บทที่ 613 ฉันไม่ชอบถูกข่มขู่
“เอ่อ……
ฉากนี้ มาแบบไม่ทันตั้งตัว ขนาดฝูงชนก็ไร้ปฏิกิริยา ตะลึงกัน
ไปหมด
“เพียะ!”
นาทีถัดมา ฝูงชนยังไม่ทันได้สติ หลียงชิงยังไม่ทันสร้าง เฉินเฟิงก็ก้าวขาข้างหนึ่ง เหยียบไปที่ข้อเท้าของหลางชิง
“กรอบ! ”
“อ๊าก!”
เสียงกระดูกหักดังกรอบพร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น พร้อมกัน
ความเจ็บปวดรุนแรงในชั่วพริบตาทำให้หลี่ยงสิ่งที่สะลึมสะลือ สร้างขึ้นมา เขากระเสือกกระสนตัวให้ลุกขึ้น จิตใต้สำนึกสั่งให้ ใช้มืออุดข้อเท้าที่เลือดออกของเขา เหงื่อท่วมปานฝนตก
ทั้งหมดดูเหมือนซับซ้อน อย่างกับเกิดปฏิกิริยา แคลเซียมคาร์ไบด์ (เปรียบเปรยว่าเร็วในพริบตา) ถึงขนาดฝูง ชนยังตะลึงค้างอยู่ เงียบสงัดกันไปทั้งสนาม
“เป็นหมาก็ต้องมีจิตสำนึกแบบหมา เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ นายจะขึ้นมาพูด!”
ทันใดนั้น ความเงียบสงัด ในสนามก็ถูกทําลายลง เฉินเฟิงพูด ด้วยความเย็นชา ขาขวาขยับ เหยียบไปที่น่องของหลวงชิง ให้ ครึ่งตัวบนตัวตรง เป็นท่าคุกเข่า
“นาย……
ความเจ็บปวดที่รุนแรงสะท้านไปทั่วร่างหลียงชิง เดิมคนที่ทน ความเจ็บปวดไม่ไหวอย่างเขา พอได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง ก็ทั้ง โกรธทั้งกลัว จิตใต้สำนึกอยากจะต่อต้าน
“คุกเข่าดีๆ ถ้าขยับ ฉันหักขาหมาๆ ของนายแน่!” เฉินเฟิงอ อกแรง ขาเล็กน้อย พูดด้วยความเย็นชา
หลี่ตงชิงตกใจจนมือหยุดค้างในอากาศ ไม่กล้ากระดูก “หวดได้สวย!”
“เอาไอ้เข้ากาวให้ตาย!
“ถูกต้อง ในเมื่อเดิมพันแพ้แล้วก็ต้องยอมรับ ไอ้กาวลีขี้แพ้ เอามันให้ตาย!”
ในเวลาเดียวกัน ผู้ชมรอบๆ เหล่านั้นกับบรรดานักแข่งหวาเ ยก็กลับมามีสติ ส่งเสียงตะโกนกัน
ที่แท้ พวกเขาก็ไม่ชอบท่าทางเย่อหยิ่งจองหองและอวดดีของผู ซางจนกับหลี่ตงชิงตั้งแต่แรก แต่จำใจที่นักแข่งหวาเซียใจไม่รู้ ในการแข่งขัน5นัดก่อนหน้า พวกเขามีความแค้นแต่ไม่มีที่ ระบาย
ก่อนหน้าไม่นาน เฉินเฟิงเอาชนะผูชางานด้วยการบดขยี้ ทำให้พวกเขาได้ระบาย อารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ในใจ
ปรากฏว่า หลังจากผูชางจนพ่ายแพ้การแข่งขัน ร่วมมือกับ หลี่ยงชิงแกล้งทำเป็นโง่ ไม่ยอมทำตามสัญญาเดิมพัน ก็ทำให้ พวกเขายิ่งคันปาก จนกระทั่งได้ยินคำพูดข่มขู่ของหลางชิง ก็ยิ่ง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แทบอยากจะอัดหลงชิงให้แหลกสักตั้ง
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะลงมือ เฉินเฟิงก็ซัดหลี่ยงชิงไปฉาดหนึ่ง จนคว่ำเสียแล้ว ทำให้พวกเขาสะใจ ความรู้สึกเช่นนั้นสะใจกว่า การกินชาบูร้อนๆ ในหน้าหนาวเสียอีก ส่วนอีกฝ่ายของพวกเขา พวกนักแข่งกาวลี่แต่ละคนขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าออกเสียง
ด้านหนึ่งเพราะผูซางจนแพ้การแข่งขัน ไม่ทำตามเดิมพัน พวกเขาจึงไม่มีแรงพลังที่จะพูดอะไร
ในอีกด้านเพราะเมื่อครู่เฉินเฟิงลงมือหนัก ทำให้พวกเขา ตกใจ จึงไม่กล้าพูดอะไร
บอดี้การ์ดชุดดำสองคนคอยคุ้มกันผู้ชางจนอยู่ข้างหลัง สีหน้าทั้งซับซ้อน ทั้งอัปยศ ทั้งโมโห แล้วก็ไม่สามารถอำพราง ความหวาดกลัวไว้ได้
ฉีบ! (เสียงก้าวเดิน)
ฉีบ! (เสียงก้าวเดิน)
ทันใดนั้น ขณะที่เฉินเฟิงมองสายตาไปยังผู้ชางวัน บอดี้ การ์ดสองนายของผูซาง
จนก็ก้าวไปข้างพร้อมกันโดยไม่ได้นัด คุ้มกันผูซางจานไว้ ข้างหลัง สีหน้าเคร่งขรึม สายตามอง
เฉินเฟิงอย่างระวัง
“ลำพังเศษสวะอย่างพวกนายสองคนก็คิดจะขวางฉันเหรอ?”
เฉินเฟิงมองบอดี้การ์ดของผูชางจนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก พูดด้วยความเย็นยะเยือกว่า “ไม่อยากตายก็ไสหัวไปไกลๆ ซะ!”
จ็บ! จีบ!
การเผชิญหน้าค่เตือนอันเปลือยเปล่าของเฉินเฟิง บอดี้การ์ด สองนายของผูชางจนทั้งรู้สึกโกรธ ทั้งรู้สึกอัปยศ แต่ก็ไม่ถอย ยังคงป้องผู้ชางจานไว้ข้างหลัง
พอเห็นเช่นนี้ เฉินเฟิงก็ไม่พร่ำเพรื่อ ยกขาออกจากน้องของหล
ตงชิง
เฮือก!
การเคลื่อนไหวของเฉินเพิ่งทำให้บอดี้การ์ดสองนายของผู ชางจานได้กลิ่นไอความอันตราย คนหนึ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง เงื้อมฝ่ามือไปยังเฉินเฟิง ส่วนอีกคนถอยไปหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็ว
พยายามพา
ผูซางจวิ้นหนี
“เฮือก!”
การเผชิญหน้าฝ่ามือที่มากับเสียงคำราม สีหน้าเฉินเฟิงไม่เปลี่ยนสี ไม่หลบหลีก ยกไหล่ซ้าย ต้านเอาไว้
เสียงอุดอู้ ของบอดี้การ์ดยูซาง วันที่ลงมือ ฝ่ามือของเขาหัก บนหัวไหล่ของเฉินเฟิง
“กร๊อบ!”
ทันใดนั้น เฉินเฟิงก็ปล่อยพลังภายใน สะเทือนกระดูกมือของ บอดี้การ์ดชุดด่าจนหัก เลือดไหลย้อย เป็นแผลและ
“เพียะ! —”
“กรอบ!”
ต่อจากนั้น เฉินเฟิงก็เงื้อมมือขวาขึ้น เหมือนกับจะตบแมลงวัน ฝ่ามือหวดไปที่ใบหน้าของบอดี้การ์ดชุดดำ เสียงอุดอู้และเสียง กระดูกหักแทบจะดังขึ้นมาพร้อมกัน
หลังจากเสียงดังขึ้น ร่างกายของบอดี้การ์ดชุดดำก็ลอยขึ้น หมุนเป็นเกลียวสว่านอยู่บนท้องฟ้าหลายรอบ จากนั้นก็ล้มลงบน พื้น ใบหน้าจมดินไปครึ่ง เป็นแผลเละ น่าอนาถไม่น้อย
“จะไปไหน?”
พอบอดี้การ์ดชุดดำถูกฝ่ามือซัดลอยละลิ่ว เฉินเฟิงบอดี้การ์ด อีกคนกำลังพาชางจนหนี ก็คำรามขึ้นมา
พอสิ้นเสียง ร่างกายก็ขยับ
ในความมืด พอเฉินเฟิงขยับขา เงาร่างกายเคลื่อนไหว ก็หายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้าบอดี้การ์ดชุดของ ผูซาง วันราวกับปีศาจ
เฮือก!
มือขวาของเฉินเฟิงเงื้อมขึ้น นิ้วทั้งห้าแยกกัน เป็นอุ้งมือ ราวกับจะขยุ้มสัตว์ให้อยู่หมัด คว้าคอของบอดี้การ์ดชุดเอาไว้ จากนั้นค่อยๆ ยกขึ้น จนตัวบอดี้การ์ดชุดดำลอยขึ้นฟ้า สุดท้าย ยืดแขนออก เหมือนกับจะทิ้งขยะ โยนตัวบอดี้การ์ดชุด ลอย ออกไป!
แค่ช่วงเวลาฉับพลัน สองบอดี้การ์ดของผูชางจนก็ถูกเฉินเฟิง ทำให้กองลงไปที่พื้น แม้พวกเขาจะบาดเจ็บไม่สาหัส ยังมี เรี่ยวแรงอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาตอบโต้ และก็ไม่ได้ไป คุ้มครองผูชางจนอีก แต่ทำเป็นนอนแกล้งตายอยู่บนพื้น
ทั้งหมดนี้ เพียงเพราะว่า พวกเขารู้ดี ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เฉินเฟิงเลย ต่อให้แลกด้วยชีวิต ก็เหมือนเอาไข่ไปกระแทกหิน
สิ่งที่ปรากฏ ทำให้สีหน้าของผู้ชางจนดูไม่ได้
บอดี้การ์ดสองนายของเขาเป็นยอดฝีมือในวงการต่อสู้แห่ง กาวลี ฝึกฝนการต่อสู้ จนถึงระดับหมิงจิ้ง แต่ก็ถูกเฉินเฟิงจัดการ ไปอย่างรวดเร็ว!
“นายแน่ใจว่าจะปล่อยฉันไปเหรอ?”
ผูซางจนเอ่ยปากถามอีกครั้ง เขาพยายามปกปิดความกลัว ภายในใจ จ้องตาเขม็งไปที่เฉินเฟิง “นายน่าจะรู้ดี ถ้านายทำอย่างนี้จริงๆ จะเป็นการทำให้ตระกูลผู้จนถึงดินแดนกาวต้อง ขุ่นเคือง!”
“ฉันไม่ชอบถูกข่มขู่ จุดจบของคนที่ข่มขู่ฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อย่างเช่นเขา”
เฉินเฟิงพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ แล้วก็ชี้ไปที่หลียงชิงที่ขาหัก
กองอยู่ที่พื้น
พอสิ้นเสียง เฉินเฟิงก็ก้าวขาเดินไปหาผู้ชางจาน
เฮือก!
ผูชางจนซอร์คเข้าที่หัวใจ จิตใต้สำนึกบอกให้ถอย
ในนาทีนี้ เฉินเฟิง ในสายตาของเขา เหมือนผีตายซาก เขาคิด แต่จะห่างเฉินเฟิงไปให้ไกล!
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว
นายเข้ามาฉันถอยไป
ท่ามกลางสายตาของฝูงชน เฉินเฟิงกับผูซางจนเข้าจังหวะ ก้าวด้วยกัน คนหนึ่งก้าวไปข้างหน้า อีกคนก้าวถอยหลัง
หม?
ผ่านไปห้าก้าว ผูชางจนถอยไปจนถึงหน้ารถบูกัตติ เวย์รอนสี
ขาว
เขาไม่มีทางให้ถอยแล้ว!
ในเวลานี้เอง เสียงมือถือที่คุ้นหูก็ดังขึ้น จนทำให้ผู้ซางจนสั่น ไปทั้งตัว จากนั้นก็พบว่าเป็นมือถือของตัวเองที่ตั้งอยู่
เขากล่ามือถือด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นก็พบว่าเป็นผู้เหวินจีพ่อ ของเขาวิดีโอคอลเข้ามา
การปรากฏเช่นนี้ ทำให้ลูกตาของเขาขยายในพริบตา
นาทีถัดมา
ขณะที่เฉินเฟิงหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินเฟิง ผู้ชางจวนผนผลันกด รับมือถือด้วยความสั่นเทา ราวกับคนกำลังจมน้ำคว้าหญ้าฟาง กองสุดท้ายเพื่อให้รอดชีวิต!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ