บทที่ 428 การตัดสินใจของสหพันธ์สงคราม

วิธีที่ทำให้จินเจียงโผล่ออกมาด้วยตัวเองก็ง่ายมาก คือให้อ ไฟจุนปล่อยข่าว: นักดาบประเทศญี่ปุ่นได้บอกเบื้องหลังที่สั่งการ พวกเขาคือใคร ครั้งนี้ไปยันเจียง ก็คือจะให้สำนักงานใหญ่ของ สหพันธ์สงครามตัดสินความผิดผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

ส่วนจินเจี่ยจงที่อยู่เบื้องหลัง ก็คงไม่สามารถนั่งนิ่งดูดายให้นัก ดาบประเภทญี่ปุ่นถูกส่งไปที่สำนักงานใหญ่ของอันเจียงหรอก หากนักดาบประเทศญี่ปุ่นถูกส่งตัวไปที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์ สงคราม ต่อให้จีนเจียจงไม่ตายก็คงจะลอกหนังหนึ่งชั้น

ดังนั้น พวกเขามีความเป็นไปได้ที่จะปล้นรถขนนักโทษกลาง ทาง เพื่อที่จะฆ่าปิดปากนักดาบประเทศญี่ปุ่นเหล่านั้น

ก่อนหน้านี้เฉินเฟิงก็คาดการณ์แบบนี้

ตอนนี้ การคาดเดาของเฉินเฟิงกลายเป็นจริง จินเจี่ยจงได้ส่ง อ้านจิ้งชั้นสุดสามคนมาปล้นรถขนนักโทษของสหพันธ์สงคราม ดังที่คาด

แค่ว่าพวกเขาจะปล้นนักดาบประเทศญี่ปุ่น กลับไม่ได้อยู่ในรถ

นักโทษ

ในรถนักโทษ เป็นรองประมุขของสหพันธ์ย่อยจงไฟของ สหพันธ์สงคราม!

“คนของพวกเขาถูกประมุขจ้าวเอาชนะไปแล้ว ตอนนี้ต่างก็ถูกจับกุมตัวไว้ในคุกจอมยุทธ์จงให้” สื่อโพนพูดขึ้น

เงินเฟิงผงกหัวเล็กน้อย คุกจอมยุทธ์ เป็นทุกอย่างหนึ่งที่สมา คมโดสร้างขึ้นมาเพื่อจอมยุทธ์ โดยเฉพาะ เป็นคุกที่มีความ ปลอดภัยสูง และคุณมีความสูงมากกว่าคุกธรรมดามากกว่าร้อย เท่า ต่อให้เป็นจอมยุทธ์หัวจิ้ง พอเข้าคุกจอมยุทธ์แล้ว อยากจะ หนีให้พ้น ก็คงเปลืองแรงเปล่าๆ

อ้านจิ้งชั้นสุดสามคนอยากจะหนี มันยากกว่าขึ้นสวรรค์อีก

“ตอนนี้จินเจี่ยจงมีปฏิกิริยายังไงบ้าง? ” เฉินเฟิงถามขึ้น จอม ยุทธ์ทั้งหมดในแดนหวาเซียที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหพันธ์ ถึงแม้จินเจี่ยจงจะเป็นปรมาจารย์บูโด ทว่าก็ต้องยอมรับการ ควบคุมดูแลจากสหพันธ์ ในจินเจี่ยจง ข่าวของลูกศิษย์ทั้งหมด สหพันธ์ก็ต้องลงทะเบียนทั้งหมด ครั้งนี้ข่าวที่อ้านจิ้งชั้นสุดสาม คนปล้นนักโทษ แค่ไปสืบหาในสหพันธ์ก็จะรู้เอง

พยานคนและสิ่งของที่อยู่ ต่อให้จินเจี่ยจงมีปากสิบอัน ครั้งนี้ เกรงว่าคงจะพูดไม่เคลียร์แน่นอน

“จินเจียง….” สือโฟจนหยุดชะงักไป แล้วพูดขึ้น “จินเจียง พูดว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ลูกศิษย์ในสำนักเป็นคนบงการ ทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าสํานักเลย”

“ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าสํานัก? ”

“เยี่ยมมากที่บอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าสำนัก! ” เฉินเฟิงหัวเราะ ด้วยเสียงเย็นชาไม่หยุด อ้านจิ้งชั้นสุด ต่อให้จินเจี่ยจงอยู่ใน สำนักใหญ่แบบนี้ ก็คือบุคคลที่เป็นถึงขั้นอาวุโส ตอนนี้คนเกิดเรื่อง จินเจียจงกลับบอกว่าทุกอย่างนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา

ช่างเหลวไหลจริงๆ!

แค่อ่านจึงขั้นสุดสามคน จะกล้าเสี่ยงมากถึงขั้นที่ปล้นรถ นักโทษของสหพันธ์สงคราม โดยอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มี เจ้าสำนักมอบอำนาจให้ฉันหรอ?

พวกเขาจะใจกล้าบ้าบินขนาดนี้เลยหรอ?

“สหพันธ์สงครามพูดว่ายังไง? ” เฉินเฟิงถามขึ้นอีกประโยค จุดสำคัญของเรื่องนี้ ยังคงเป็นสหพันธ์สงคราม หากสหพันธ์ สงครามปล่อยปละละเลย ไม่ว่าจีนเจี่ยจงหาข้ออ้างที่เรื่อยเปื่อย มากแค่ไหน สหพันธ์สงครามก็คงจะเชื่อ

หากสหพันธ์สงครามคิดจะจัดการอย่างเคร่งครัด งั้นต่อให้จีน เจี่ยจงจะหาข้ออ้างที่ดีแค่ไหน ก็ยากที่จะหลุดพ้นต่อหน้าที่ต้องรับ ผิดชอบ

“สหพันธ์สงครามให้ประมุขของจินเจี่ยจงมาเมืองหลวง ภายในสามวัน เพื่อที่จะพูดถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้” สือ โพนพูดขึ้น ตามหลักเหตุผลแล้ว ประมุขอย่างจินเจียจง น่าจะ ให้สหพันธ์สงครามมาควบคุมดูแล ทว่าเรื่องนี้ จินเจี่ยจงกลับ เกี่ยวข้องกับนักดาบประเทศญี่ปุ่น ลอบสังหารเฉินเพิ่งกลางถนน

มันละลานไปนอกเขตแดน สหพันธ์สงครามต้องมีอำนาจเข้า แทรกแซงอยู่แล้ว

“ไม่เลว”
เงินเฟิงพยักหน้าอย่างพอใจ ดูจากก่อนหน้านี้ สหพันธ์ สงครามคิดจะจัดการจีนเจียงอย่างเคร่งครัดอย่างชัดเจน

ไม่งั้นพวกเขาไม่มีทางให้ประมุขจินเจียจงขึ้นเมืองหลวง

ต้องรู้ว่าการเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของหวาเซียในเมือง ยันเจียง ที่ผ่านมาจะเป็นสถานที่ล่าถอยของจอมยุทธ์

จอมยุทธ์แดนบ้านจิ้งและเหนืออ้านจิ้ง หากไม่มีธุระโดยเฉพาะ ปกติแล้วก็ไม่สามารถเข้าเมืองยันเจียงได้

ต่อให้จะเข้า ก็ต้องรายงานสหพันธ์สงครามก่อน หลังจากที่ ผ่านการอนุญาตจากสหพันธ์สงคราม ถึงจะสามารถเข้าเมืองได้

เหมือนประมุขสำนักบูโดเหมือนอย่างจีนเจียง ถ้าจะเข้าเมือง ยันเจียง ก็ยิ่งต้องรายงานก่อนเป็นเดือน หลังจากที่ผ่านแผนก มากมายไต่สวน ถึงจะเข้าไปได้

ครั้งนี้สหพันธ์สงครามแค่ให้เวลาประมุขจินเจียจงเป็นเวลา สามวันเท่านั้น ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าท่าทีเด็ดขาดอย่างมาก

“อีกอย่าง เสี่ยวเฟิง สำหรับข่าวของนาย ประมุขก็รู้แล้ว”

“ผ่านไปอีกไม่กี่วัน เขาอาจจะไปถามนาย” สื่อโพจนพูดขึ้น คนที่รู้ว่าเฉินเฟิงเป็นลูกศิษย์ที่โหล่ของเซียวถั่วจงนั้นไม่มาก รอง ประมุขของสำนักงานใหญ่ของสหพันธ์สงครามคือหนึ่งในนั้น

ครั้งนี้ก็คือรองประมุขที่คอยกำจัดผู้ที่มีความเห็นต่างทั้งหมด แล้วตัดสินใจเรื่องที่จะให้ประมุขจินเจี่ยจงมารายงานตัวในเมือง ภายในสามวัน
“ไม่เป็นไร ผมได้เตรียมตัวเสร็จแล้ว” เฉินเพิ่งพยักหน้าด้วย สีหน้าที่นิ่งเฉย ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยสั่งซื้อไฟจน ทำให้สื่อโฟ จนพยายามปิดบังข่าวคราวของเขาทางฝั่งสหพันธ์สงคราม ทว่า เบื้องบนของสหพันธ์สงครามอยากจะสืบเขา ถือไพ่นก็ไม่

สามารถปิดบังได้จริงๆ ดังนั้นเฉินเฟิงก็ได้เตรียมตัวว่าตัวตนจะถูกคนอื่นล่วงรู้

ฐานะที่แท้จริงถูกล่วงรู้ แน่นอนว่าก็มีข้อดีของการถูกล่วงรู้ ข้อดีก็คือเขามีฐานะที่เป็นลูกศิษย์เซียวกั่วจง

ยังไงเขียวถั่วกงก็คือผู้บุกเบิกสหพันธ์สงคราม มีความสัมพันธ์ กับเซียวถั่วจง แน่นอนว่าสหพันธ์สงครามจะไม่ยอมปล่อยจินเจีย จงไปง่ายๆ อยู่แล้ว

หากเขาไม่ใช่ลูกศิษย์เขียวถั่วจง แต่เป็นจอมยุทธ์ธรรมดาคน หนึ่ง งั้นผลของการจัดการเรื่องแบบนี้ ก็จะมีความเป็นไปได้ที่ไม่ ชัดเจนและไม่รู้จักจบจักสิ้น

ยังไงจินเจียจงก็คือหนึ่งในลำดับสิบต้นๆ ของสำนักบูโตหวา เซีย พวกเขาหนึ่งสำนักจะมีสามหัวจิ้ง ทว่าไม่ใช่อะไรที่กระจอกๆ เลย

“งั้นก็ดี” สื่อโพนพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “เสี่ยวเฟิง ทางฝั่งจีน เจียจง ผมจะช่วยคุณจับตามอง มีข่าวอะไร ผมจะรายงานคุณให้ เร็วที่สุด”

“รบกวนพี่แล้ว พี่สือ” เฉินเฟิงยิ้มพลางพูด ครั้งนี้ถึงแม้เขาจะคิดแผน ทว่าสื่อไฟจนกลับเป็นคนที่ลงแรงเยอะมาก ไม่ต้องพูด ถึงอย่างอื่น แค่พูดถึงเรื่องที่ไปเชิญจอมยุทธ์หัวจิ้งมาแทนนักดาบ ประเทศญี่ปุ่นท่านั้น สือโฟนก็ต้องมีความรับผิดชอบอันใหญ่ หลวง

หากจินเจี่ยจงไม่ได้คิดจะปล้นนักโทษ งั้นจอมยุทธ์หัวจึงท่านั้น คงจะมาเสียเที่ยว

หลังจากผ่านเรื่องไป สื่อโฟจนต้องรับผิดชอบอีก ทว่ายังดี จินเจียจงไม่ได้ทำให้เงินเฟิงผิดหวัง

“เรื่องภาระหน้าที่อันพึงปฏิบัติ พูดไม่ได้ว่ารบกวน” สื่อโฟน คลายยิ้มพลางพูด ถึงแม้ครั้งนี้ภายนอกแสดงว่าช่วยเฉินเฟิง ทว่าเขาเองก็ได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย

หากสามารถสืบหาความจริงที่จินเจียจงกับประเทศญี่ปุ่นร่วม มือกัน งั้นเขาที่เป็นรองประมุขของสหพันธ์สงครามมาหลายปีนี้ คําว่ารองก็สามารถตัดออกไป

“ใช่แล้ว พี่สือ ภายในหลายปีมานี้ มีมหาปรมาจารย์ท่านไหน มาจางโจวไหม” เหมือนจะนึกอะไรออก จู่ๆ เฉินเฟิงเลยถามขึ้น

“เสี่ยวเฟิง นายถามเรื่องนี้ไปทำไม? ” สื่อโฟจนทำสีหน้าที่ จริงจังขึ้นมา “การเคลื่อนไหวของมหาปรามาจารย์ไม่สามารถ คาดเดาได้ การสืบหาการเคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์เป็น ความผิดขั้นร้ายแรง”

“ผมรู้ พี่สื่อ ผมก็แต่ถาม ไม่มีหมายความอื่นใด” เฉินเฟิงคลายยิ้มอย่างขมขื่น เขาถามสื่อโฟฉุนแบบนี้ แน่นอนว่าต้อง เพราะหลินหวั่นชีว

ตอนนี้หลินหวั่นชีวมีพลังมหาปรมาจารย์ ได้กลายเป็นหนาม ในหัวใจของเขา ถ้าไม่สืบหาที่มาของพลังนั้นให้ชัดเจน เขาจะ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

“เสี่ยวเฟิง ผมรู้ว่านายไม่ได้มีความหมายอื่นใด ทว่านายน จะรู้ดี มหาปรมาจารย์มีตำแหน่งในหวาเซียสูงส่งแค่ไหน การ เคลื่อนไหวของมหาปรมาจารย์ทุกท่าน จะเป็นความลับขั้นสูงสุด หากถูกคนที่ประสงค์ร้ายสืบหา แล้ววางแผนอะไรขึ้นมา ผล สุดท้าย จะไม่สามารถคาดคิด…” สือโฟจุนจึงพูดด้วยสีหน้า เข้ม มหาปรมาจารย์จอมยุทธ์ทุกท่าน เป็นพลังการจู่โจมของหวา เซีย ถ้าพูดอย่างเกินจริง ในบางด้าน ความเกรงขามของมหา ปรมาจารย์จอมยุทธ์ มักจะใหญ่กว่านิวเคลียร์ไปมาก ดังนั้น สมาคมถึงออกกฎห้ามสืบหาเรื่องการเคลื่อนไหวของมหา ปรมาจารย์