ้าไปแล้ว ก็ไม่ได้คิดเยอะ ขนาดนั้น

“แต่ว่าก็ไม่เป็นไร รอสักพักของปู่แกก็หายโกรธ แล้ว แกก็ไปยอมรับผิดกับเขาและทำท่าทางจริงใจสัก หน่อย”
“ครับ พ่อ”

“ห้าว แกจะต้องจำไว้อยู่ในบ้านนี้ แกทำได้ทุก เรื่อง แต่อย่างเดียวที่ห้ามทำคือการต่อล้อต่อเถียงกับปู่ ของแก!” เสี้ยฉี่ชาวพูดกำชับขึ้นอีกครั้ง

“ครับ พ่อ ต่อไปผมจะไม่ทำแล้ว แต่ว่า ครั้งนี้ยัย เด็กขายตัวเสี้ยเมิ่งเหยา เอาทีมงานทั้งหมดในมือของ เราไปแล้ว ต่อไปพวกเราจะทำยังไงต่อดี?” เสี้ยห้าว ถามอย่างเป็นกังวล ทีมวิศวกรรมเป็นพลังและหัวใจ หลักของตระกูลเสี้ย และเป็นอุบายที่ดีที่สุดเพียงหนึ่ง เดียว ถ้าไม่มีทีมวิศวกรรมแล้ว พวกเขาสองพ่อลูกก็จะ กลายเป็นผู้บัญชาการที่ไร้ทหาร

เสี้อยีชาวส่ายหัวไปมา ยิ้มอย่างมีความหมายลึก ซึ่ง แล้วพูดว่า “ห้าว แกก็ยังไม่เข้าใจความหมายของ ฉันดีนะ”

“ทีมงานหลายทีมนั้น ถึงแม้จะให้เสี้ยเมิ่งเหยาไป แล้ว เธอจะไปทำอะไรได้ ทีมวิศวกรรม ทีมวิศวกรรม นะมันต้องมีวิศวกรรมให้ทำ ถึงจะเป็นทีมวิศวกรรมได้ ไม่งั้นมันก็เป็นแค่กลุ่มนกกาที่มาอยู่รวมตัวกันเท่านั้น”

“แต่ว่า พ่อ ยัยเด็กขายตัวเสี้ยเมิ่งเหยา เพิ่งจะเข้า ร่วมเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทติ่งเฟิงไม่ใช่เหรอ? ยู่ฉวนซาน โครงการใหญ่ขนาดนั้น ยังไม่พอให้เธอทำเหรอ?” เสี้ย ห้าวถามอย่างสงสัย

“ห้าว ยังจำที่พ่อเพิ่งกำชับแกไปเมื่อกี้ไหม อยู่ใน บ้านนี้ แกสามารถทำได้ทุกเรื่อง แต่มีเพียงสิ่งเดียวก็คือห้ามต่อล้อต่อเถียงกับปู่ของแก?” เสี้ยฉี่ชาวพูดขึ้น

“พ่อ พ่อจะพูดว่า…. เสี้ยห้าวดวงตาสว่างขึ้นมา

ทันที

เสี้ยฉีชาวพยักหน้า แล้วพูดว่า “เสี้ยเมิ่งเหยาเธอ กับบริษัทติ่งเฟิงเป็นหุ้นส่วนกันแล้วไม่ผิด แต่ว่าว่า โครงการจะมีใครมาดำเนินการต่อนั้น กลับมีปู่ของแก เป็นคนมาตัดสินใจ”

“ไม่ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาจะมีความสามารถแค่ไหน แต่ ว่าเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง และที่สำคัญเธอยัง มีสามีที่ไร้ค่าคนหนึ่ง ปู่ของแกไม่มีทางมอบโครงการยู่ ฉวนซานให้เธอแน่นอน”

“แต่ว่าถ้าเป็นแกก็ไม่เหมือนกันแล้ว แกเป็นผู้ชาย เพียงคนเดียวในรุ่นที่สามของตระกูลเสี้ย ต่อไปตระ กูลเสี้ยถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องส่งต่อไปให้มือแก ถึง แม้ว่าปู่ของแกจะไม่พอใจแกมากแค่ไหน เขาก็จะต้อง ให้แกมาดำเนินโครงการต่อ เพราะว่าแกถึงจะเป็นคน รับช่วงต่อของตระกูลเสี้ย!”

“ฮา ฮา พ่อ ผมเข้าใจแล้ว!” เสี้ยห้าวใบหน้าเต็มไป ด้วยความดีใจ “และก็หมายความว่ายัยเด็กขายตัวเสี้ย เมิ่งเหยา เป็นแค่คนวิ่งงาน ถึงแม้เธอจะเจรจาโครงการ ยู่ฉวนซานได้สำเร็จแล้ว แต่ว่าสุดท้าย คนที่จะมาทำให้ เสร็จสมบูรณ์ได้กลับเป็นผม เพราะว่าโครงการจะต้อง มีผมมาดำเนินการต่อ! ฮา ฮา นี่ผมจะต้องขอบคุณยัย เด็กขายตัวนั่นสักหน่อยไหม ถ้าไม่มีเธอ ผมก็คงไม่ได้โอกาสใหญ่หลวงคับฟ้าแบบนี้มาอยู่ในมือ”

เสี้ยสีชาวยิ้มอ่อน ๆ แล้วพูดขึ้น “ใช่ แกควรจะ ขอบคุณเธอสักหน่อย”

“พ่อ งั้นผมจะโทรหายัยเด็กขายตัวนี่เลยนะ ให้ เธอรู้ตัวสักหน่อย แล้วเอาทีมงานคืนมาให้ผม” เสี้ยห้าว รีบร้อนพูดขึ้น ตอนนี้เขาอดไม่ได้อยากจะรีบขอทีม งานคืนกลับมาทันที จากนั้นก็ไปปฏิบัติงานต่อที่ยู่ฉวน ซาน

เสี้ยนี่ชาวส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ไม่รีบ เรื่องของทีม

วิศวกรรมรีบร้อนไม่ได้ แกจะขอกับเสี้ยเพิ่งเหยาเองไม่ ได้ ในเมื่อนี่มันเป็นเรื่องที่เคยพนันกันไว้แล้ว”

“ถ้างั้นไม่มีทีมงาน แล้วใครจะไปช่วยเราปฏิบัติ งานที่ยู่ฉวนซานล่ะ”

“ทีมงานอย่างช้าหรือเร็วก็ต้องกลับมา และที่ สำคัญจะต้องเป็นเสี้ยเมิ่งเหยาเองที่คืนกลับมาให้แก” เสี้ยสีชาวพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

“เพราะอะไร?”

“ทีมงานเก้าทีม สามพันกว่าคน ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน แค่เงินเดือนทุกเดือนก็เจ็ดแปดหมื่นแล้ว แกรู้สึกว่า เธอ จะสามารถเลี้ยงไหวเหรอ?” เสี้ยฉี่ชาวยิ้มอย่างดูถูก แล้วถามขึ้น

“ตอนนี้โครงการยู่ฉวนซานถึงจะเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่สุด ทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลเสี้ยจะต้องเอามาบริการโครงการยู่ฉวนซานทั้งหมด ทีมงานในมือของเสี้ย เมิ่งเหยาก็ด้วยเหมือนกัน ปู่แกไม่มีทางยอมให้เธอไป รับงานส่วนตัวหรอก รอผ่านไปอีกไม่กี่วัน ถ้าโครงการ ยู่ฉวนซานชักช้าเริ่มงานไม่ได้ ความกดดันของตระกูล ก็จะพุ่งไปที่ตัวเสี้ยเมิ่งเหยา พอถึงเวลานั้น เธอก็จำเป็น จะต้องยอมแพ้ต่อแก แล้วเอาทีมงานส่งคืนให้แกแต่ โดยดี”

เสี้ยสีชาวราวกับเป็นจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง เขาคิด คำนวณทุกอย่างไว้อย่างดี

เสี้ยห้าวดีใจจนกำหมัดเข้าไว้ด้วยกัน เขาคิดไม่ถึง จริง ๆ ว่า ข้างในนี้จะมีทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวมากมาย ขนาดนี้

เสี้ยเมิ่งเหยา เธอมันยัยโง่ที่คิดว่าตัวเองสำคัญ! ! เจรจาโครงการยู่ฉวนซานได้แล้วยังไง สุดท้ายก็เพื่อ ช่วยฉันทำเสื้อแต่งงานอยู่ดี!

เสี้ยเมิ่งเหยาที่ไร้เดียงสา ก็ต้องไม่ได้คิดมาก ขนาดนั้นอยู่แล้ว เวลานี้เธอกลับถึงบ้านแล้ว

เรื่องแรกที่ทำก็คือถามเฉินเฟิงว่า มีความสัมพันธ์ อะไรกับหลินจงเหว่ยใช่ไหม

เฉินเฟิงเตรียมคำตอบไว้นานแล้วว่า เขาเป็นเพื่อน นักเรียนสมัยมหาวิทยาลัยกับหลินจงเหว่ย สมัยเรียน มหาลัยนั้นมีความสนิทสนมกันมาก

เสี้ยเมิงเหยาเชื่ออย่างสนิทใจไม่สงสัยอะไรเลยแม้แต่หลินหลันก็ยังมองเฉินเฟิงสูงขึ้นทีหนึ่ง ท่าทีที่มี กับเฉินเฟิงก็ดีขึ้นมานิดหน่อย

เจ้าคนไร้ค่านี้ มาตระกูลเสี้ยได้สามปีแล้ว ในที่สุด ก็ทำเรื่องที่มันดูได้ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง

ใบหน้าเสี้ยเมิ่งเหยาก็เต็มไปด้วยยิ้มหวาน เฉินเฟิง ช่วยเธอเอาคืนได้ครั้งหนึ่ง เธอก็ยังรู้สึกดีใจมาก เป็น ครั้งแรกที่รู้สึกถึง การถูกผู้ชายปกป้องแล้วมันเป็น ความรู้สึกยังไง

พอเห็นเสี้ยเมิ่งเหยาดีใจจนเหมือนเด็กน้อย เฉินเฟิงก็รู้สึกยินดีไปด้วย ในที่สุดตัวเองก็สามารถทำ ให้เสี้ยเมิ่งเหยาดีใจได้ครั้งหนึ่งแล้ว

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เฉินเฟิงก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง เขาแต่งงานกับ เสี้ยเมิ่งเหยามาสามปี แต่พวกเขาแยกห้องนอนกันมา

ตลอด

ถึงแม้เฉินเฟิงจะรู้ดีว่า ถ้าหากตัวเองจะนอนกับ เสี้ยเมิ่งเหยาด้วย เสี้ยเมิ่งเหยาก็ไม่มีทางปฏิเสธ แต่ เฉินเฟิงกลับไม่อยากทำแบบนั้น

ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษขนาดไหน แต่เพราะ ว่าเขารักเสี้ยเมิ่งเหยาอย่างจริงใจ เพราะฉะนั้นถึงแม้ จะอยากทำเรื่องอย่างว่ากับเสี้ยเพิ่งเหยา ก็ต้องรอ จนถึงวันที่เสี้ยเมิ่งเหยาก็รักเขาด้วยความจริงใจด้วย เช่นกัน
เสี้ยเมิ่งเหยารักเขาไหม?

ส่วนนี้ ที่จริงในใจของเฉินเฟิงเองก็ไม่ชัดเจนนัก สำหรับตัวเขาเสี้ยเมิ่งเหยาอาจจะมีซาบซึ้งบ้างอาจจะมี ความรักบ้าง แต่เฉินเฟิงรู้สึกว่า ส่วนใหญ่น่าจะเป็น ซาบซึ้งมากกว่า แต่ไม่ใช่ความรัก

และนี่ก็คือเหตุผลที่เฉินเฟิงไม่กล้าล้ำเส้นเข้าไป แม้แต่ก้าวเดียวตลอดมา เขาหวังว่าจะมีสักวันที่ เสี้ยเมิ่งเหยาจะรักเขาอย่าง

หมดหัวใจ

การนอนด้วยกันแบบนั้น มันถึงจะมีความหมาย

“ปัง ปัง ปัง”

และในเวลานี้ เฉินเฟิงได้ยินเสียงเคาะประตูดังมา เป็นชุด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ