บทที่ 818 ลมหายใจที่แผ่วเบา
บาดแผลตรงหน้าอกของเธอตอนนี้เลือดก็ยังไหลไม่หยุด เสื้อผ้าที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดเองก็เป็นความจริงที่บอกกับเฉินเฟิง ว่า ชิงฉือน่าจะตายไปแล้ว เพราะว่าตำแหน่งที่ถูกแทงเป็นหัวใจ มันเป็นจุดตาย
แต่ลมหายใจที่แผ่วเบา หัวใจที่กลับมาเต้นอีกครั้ง ก็ยิ่ง เป็นการต่อย้ำเงินเฟิงว่า เธอยังไม่ตาย
ความสงสัยเกิดขึ้นในใจ เขายื่นมือออกไป จับชีพจรตรงคอ ของชิงฉือ หลอดเลือดที่ยังเต้นอยู่เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าชิงจือ ยังมีชีวิตอยู่
ถึงแม้ในใจของเฉินเพิ่งจะเต็มไปด้วยความตกใจ แต่ตอนนี้สิ่ง
สำคัญที่สุดก็ยังเป็นการช่วยชีวิต
บาดแผลยังมีเลือดไหลอยู่ ลมหายใจของชิงจืออ่อนเพลียมาก ซิงถูกอาบไปด้วยเลือดจนก่อตัวเป็นกอง แล้วหลอมรวมเข้ากับ บาดแผล
เฉินเฟิงมองอยู่สักพัก เขาลังเลเล็กน้อยแต่ก็เลือกที่จะลงมือ ฉีกเสื้อทิ้ง ทำให้ผิวที่ขาวและบาดแผลถูกเผยออกมา บาดแผล อยู่ตรงหัวใจ พอดิบพอดี
แต่ยังสามารถรับรู้การเต้นที่เบาบางของหัวใจได้มันเป็นการ บอกว่า เธอยังมีชีวิตอยู่
กลิ่นคาวเลือดที่รู้สึก เมื่อเทียบระหว่างสีแดงกับสีขาว ความ นุ่มนวลและความน่ากลัวหลอมรวมเข้าด้วยกัน
เฉินเฟิงฉีกเสื้อออก แล้วดึงจนกลายเป็นผ้า จากนั้นก็พันรอบ บาดแผลของชิงจื้อ หวังว่ามันสามารถช่วยหยุดการไหลของ เลือดได้
แต่ผ้าสีเทาก็ชุบไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นสีแดง เข้ม เลือดก็จะซึมออกมาจากผ้าแล้วไหลออกมาอีกครั้ง
เฉินเฟิงไม่มีทางเลือก เขาใช้มือทั้งสองข้างปิดบาดแผลของ ชิงจือเอาไว้ หวังว่าสามารถใช้แรงหยุดการไหลของเลือดเอาไว้ ได้
หลังจากที่ยังอยู่นาน บางทีอาจเป็นเพราะชิงจือมีร่างที่ แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม หรือบางทีอาจเป็นเพราะเงินเฟิงช่วยเหลือ ได้ทันเวลาพอดี เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลในที่สุดก็มีแนว โน้วที่จะหยุดไหลแล้ว
เฉินเฟิงนั่งลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า มองไปยังฉากตรง หน้าที่น่าหลงใหลเล็กน้อยแต่กลับไม่มีความคิดที่จะทำอะไร
เรื่องหลังจากนั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองพาชิงจือกับเด็กผู้หญิง กลับไปที่กระท่อมของเธอได้ยังไง และไม่รู้ว่าการที่ตัวเองเฝ้า ปกป้องดูแลคนที่สามารถตายได้ทุกเมื่อไปเพื่ออะไร
แต่เขาก็ยังรออยู่ข้างเตียงของชิงฉืออยู่ตลอด
รอจนถึงแสงยามเช้าล่อผ่านเข้ามาข้างในห้อง เฉินเฟิงถึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา ซิงฉือนอนอยู่บนเตียง ส่วนเด็กผู้หญิงนอนบน เสื่อที่อยู่ไม่ไกล
แต่พอมองไป ซึ่งจ๊อก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา
เขายืนขึ้นมา แล้วดูบาดแผลของชิงฉืออีกรอบ เลือดหยุดไหล สนิทแล้ว ยังมีลมหายใจกับการเต้นของหัวใจอยู่ แต่ลมหายใจ แผ่วเบามาก
เฉินเฟิงเจอริบบิ้นกับยาสมุนไพรที่ใช้รักษาบาดแผลใน กระท่อมแห่งนี้ เขาเปลี่ยนผ้าของชิงจือ คิดไปคิดมา แล้วป้อนยา ปฏิชีวนะให้เธออีกหนึ่งเม็ด
เขาไม่ได้เชี่ยวชาญเหมือนกับหมอ สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่เรื่อง พวกนี้
พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เฉินเฟิงก็เดินออกไปจากห้อง
ข้างๆห้องมีน้ำพุที่ไหลมาจากขุนเขา แสงสว่างและอากาศยาม เช้าที่สดใหม่ กับน้ำพุที่ไหลริม แสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านต้นโพธิ์ หนึ่งต้นที่อยู่หน้าประตู ส่องไปโดนหน้าของเฉินเฟิง
เขามึนเมาอยู่หลายนาที แต่กลับเห็นการเคลื่อนไหวที่อยู่ไม่ ไกล
บางทีอาจจะเป็นสัตว์ร้าย เขาคิดแบบนั้น แต่เพียงแป๊บเดียว เขาก็เห็นมีคนเดินมาทางนี้
นั่นเป็นรูปร่างของคนๆนึง มัดผมไว้ข้างหลัง ข้างหลังมีกระบี่ แบกเอาไว้ วินาทีแรกที่เฉินเฟิงนึกถึงก็คือชิงชิว
และเป็นอย่างที่คิด พอรอจนคนๆนี้เดินมาใกล้ๆ เฉินเฟิงก็เห็น ใบหน้าของเขา เป็นซิงซิวอย่างแน่นอน
ชิงชวพอเห็นเฉินเฟิง แปลกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ถามเฉินเฟิง
“ทำไมสหายท่านนี้ถึงอยู่ที่นี่ได้ เจ้าบ้านของที่นี่ล่ะ?”
เฉินเฟิงเองก็นึกไม่ถึงว่าชิงชิวยังรู้จักกับชิงจือด้วย แต่เพราะ เรื่องครั้งที่แล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับชิงชิว เพราะงั้นจึงไม่ อยากสนใจเขา ทำเพียงแค่จ้องมองเขาเท่านั้น
ชิงซิวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอะไร หลังจากที่เขายิ้มให้กับเฉินเฟิง ตัวเขาก็เดินเข้าไปข้างในห้อง
เฉินเฟิงเองก็เดินตามไปติดๆ
ข้างในห้อง ยังคงเหมือนเดิม ซึ่งจื้อยังคงนอนไม่ได้สติ ส่วน
เด็กผู้หญิงก็ยังนอนหลับอยู่
ส่วนกลิ่นคาวเลือดจางๆที่อยู่ในห้องเป็นการบ่งบอกชิงชิวว่า ได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าน เขาหันกลับไปถามเฉินเฟิงว่า
“นางบาดเจ็บเหรอ?”
“แกสามารถช่วยเธอได้ไหม?”
เฉินเฟิงถามคําถามกลับไป
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าต้องเห็นก่อนถึงจะสามารถพูดได้ พอรอให้เขาไปข้างๆชิงจือ แล้วถอดผ้าที่เฉินเฟิงเพิ่งเปลี่ยนให้ได้ไม่นาน เขาก็พูดขึ้นมาว่า
“บางทีอาจจะยังมีความหวังอยู่ แต่สมุนไพรพวกนี้มันหยาบ
เกินไป ไม่สามารถช่วยเหลือการฟื้นตัวของนางได้ เรื่องพวกนี้เฉินเฟิงใช้ความรู้ที่ตัวเองมีทั้งหมดในการทำแผล ให้กับซิงคือ เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกคำพูดที่ชิงชิวพูดออกมาเป็นการ
ดูถูกเขา
พอชิงชิวพูดจบ ก็เริ่มหาของบางอย่างในห้องข้างๆ ยาที่ ข้างในเต็มไปด้วยยาต่างๆที่ชิงจือเก็บเอาไว้ แต่พอชิงชิวหาอยู่ สักพัก ดูเหมือนจะไม่เจอของที่เขากำลังตามหาอยู่
“ที่นี่ไม่มีหญ้าหลงสือ! ”
“งั้นทำยังไงดี?”เฉินเฟิงถาม
“บนเขามี ท่านไปหาด้วยกันกับข้า
เฉินเฟิงมองไปยังชิงจือและเด็กผู้หญิง รู้สึกเป็นห่วงพวกเธอ เล็กน้อย จึงถามไปว่า
“แกไปคนเดียวไม่ได้เหรอ? ถ้าเกิดพวกเธอมีปัญหาอะไร ฉัน จะได้รับมือทัน”
ชิงซิวกลับอธิบายอย่างใจเย็นว่า
“สถานการณ์ของนางในตอนนี้อยู่ระหว่างความเป็นความตาย มีเวลามากขึ้นหนึ่งนาทีก็หมายความว่าโอกาสที่จะช่วยเหลือเธอ ก็เพิ่มขึ้นมาอีก ข้าสามารถไปคนเดียวก็ได้ แต่โอกาสที่ได้ จะต้องไม่เท่ากับสองคนอย่างแน่นอน”
พอเฉินเฟิงได้ยิน ก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร ตอนนี้ชิงจือกับเด็ก ผู้หญิงยังไม่ได้สติ ออกไปสักพักคงไม่เป็นอะไร พอเขาคิดได้ แบบนั้นก็พยักหน้าทันที
ได้ ฉันจะไปพร้อมกับแก”
ทั้งสองแบกตะกร้าใส่ยา ระหว่างที่เดินทาง ชิงชิวก็อธิบายให้ เฉินเฟิงฟังว่าหญ้าหลงสือมีรูปร่างยังไง
“ถ้าเกิดท่านเจอสมุนไพรชนิดนี้ แน่นอนจะสามารถรับรู้ได้ใน ทันที” ชิงชิวพูด
เฉินเฟิงเดินตามอยู่ข้างหลัง หญ้าหลงสือเขาจำไว้เรียบร้อย แล้ว แต่พอเห็นชิงชิวที่อยู่ข้างหน้า เขาครูคิดสักพักแล้วสรุปได้ว่า ถามดีกว่า
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่? มีความเกี่ยวข้องอะไรกับแก เปล่า?”
“ท่านไม่รู้จักนางงั้นเหรอ?”
ชิงซิวถามด้วยความสนใจ
“ไม่รู้จัก แค่เจอกันไม่กี่ครั้ง” เฉินเฟิงตอบ
“งั้นท่านอย่ารู้มากจะดีกว่า นางไม่ค่อยชอบให้คนอื่นรู้เรื่อง ของนาง ถ้าเกิดนางรู้ว่าข้าเป็นคนบอกท่านล่ะก็ นางจะต้องมา เอาเรื่องกับข้าอย่างแน่นอน”
พอคำถามที่เฉินเพิ่งได้รับมาดูโดดเดี่ยว จึงปิดปากไม่ถาม อะไรอีก แล้วเดินตามหลังชิงชิวไป
หญ้าหลงสืออยู่ต้นน้ำลำธาร เป็นสถานที่ๆแสงส่องมาไม่ถึง ถึงแม้จะแยกแยะได้ไม่ยาก แต่ทั้งสองก็ใช้เวลาหาอยู่ครึ่งวันกว่า จะหาเจอ
ต่างคนต่างก็เก็บมาได้เป็นจำนวนมาก
ชิงชิวมองดูตะกร้าใส่ยาที่ใส่หญ้าหลงสือและสมุนไพรอื่นๆ จากนั้นก็ให้เฉินเฟิงพอได้แล้ว
“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว กลับไปรักษานางก่อน หลังจากนั้นค่อย ว่ากันอีกที ยังไงซะก็หาสถานที่เจอแล้ว
เฉินเฟิงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว กลับไปพร้อมกับชิงชิวอีกครั้ง
ตอนแรกคิดว่าจะเงียบเหมือนกับตอนที่เดินทางมา แต่พอเดิน
ไปได้สักพัก ชิงชิวก็เปิดปากพูดขึ้นมาว่า
“ข้าน่าจะเคยบอกท่านแล้ว โลกนี้มีมหาปรมาจารย์อยู่ ถูก ลิขิตด้วยฟ้า มีเพียงจำนวนหยิบมือ เป็นจำนวนที่มากที่สุดแล้ว ถ้าเกิดอยากเพิ่มคนเข้าไปอีกหนึ่งคน จำเป็นต้องจัดการหนึ่งใน สมาชิกเดิมทั้งสิบสองคนนั้น พอหายไปหนึ่งคน แบบนี้ฟ้าถึงจะ ยอมให้มีคนเข้ามาแทนที่
พอเฉินเฟิงได้ยินคำพูดของเขา ก็พอเดาได้แล้วว่าเขา หมายความว่ายังไง
ตามความหมายที่เขาบอกมา ชิงจือก็เป็นหนึ่งในสมาชิกทั้งสิบสอง และคนที่อยากจะเข้าไปอยู่ในดินแดนของมหา ปรมาจารย์ก็เป็นเขากับชิงชีว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ