บทที่ 490 การแสดงออกของหลินหลันที่เปลี่ยนไป (2)
“ตกลง ฉันจะไปกินข้าวกับเพิ่งเหยา พวกคุณมีธุระก็โทรหาฉันได้ ทันที” เฉินเพิ่งพยักหน้าให้ เมื่อเห็นท่าทีของเสียเว่ยว คงมีเรื่อง ต้องการถามหลินหลันแน่นอน การที่เขาอยู่ที่นี่ มันทำให้เสียเว ยกั่วไม่สะดวก เหตุการณ์เป็นแบบนี้ เขาก็ทำตัวรู้เรื่องหน่อย จาก นั้นก็เดินออกไป
“อืม พวกแกไปเถอะ ระวังตัวด้วย” หลินหลันพูดกำชับ
เมื่อพูดจบ เฉินเฟิงกับเสี้ยเพิ่งเหยาก็เดินออกจากห้องพักผู้
ป่วย
“หลันหลัน นี่มัน….เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เมื่อทั้งสองคนเพิ่งเดิน
ออกจากห้อง เสียเว่ยวก็ถามหลินหลันทันที
“อะไรเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลินหลันทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วยังจะถาม อีก ความจริงแล้วเธอย่อมรู้ว่าเสียเว่ยวต้องการถามอะไร เพราะฉะนั้นการถามแบบนี้ ก็แค่อยากกระตุกต่อมความอยากรู้ ให้เสียเว่ยกั่วเท่านั้นเอง
“การแสดงออกของคุณกับเสี่ยวเฟิง เมื่อก่อนคุณ ไม่ใช่รัง เกียจเสี่ยวเฟิงหรอกเหรอ?” เสียเว่ยวถาม
หลินหลันยิ้มให้เล็กน้อย “เว่ยว คนเราย่อมเปลี่ยนกันได้ เมื่อ ก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ตอนนี้ เมื่อก่อนฉันรังเกียจเงินเฟิง แต่ก็ ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ฉันต้องรังเกียจเฉินเฟิงด้วย”
” หลับหลัน คำพูดโกหกของคุณเอาไปพูดกับคนอื่นได้ แต่ เอาคำโกหกมาหลอกฉัน มันเป็นไปไม่ได้ คุณพูดตรงๆ เลย คุณ ไปรู้เรื่องอะไรมา?” เสียเว่ยกั่วพูดซึมฮัมในลำคอ ไม่มีใครเข้าใจ หลินหล่นมากกว่าเขาอยู่แล้ว ในสายตาของหลินหลันนั้น ผล ประโยชน์มาเป็นอันดับแรก การที่เธอมีท่าทีแสดงออกที่เปลี่ยน ไปกับเฉินเฟิง ในแบบนี้ ต้องเป็นเพราะว่าเงินเฟิงจะนำพาผล ประโยชน์อะไรสักอย่างมาให้เขาแน่
“เว่ยกั่ว คุณฉลาดจริงๆ ปกติก็ไม่เคยเห็นคุณฉลาดอย่างนี้ หลินหลันยิ้มให้ จากนั้นก็พูดต่อ “ฉันไปรู้เรื่องบางอย่างมา เรื่อง พวกนี้ เพิ่งเหยาเป็นคนบอกฉันเอง
“เมิ่งเหยาบอกเรื่องอะไรให้คุณฟัง?” เสียเว่ยวถามกลับ
“เมิ่งเหยาบอกว่า เฉินเฟิงเป็นทายาทของตระกูลเฉิน” “ทายาทของตระกูลเฉิน?!” รูม่านตาเสียเว่ยวหกตัวลง พร้อมพูดเสียงหลง
เมื่อเห็นเสี้ยเว่ยวมีท่าทีเช่นนี้ หลินหลันตะลึงไปชั่วครู่ “ฉันยัง ไม่ได้บอกเลยว่าตระกูลเฉินที่ไหน แล้วทำไมคุณต้องตกอกตกใจ ขนาดนั้นด้วย?”
เสียเว่ยวยังไม่เข้าใจหลินหลัน ที่เขาตกใจมากมายขนาดนี้ เพราะว่าตนเองมีเหตุผล ความจริงแล้วเขาก็เดาได้ถึงสถานะ ที่แท้จริงของเฉินเฟิง ก็แค่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่กล้ารับ ประกัน เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินควร
ทว่าในเวลานี้ หลินหลันก็พูดออกมาแล้ว…
“ตระกูลเฉินในยันเจียงนั่นใช่ไหม…” เสียเว่ยวถอนหายใจ ออกมา
“คุณรู้แล้วเหรอ?” หลินหลั่นขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน
“ฉันเลยลองเดาถูกมาก่อนแล้ว
“เคยลองเดาถูกมาแล้ว? งั้นทำไมคุณไม่บอกฉัน?” หลินหลัน มองเสียเว่ยวอยู่แวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ ถ้าเสียเว่ยวบอกกับ เธอบ้าง เรื่องสถานะที่แท้จริงของเฉินเฟิง ถึงแม้ว่าจะเป็นการ คาดเดาก็ตาม เธอก็คงไม่ยากเยาะเย้ยเฉินเฟิงเช่นนั้น
“ฉันบอกกับคุณ คุณจะเชื่อเหรอ?” เสียเว่ยวมองตาหลินหลิน อยู่แวบหนึ่งอย่างอารมณ์ไม่ได้
น้ำเสียงหลินหลันหยุดค้างทันที ถูกต้องแล้ว เธอไม่มีทางเชื่อ ถ้าเป็นครั้งที่หลินเย่นมาขอร้องที่บ้าน เธอก็คงไม่เอาเรื่องพวกนี้ มาคิดปะติดปะต่อกันกับเฉินเฟิงหรอก
“เฉินเฟิงนี่ก็จริงๆ เลย เขาเป็นถึงทายาทของตระกูลเฉิน ถ้า เขาบอกพวกเราตั้งแต่แรกก็ไม่ดีกว่าเหรอ จะต้องมาหลบซ่อนต่อ ในบ้านเสี้ยของพวกเราด้วย ทำท่าเป็นหมูโง่ๆ แต่มาหลอก จัดการพวกเรา ทําให้พวกเราทนลำบากมาตั้งสามปี” หลินหลัน กล่าวโทษ สามปีนี้ บ้านของพวกเขาถูกคนดูถูกซะส่วนใหญ่ ทุก อย่างมาจากเงินเฟิง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเฉินเฟิงเป็นทายาทของ ตระกูลเฉิน งั้นบ้านของพวกเขา สามปีที่ผ่านมา ก็คงใช้ชีวิตที่ แสนจะวิเศษ
“เสี่ยงเฟิงก็คงมีเหตุผลบางอย่าง คุณลืมไปแล้วหรือยังไงสามปีก่อน ตอนที่พวกเราเจอเขาเป็นครั้งแรก เขาอยู่ในสภาพไหน?” เสียเว่ย วถาม สามปีก่อน เขาเป็นคนช่วยชีวิตเฉินเฟิงเอาไว้ เงินเฟิง ในเวลานั้น ทั้งตัวมีแต่เลือดไหลนอง ถ้าไม่ใช่ว่าจมูกยัง หายใจอยู่ เหมือนคนยังมีชีวิตรอด เขาก็คงไม่ไปช่วยเฉันเพิ่งเอา ไว้หรอก
“เขาเป็นถึงทายาทของตระกูลเฉิน เขาจะมีความทุกข์ร้อน อะไรอีก? ใครกันที่กล้าลงมือฆ่าเขา?” เมื่อได้ยินคำพูดของ เสียเว่ยกั่ว หลินหลินฉุกคิดขึ้นมาได้
“เป็นทายาทของตระกูลเฉินแล้วยังไง? ในโลกใบนี้ตระกูลที่มี ฐานะใกล้เคียงกับตระกูลเฉิน ไม่ใช่ว่าไม่มีซะที่ไหน” เสียเว่ยว พูดซึมอัมในลำคอ จากนั้นก็พูดต่อ
“อีกอย่าง คนที่ต้องการฆ่าเสี่ยวเฟิง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนใน
ตระกูลอื่น” เสียเว่ยกั๋วขมวดคิ้ว
“คุณหมายความว่า….
“คุณลืมไปแล้วหรอกคราวที่แล้วมีคนมาที่บ้านเรา แล้วยังมีผู้ หญิงที่ทำร้ายคุณกับฉัน และเพิ่งเหยาอีกคนด้วย?” เสียเว่ยกั่ว ถามกลับ
หลินหลันหนาวขนลุก พร้อมทั้งรีบพยักหน้าให้ “ฉันไม่ลืม ฉัน จะลืมมันลงไปได้ยังไง อีนางนั้น อีกนิดก็จะฆ่าเพิ่งเหยา ให้ตาย แล้ว”
“เธอก็แซ่เฉิน เหมือนจะซื่อเงินอิงโร” เสี้ยเว่ยกั่วพูดด้วยเสียง เคร่งขรึม
“ตามที่คุณพูดมา ต้องการฆ่าเงินเฟิง เป็นคนในตระกูลเฉิน!
หลินหลันมีสต์ไหวพริบ ถ้าเป็นไปตามที่เสียเว่ยถั่วพูด งั้นเธอ กับเฉินเฟิงที่สนิทสนมกันเช่นนี้ งั้นเหมือนรนหาที่ตายนะสิ
“เป็นไปได้มาก” เสียเว่ยวพยักหน้าให้ “เสี่ยวเฟิงกับใครสัก คนในตระกูลเฉิน ต้องมีเรื่องบาดหมางที่ยังคุยไม่ลงตัวกันแน่
“เว่ยว คุณอย่าทำให้ฉันขวัญหนีดีฝ่อเลย ถ้ามันเป็นจริงตาม ที่พูด งั้นพวกเราก็ตกอยู่ในอันตรายนะสิ?” หลินหลันเริ่ม กระวนกระวายใจ
“อันตราย มันต้องมีแน่นอน…แต่ว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง พวกเรากับเสี่ยวเฟิงนั้น ตอนนี้ก็ไม่ได้สนิทสนมกันมาก…” เมื่อ พูดถึงตรงนี้ เหมือนนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าของเสียเว่ยว เหมือนคิดได้ จากนั้นก็มองมาทางหลินหลัน “หลันหลัน ฉันเพิ่ง คิดออก การหย่าร้างของเสี่ยวเฟิงกับเพิ่งเหยาในครั้งนี้คงไม่ได้ เป็นการหย่าร้างกันจริง!”
“ไม่ได้หย่าจริงๆ?” หลินหลันตกใจ “คุณหมายความว่า การที่ เฉินเฟิงยอมหย่ากับเมิ่งเหยา ก็เพื่อจะปกป้องเมิ่งเหยางั้นเหรอ?”
“ยังมีพวกเราอีก!” เสียเว่ยวพูดเพิ่มให้ ระยะนี้ เขาคิดมา โดยตลอด เหตุผลที่เฉินเฟิงกับเสียเพิ่งเหยาหย่าร้างกัน มันคือ อะไรกันแน่ ถ้าบอกว่าเป็นเพราะหลินหวั่นชีว ก็มีส่วนบ้าง ถ้าเป็น เพราะว่าตระกูลเฉิน เหตุผลนี้ สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำ
เงินเฟิงกับใครบางคนในตระกูลเฉิน คงมีเรื่องบาดหมางจน ไม่สามารถจัดการได้ ส่วนใครบางคนในตระกูลเฉิน หรือว่ากฎอะไรสักอย่าง ที่ไม่สามารถลงมือกับเฉินเพิ่งได้ แต่พวกเขา สามารถลงมือกับเสียเพิ่งเหยา เขา หรือหลินหลับได้
“เว่ยว ที่คุณพูดออกมาแบบนี้ มีหลักการอยู่” หลินหลั่นท่า หน้าเครียดพร้อมทั้งพยักหน้าไปด้วย
“ไม่ใช่หลักการ แต่มันมีความเป็นไปได้แปดถึงเก้าไม่ถึงสิบ เปอร์เซ็นต์เลยแหละ” เสียเว่ยวถอนหายใจ “เฮ้อ เสี่ยวเฟิงคง สาบากใจแย่”
“เขาลำบากใจ? เขาลำบากใจอะไร?” น้ำเสียงหลินหลันดูดี ขึ้นมา
“เขารู้ตั้งแต่แรกว่าตนเองมีเรื่องแค้นเคืองกับตระกูลเฉิน เขา เลยมาติดพันเมิ่งเหยาของบ้านเรา นี่ไม่ใช่ว่าเขาลำบากใจ แต่ เป็นพวกเราต้องลําบากใจไปด้วย” หลินหลันเริ่มหงุดหงิดเล็ก น้อย วันนี้เสียเว่ยวบอกเรื่องทั้งหมดกับเธอแล้ว ความสัมพันธ์ ของเฉินเฟิงกับทางตระกูลเฉิน ไม่ใช่จินตนาการตามที่เธอคิด
คนในตระกูลเฉินต้องการจะฆ่าเฉินเฟิง อีกอย่างคนพวกนั้นมี ความสามารถเก่งกาจ สามปีก่อน อาจจะเป็นไปได้ว่าตระกูลเฉิน คงตัดขาดเฉินเฟิงแล้ว จากนั้นก็ตามไล่ฆ่ามาถึงเมืองชางโจว
ยังมีประเด็นสําคัญอีกอย่าง ความสามารถของเฉินเฟิงนั้น ยัง ไม่สามารถเทียบคนพวกนั้นได้ หรือจะพูดว่า ฐานะของเขาในตระ กูลเฉินนั้น ต่ำต้อยกว่าคนพวกนั้นอยู่บ้าง ถ้าไม่งั้น เขาคงไม่ใช่ วิธีการหย่าร้างกับเพื่อจะได้ปกป้องเสียเพิ่งเหยาเอาไว้
เติมทีหลินหลั่นคิดว่าตนเองตกถังข้าวสารแล้ว แต่พอมาดูต้นสายปลายเหตุแล้ว ดันพบว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ตกถังข้าวสาร แต่ เป็นการถือเผือกร้อนในมือต่างหาก!
จนกระทั่ง เผือกร้อนๆ อาจจะมีพิษจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ