ลูกเขยมังกร

บทที่ 830 ช่วยชีวิต



บทที่ 830 ช่วยชีวิต

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่มีการตอบสนองใดๆ เซวี่ยผิงจึงพูดขึ้น มาอีกครั้ง

“หรือต่อให้ผมปล่อยพวกคุณไป พวกคุณจะไม่โกรธแค้นผม หรือไง ? มหาปรมาจารย์ยอดฝีมือคนหนึ่ง ผมคิดว่าตัวเองคงจะ ต่อกรไม่ได้หรอกนะ และในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ถึงผมจะไม่มีทาง บรรลุเป้าหมาย ยังไงก็ต้องเก็บพวกคุณเอาไว้ที่นี่

สิ่งที่เขาพูดก็สมเหตุสมผล ต่อให้ชะตากรรมมหาปรมาจารย์ จะเป็นเพียงเรื่องที่ถูกกขึ้นมา แต่ตอนนี้ความแค้นระหว่างเซวี่ย ผิงและพวกเขาสองคนได้มาถึงที่สิ้นสุดแล้ว เฉินเฟิงไม่คิดว่าหา กชิงจือออกไปได้แล้วจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ

“แต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวลไป เพราะยังไม่ถึงเวลาตายของพวก คุณ”

เฉินเฟิงจ้องเขาเขม็ง ด้วยความไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร กันแน่

เซยฝั่งเดินมายังข้างกายของชิงฉือ เขาใช้มือลูบไล้ใบหน้า ของชิงจืออย่างบ้ากาม พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม

“เป็นถึงหญิงสาวแสนสวยแต่กลับไปฝึกวิชาต่อสู้ แต่ถึงจะเป็น อย่างนั้น ใจก็ยังคงมีความเปราะบางอยู่วันยังค่ำ ดูแล้วช่างน่ารัง แกจริงๆ
ตอนนี้ชิงจือไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะกัดฟันเลยสักนิด จึงได้ เพียงแต่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา

“เอ๊ะ คุณอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนี้สิ ผมกลัวผู้หญิงที่มอง ผมด้วยสายตาแบบนี้ที่สุดแล้ว”

ถึงแม้ใบหน้าจะแสดงออกถึงความกลัว แต่เขากลับฟาดฝ่ามือ ตบหน้าของซิงจืออย่างไม่ไยดีเลย ทำให้บนใบหน้าขาวเผือก ของซิงฉือถึงกับปรากฏรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที พร้อมกับมีเลือดซึม ออกมาข้างมุมปากอีกด้วย

“ถือว่าผมไว้หน้าแล้วนะ! ยัยตัวดี” เซวี่ยยิงพูดด่าทอออกมา ก่อนที่จะสั่งอีกครั้ง

“เอาพวกเขาสองคนลงไป

ทันทีที่เขาพูดจบ ด้านข้างก็มีคนเดินเข้ามาพาพวกเขาออกไป

จากตรงนั้น

หลังจากนั้นพวกเขาถูกพามายังห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง เฉินเฟิง และชิงจือถูกขังแยกกันเอาไว้ ในนั้นมืดมิด จนสามารถได้ยิน เสียงหนูร้อง

และเสียงน้ำหยดที่หยดลงบนพื้นอย่างไม่ขาดสายดังเข้ามาใน ตอนนี้ราวกับว่าพวกเขากำลังเฝ้ารอความตายเสียอย่างนั้น

“คุณยังไหวอยู่หรือเปล่า? ”

เฉินเฟิงเปล่งเสียงอันอ่อนแรงออกมาเพื่อเรียกชิงจือ
“อืม! ” ซิงฉือส่งเสียงอย่างไร้เรี่ยวแรงออกมา

ตอนนี้ร่างกายของพวกเขาได้รับยาพิษเข้าไปทำให้สูญเสีย พละกำลังไป แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังมีสติความรู้สึกอยู่

“ร่างกายของคุณสามารถฟื้นสภาพได้หรือเปล่า?

เฉินเฟิงถาม ราวกับว่านี่คือความหวังสุดท้ายที่จะทำให้พวก เขาหนีพ้นออกไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก

“ไม่คิดว่าจะทำได้” สุดท้ายคำตอบที่ได้ยิ่งทำให้ใจหดหูมาก

ขึ้น

แล้วทันใดนั้นคุกใต้ดินก็เงียบสงัด ตอนนี้ทั้งสองต่างสิ้นหวัง ได้เพียงเฝ้ารอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเท่านั้น

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน พวกเขารู้สึกแค่ว่าตอนนี้เวลาช่างเดิน เชื่องช้าเหลือเกิน ทั้งยังเสียงน้ำหยดขับกล่อมเป็นท่วงทำนองยิ่ง ทำให้รู้สึกง่วงนอนมากขึ้นไปอีก

แต่แล้วเฉินเฟิงกลับถูกเสียงฝีเท้าที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำให้ตื่นขึ้นมา เขาเฝ้ารอดูเจ้าของเสียงฝีเท่านั้น เขาคิดว่าคงจะ เป็นเซวี่ยผิงแต่กลับไม่คิดว่าจะกลายเป็นคนอื่น

“ผมมาช่วยพวกคุณ

เฉินเฟิงอยากจะแหงนหน้าขึ้นไปดู แต่ภายใต้ความมืดมิด ทำให้เขามองไม่เห็นอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ และน้ำเสียงนั้นก็ไม่คุ้นหู อีกด้วย
“คุณเป็นใคร? ” เฉินเฟิงถามอย่างระวังตัว

คนคนนั้นกดเสียงต่ำลง

“คุณไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมคือใคร แค่รู้ว่าผมมาเพื่อช่วย พวกคุณก็พอแล้ว”

เฉินเฟิงยังคงตั้งคำถามด้วยความสงสัย “พวกเราจะเชื่อคุณ ได้ยังไง”

เขาคนนั้นจึงตอบกลับ “คุณคิดว่านอกจากจะเชื่อผมแล้ว ยังจะ

มีตัวเลือกอื่นอีกงั้นหรอ ? จะอยู่ที่นี่รอความตายนั้นสิ? ”

เฉินเฟิงถึงกับเงียบ เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่ได้ตั้งคำถามใดๆ เขาคนนั้นจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ตอนนี้ผมไม่มีหนทางที่จะพาพวกคุณออกไป เพราะพวกเขา เฝ้าคุ้มกันอยู่ข้างนอก รอให้ผมกลับมาครั้งหน้าพวกคุณต้องเตรี ยมตัวไว้ให้ดี หากพวกเขาเอาอะไรให้พวกคุณกินอย่าได้ลิ้มลอง เด็ดขาด รวมถึงน้ำด้วย อดทน ให้ผ่านช่วงเวลานี้ไป ร่างกายของ พวกคุณคงจะค่อยๆ ฟื้นสภาพกลับมาเอง เมื่อถึงตอนนั้นผมถึง จะสามารถพาพวกคุณออกไปได้

ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาคนนี้มีเป้าหมายใดกันแน่ แต่ตอนนี้นอกจาก เชื่อเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

“ได้! พวกเราจะรอคุณ

ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะพูดจบ เสียงเท้าก็ค่อยๆ เดินไกลออกไป ด้วยความเบา
“พวกเราจะเชื่อเขาได้หรือเปล่า? ”

เฉินเพิ่งหันไปถามชิงจือหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเงียบสงัด

อีกครั้ง

“เชื่อได้! ”

คิดไม่ถึงเลยว่าชิงจือจะตอบด้วยความมั่นใจแบบนี้ เฉินเฟิงจึง ถามด้วยความประหลาดใจ

“ทำไม? ”

“กลิ่นอายจากตัวเขามีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคย ถึงจะมอง ไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่บางทีฉันอาจจะรู้จัก

เฉินเฟิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ชิงจือเป็นถึงมหาปรมาจารย์ ถึง

แม้ว่าจะเป็นคนที่ถูกจับมาเหมือนกับเขา แต่เธอนั้นมีความ

สามารถกว่าเขาหลายเท่า

ซึ่งทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เขาคนนั้นได้บอกเอาไว้ เมื่อถึงเวลาก็ มีคนนำอาหารและน้ำเข้ามาให้พวกเขา แต่เขาคนนั้นคงจะคิดไม่ ถึงว่า ในสภาพที่ไร้เรี่ยวแรงแบบนี้ พวกเขาทั้งสองคนต่างก็ถูก คนพวกนั้นบีบบังคับให้กินอาหารพวกนั้นและน้ำลงไป จึงทำให้ ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไม่สามารถฟื้นสภาพได้

แต่ถ้าหากว่ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้เขาคนนั้นจะกลับมา เขาคงจะไม่มีทางพาเงินเฟิงพวกเขาสองคนออกไปได้แน่

แต่ยิ่งสิ้นหวังไปกว่านั้นก็คือเรื่องแบบนี้พวกเขาสองคนกลับ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
ตามที่คนในความลับคนนั้นได้บอกเอาไว้หลังจากผ่านไปสอง วัน เขาก็กลับมาอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด คงเป็นเพราะ ระยะเวลาผ่านนานสามสี่วัน เซวี่ยงราวกับว่าลืมพวกเขาไปแล้ว ถึงไม่ได้เข้ามาดูพวกเขาเลย และยังไม่ได้พูดถึงเรื่องฆ่าพวกเขา ทิ้งอีกด้วย

เฉินเฟิงทำได้เพียงคิดว่านี่ถือเป็นโชคดี ถ้าหากสามารถหนี ออกไปได้ เขาก็คงจะทำอย่างที่เซวี่ยผิงเคยบอกเอาไว้คือกลับมา แก้แค้น

และแล้วเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น ผ่านไปเพียงไม่นาน เขา ก็ได้ยินเสียงที่ทุ่มดังขึ้นข้างหู

“ตอนนี้พวกคุณสามารถลุกขึ้นยืนได้หรือยัง? ” เขาถาม

เฉินเฟิงตอบกลับทันที “ไม่ได้”

เขาคนนั้นถามกลับอย่างประหลาดใจ

“เป็นไปได้ยังไง หากพูดตามเหตุผลขอเพียงไม่รับยาพิษนั้น เพิ่มเข้าไป พวกคุณก็จะสามารถฟื้นสภาพร่างกายได้แล้วไม่ใช่ หรือไง ?

แต่แล้วเหมือนเขาจะเดาคำตอบได้แล้ว

“พวกคุณไม่ได้ทําตามที่ผมบอกแล้วกินอาหารที่พวกเขาเอา มาให้ใช่ไหม ? ”

ตอนนี้เขาเหมือนจะโกรธอย่างมาก การที่เขาจะโกรธนั้น เฉินเฟิงพอเข้าใจได้ แต่เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ เขาจึงต้องกล่าวอธิบาย

“พวกเรากิน แต่ไม่หมายความว่าพวกเราเป็นฝ่ายเริ่มกินเอง พวกเราไม่มีแรงที่จะไปต่อต้านมัน

ไม่นานเขาคนนั้นเหมือนจะเข้าใจความหมายของเฉินเฟิง เขา เองรู้สึกหมดหนทางเช่นกัน จึงได้เพียงพูดอีกครั้ง

“เป็นสิ่งที่ผมไม่ทันคิดจริงๆ ดูท่าแล้วผมคงจะต้องไปขโมยยา ถอนพิษเท่านั้นถึงจะสามารถช่วยพวกคุณออกไปได้

“คุณทำได้หรอ? ” เฉินเฟิงถามด้วยความหวัง

เขาคนนั้นจึงตอบกลับ

“ถึงแม้ผมจะขโมยยาพิษได้ แต่พวกคุณเหลือเวลาไม่เยอะแล้ว อีกสองวันนักบวชจะมาหาพวกคุณ พวกคุณออกไปก่อนหน้านั้น ซึ่งผมไม่สามารถที่จะช่วย

เฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงอันไร้หนทางของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกได้ว่า อีกฝ่ายต้องการที่จะช่วยพวกเขาออกไปด้วยใจจริง แต่ในความ เป็นจริงกลับเป็นเรื่องยากที่เขาจะทำได้

“อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ” ในเวลานั้นเองซิงฉือก็พูดแทรกเข้า

มา

“ผมสามารถลองอีกครั้ง” เขาคนนั้นบอก

“นี่ก็ถือว่าเป็นอันตรายต่อคุณด้วยเหมือนกัน น้ำใจของคุณ พวกเราได้รับแล้ว ทว่าฉันรู้สึกว่ามีความคุ้นเคยกับคุณมากจริงๆพวกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” ชิงจอถาม

แต่ทว่าทุกอย่างกลับเงียบสงบลง ไม่มีการตอบกลับใดๆ ถ้า หากไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไป เฉินเฟิงก็คิดว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ นี่แล้วจริงๆ

“พวกเราเคยเจอกันมาก่อน แต่คุณจําผมไม่ได้แล้วล่ะ

เขาพูดเท่านั้นก่อนที่จะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ผมจะหาวิธีพา พวกคุณออกไปให้ได้”

เมื่อพูดจบ เฉินเฟิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ