บทที่ 488 จางจื้อเหวผู้หยิ่งผยอง
“แกไอ้คนไม่ตาย แกหายหัวไปไหน?! กูจะโดนคนฆ่าตายอยู่ แล้วมึงยังไม่รู้ไม่ชี้อีก!” หลี่หงตะคอกใส่ด้วยความโมโห
“แกใกล้โดนคนฆ่าตายแล้ว? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เสียงทุ้ม อีกฝั่งดังขึ้น พร้อมทั้งรีบถามกลับ “มีคนจะฆ่ากูนะสิ! แม่งเอ๊ยตกลงว่าจะกลับมาไหม?!” หลี่หง
ตะคอกเสียงดัง ราวกับสติหลุดไปแล้ว
“ฉันจะพาคนไปเดี๋ยวนี้”
“ติดต็ด”
โทรศัพท์ถูกตัดสาย ดวงตาหลี่หงก็ฉายความดุดันมองมาทาง เฉินเฟิงและเสี้ยเมิ่งเหยา “ได้ยินไหม? ไอ้พวกหมาหมู่ ตัวกูจะมา แล้ว!”
“มาแล้วยังไง? มันจะกินพวกเรางั้นเหรอ?”
หลินหลินยิ้มให้อย่างเย็นชา ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อเธอกับ สถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าสิ่งแรกที่ทำคือการหาวิธีวิ่งหนีหัวซุก หัวชน ไกลขนาดไหน ก็วิ่งไปให้ไกลเข้าไว้
ทว่าตอนนี้ไม่ได้ยินว่าหลี่หงพาคนมา เธอดันเกิดอาการรอ คอยขึ้นมาซะงั้น อยากให้หลี่หงเรียกคนมาเยอะๆ ด้วยซ้ำ
“กินพวกแก?” หลี่หงกระตุกยิ้มหัวเราะ “กินพวกแกเข้าไปมันก็จะเสียค่าเปล่า! กูจะสับพวกมึงให้เลย จากนั้นก็เอาชิ้นส่วนของ พวกมึงเอาไปโยนให้หมาป่ากิน
“เอาไปโยนให้หมาป่ากัน? ฉันอยากจะเห็นเหลือเกิน คนที่จะ ไปโยนให้หมากิน ใครกันแน่!” หลินหลันส่งเสียงซึมฮัมในลำคอ การที่เฉินเฟิงอยู่ที่นี่ หลี่หงไปเชิญคนชนชั้นสูงมา วันนี้เขาก็ไม่ กลัวสักนิด
หลังจากนั้นสิบนาที คนที่หลี่หงไปเชิญก็มาแล้ว
คันแรกคือรถแลนด์โรเวอร์สีดำ ด้านหลังรถแลนด์โรเวอร์สีดำ ก็มีรถตู้สีบรอนซ์ทองตามหลังมาติดๆ อีกสามคัน
“เอียด”
เสียงเบรกล้อรถแสบแก้วหู รถแลนด์โรเวอร์สีดำพร้อมทั้งรถตู้ สีบรอนซ์สีทองก็จอดด้านหน้าประตูของหมู่บ้าน
เมื่อประตูรถเปิดออก มีคนแต่งตัวตามสไตล์ของตนเองลงมา ยี่สิบกว่าคน แต่ผู้ชายต่างรูปร่าง ย่าต่างทยอยเดินลงมาจาก รถ ในมือของพวกเขามีอาวุธต่างๆ นาน ทั้งมีดสปาต้า ขวาน มีด Triangular bayonet ลักษณะเรียวกลมยาว……
เป็นอาวุธที่เคยอาบเลือดมาแล้วทั้งสิ้น
ภาพนั้น มันทำให้คนที่มุงดูต่างตกใจไม่น้อย คนไม่น้อยต่างเบนสายตามองมาทางเสี้ยเพิ่งเหยาและ เฉินเฟิง
“จบกัน ๆ บ้านนี้หมดหนทางแล้ว
ให้พวกเขาไป พวกเขาก็ไม่ไปแล้วทีนี้ จางจื้อเหวหาคนมา มากมายขนาดนี้ พวกเขาอยากจะไปก็ไปไหนไม่ได้แล้ว”
“โทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจแทนพวกเขาเถอะ
“แจ้งตำรวจเหรอ? คุณไม่กลัวจางจื้อเหวมาเอาคืนเหรอไง? พี่ ชายของหลี่หงรู้จักกับผู้อำนวยการส่งหรือว่าเรื่องนี้คุณไม่รู้? ถ้า เธออยากรู้ว่าใครไปแจ้งตำรวจ มันง่ายๆ สุดแล้ว”
หลายคนต่างถกเถียงกัน ผู้ชายรูปร่างทนทานยี่สิบกว่าคนเดิน ตุ่มๆ เข้ามาหา
คนแรกคือคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง ใส่สร้อยทองเส้นโต ผู้ชาย
วัยกลางคนที่น้ำหนักน่าจะเท่ากับหลี่หงได้
เมื่อเห็นใบหน้าของหลี่หงที่มีรอยฝ่ามือแล้ว สีหน้าของชายวัย กลางคนนิ่งทันที “ใครเป็นคนทํา?!”
“ไอ้พวกเศษสวะนี่แหละ!” หลี่หงทำหน้าคาดโทษพร้อมทั้งชี้ไป ทางเฉินเฟิง
จางจื้อเหวมองมาทางเฉินเฟิง พร้อมทั้งตีหน้าเข้ม “กล้า ทําร้ายเมียก พวกมึงกล้ามาก!
“ตบเมียมึงแล้วจะยังไง? นั่งนี่มันน่าตบ!” ราวกับกลัวว่าเรื่อง มันยังรุนแรงไม่พอ หลินหลันเริ่มพูดใส่ไฟอีกครั้ง
คำพูดนี้ยิ่งทำให้หลี่หงโมโหเดือดอยู่ไม่น้อย เธอไม่คิดเลยว่าจางจื้อเหวพาคนมาตั้งมากมาย หลินหลั่นยังกล้าด่าเธออีก
“จัดการปาก นางเวรนั่นก่อนเลย!” หลี่หงกรีดร้องพร้อมทั้ง ออกค่าส่ง
เธอเพิ่งพูดจบ ก็มีผู้ชายรูปร่างกำยำสองคนเดินทำหน้าดุดัน เดินออกมา
เงินเฟิงก้าวเดินไปข้างหน้า พร้อมทั้งมองจางจื้อเหวอย่างเย็น ชา “แกไม่คิดที่จะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเลยเหรอไง?”
“เรื่องที่เกิดขึ้น?” จางจื้อเหวยิ้มอย่างไร้อารมณ์ “เรื่องที่มัน เกิดขึ้นสำคัญด้วยเหรอ?”
มุมปากจางจื้อเหวแสยะยิ้มให้ ทำไมเขาจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ตอนที่เขามาถึงนั้น เขาก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
คงเป็นเพราะเสียเว่ยวมายุ่งเรื่องชาวบ้าน จากนั้นก็คงโดน หลี่หงปล่อยให้หมากัด ทางบ้านของเฉินเฟิงคงมาหาเรื่องแค่นั้น แหละ
เรื่องพรรค์นี้ถ้าเป็นคนอื่นมาเจอเข้า ก็คงต้องส่งของขวัญเพื่อ เป็นการขอโทษอยู่ไม่น้อย แต่ในพจนานุกรมของจางจื้อเหวนั้น มันไม่มีคำว่าส่งของขวัญเพื่อเป็นการขอโทษ เขาใช้วิธีการเอาคนมารุมแทน
“ไม่สำคัญเหรอ?” เฉินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา เดิมทีเขายังไม่คิด จะทำอะไรจางจื้อเหว ทว่าจางจื้อเหวรนหาที่ตาย งั้นก็อย่ามา โทษเขาก็แล้วกัน!
“สำคัญไม่สำคัญใช่ว่ามึงเป็นคนพูด ลงมือ!” จางจื้อเหวมอง เฉินเพิ่งด้วยความดูถูก พร้อมทั้งพูดขึ้นมา น้ำเสียงเขาเพิ่งพูดจบ ผู้ชายกำยาที่มีรอยสักหลายคนที่อยู่ทางด้านหลังก็กระโจนเข้า หาเงินเฟิง ใบหน้าของผู้ชายที่มีรอยสักหลายคนมีรอยยิ้ม ที่มุมปาก ก่อนมานั้น จางจื้อเหวก็ไปรับปากว่า ทุกคนที่มา มีเงิน ค่าตัว ประกอบฉาก สองร้อยหยวน
ส่วนคนที่เป็นคนลงมือนั้น ยังได้เงินเพิ่มอีกสามร้อยหยวนเป็น ‘ค่าเหนื่อย
อาศัยร่างกายที่เปราะบางอย่างเฉินเฟิงแล้ว ก็คงไม่สามารถ รับมือกับทุกคนได้ อย่างมากก็แค่สามถึงสี่คน เฉินเฟิงก็ยืนไม่ ตรงแล้ว เปลี่ยนคำพูดใหม่ คนที่ได้ ค่าเหนื่อย อย่างมากก็แค่ สามสี่คน คนอื่นๆ ได้แค่ค่าตัว ประกอบฉาก เท่านั้นแหละ
ดังนั้น พวกเขาต้องลงมืออย่างรวดเร็ว!
ถ้าช้า เดี๋ยวจะไม่ได้เงินสามร้อยหยวน จินตนาการอันล้ำเลิศ ความเป็นจริง อันแสนเจ็บปวด ชายก่าย่าที่มีรอยสักสามคนก่อนหน้านี้ ยังไม่ทันถึงตรงหน้า เฉินเฟิงเลย ก็เห็นเงาเท้าคนรางๆ
วินาทีต่อมา รูม่านตาของพวกเราหรี่ตาลง เหมือนรู้ตัวว่า ต้อง เอื้อมมือไปบังเงารอยเท่านั้น
แต่ว่าความเร็วของพวกเขา จะไปทันเฉินเฟิงที่ลงเท้าได้ยังไง ขนาดโอกาสในการตอบโต้แทบจะไม่มีเท้าของเงินเฟิง ก็ประทับรอยไว้บนหน้าทั้งสามคนแล้ว
ทั้งสามคนรู้สึกว่าหน้าตึง จากนั้นทั้งตัวก็เหมือนรถบรรทุกพุ่ง
ชนเข้าอย่างจัง จนไม่สามารถควบคุมไว้ได้ถึงกับลอยละล่องไป
ลอยไปไกลถึงเจ็ดถึงแปดเมตรได้ ทั้งสองคนก็หล่นไปกองที่
“แหวะ”
เลือดสีแดงสดพ่นออกมาจากปากแล้ว ทั้งสามคนตาลอย จาก นั้นก็เป็นลมสลบเหมือดไปแล้ว!
เมื่อเห็นภาพนั้น มุมปากของจางจื้อเหวแข็งทื่อ ขนาดมือที่คืบ
บุหรี่เอาไว้ ยังสั่นไม่หยุด
ไอ้หมอนี่ มันค่อยได้เก่งขนาดนี้เลยเหรอ!
ไม่เพียงแต่จางจื้อเหว ชายกว่าที่กรอบตัวทั้งยี่สิบกว่าคน ก็ ยืนนิ่งอยู่กับที่ ต่างมองหน้ากัน
แค่เท้าเดียวก็สามารถทำให้คนรูปร่างกำยาทั้งสามคนลอยไป ไกลถึงเจ็ดแปดเมตร เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา เกรงว่าถ้าพวกเขาเริ่มลงมือ ก็คงเหมือนกับชายสามคน
“ยังยืนมื้ออยู่ทำไม ลงมือ
จางจื้อเหวกอตอาการโมโห เฉินเฟิงแค่ใช้เท้าเดียว มันน่ากลัวมาก แต่ว่าทางด้านตนเองนั้น ยังมีคนยี่สิบกว่าคน แถมยัง พกอาวุธมาด้วย อาวุธครบมือ จะไปกลัวอะไรกับคนที่ไม่มีอาวุธ ติดมือมาเลย?
จัดการ!”
หลังจากที่จางจื้อเหวออกคำสั่งแล้ว ชายกย้ายี่สิบกว่าคนที่ เหลือก็ได้แต่กัดฟันทน พร้อมทั้งจับอาวุธที่อยู่ในมือไว้แน่น แล้ว พุ่งตัวไปทางเฉินเฟิง
เงินเฟิงยิ้มให้อย่างไร้อารมณ์ แค่ก้าวเท้าไปข้างหน้า ไม่ได้ใช้ มือและเท้าด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้ใช้ท่าเด็ดอะไรมากนัก แต่ชายที่มาพร้อมกัน ยี่สิบกว่าคน ก็ไม่ใช่คนที่สามารถมาต่อกรกับเขาได้
ราวกับทุกคน แค่สัมผัสเขาเพียงเล็กน้อย ก็เหมือนกับหุ่นที่ ของเล่นต่างล้มระเนระนาดลอยออกไปหมด
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ