ลูกเขยมังกร

บทที่ 345 บริษัทเภสัชกรรมคางเหม่ย



บทที่ 345 บริษัทเภสัชกรรมคางเหม่ย

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” เฉินเฟิงยัง คงท่าทีเรียบเฉยแบบนั้น หลีสื้อผิงเห็นแก่หน้า หวางหงอี้ เขาเองก็ด้วย นา?

ถึงตอนนี้เขาจะไม่สามารถใช้ทรัพย์สิน ของตระกูลเฉินได้ แต่ฉวนซาน และธุรกิจ ของชางโจวพวกนั้นยังอยู่ใต้ชื่อเขา เขา สามารถเคลื่อนย้ายหรือใช้ได้ทุกเมื่อ

ฐานะของเขายังคงเป็นหลายหมื่นล้าน อยู่ดี

ทํางานหรือไม่ มีความหมายหรอ?

“เหอะ พวก น เอ๊ย” หลีสื้อผิงสบถ ออกมา

จากนั้นเขาเบนสายตาไปที่หวางซีอ หยวน เปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้ม: “ที่รัก พวก เราไปกันเถอะ ไปดูว่าประธานที่มาใหม่วันนี้ หน้าตาเป็นยังไง “ประธานคนใหม่?”

หวาง อหยวนสงสัยเล็กน้อย: “สื้อผิง ประธานคนเก่าโดนย้ายไปแล้ว?”

“อืม ผมพึ่งได้รับข่าวยืนยันเอง ประธาน คนเก่าเดิมบ่ายเมื่อวานนี้ย้ายไป วันนี้จะมี ประธานคนใหม่มารับช่วงบริษัท” หลี่ซื้อผิง บอก

หวาง อหยวนพยักหน้าเบาๆ ในสายตา เก็บความผิดหวังไม่มิด เดิมที่ประธานบริษัท เป็นผู้ชาย ถึงจะอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่ก็ร่ำรวยมี ฐานะราวพันล้านอยู่

หล่อผิงเทียบกับเขาแล้ว ห่างกันไม่ เห็นฝุ่นเลย

ที่จริงเป้าหมายเดิมของเธอไม่ใช่หลี่สื่อ ผัง แต่เป็นประธานที่อายุสี่สิบกว่านั่น แต่ตอน นี้กลับได้ยินข่าวว่าประธานคนนั้นโดนย้ายไป แล้ว

หวาง อหยวนแอบถอนหายใจ ตอนนี้ เธอได้แต่ฝากความหวังไว้ที่ประธานคนใหม่ แล้วล่ะ ถ้าประธานคนใหม่ยังไม่ได้อย่างใจ เธอ เธอคงได้แต่แต่งงานกับหลีสื่อผิงแล้วล่ะ

“ไปส ยืนบอไรอยู่ล่ะ!” เห็นเฉินเฟิงยืน นิ่งอยู่กับที่ หลี่ อผิงก็ของขึ้น

เฉินเฟิงขมวดคิ้ว: “ผมเรียกรถไปเอง”

“แกจะเรียกรถไปเอง?” หลี่ซื้อผิงเริ่ม รําคาญ: “แกรู้สถานที่หรอ? ถ้าหาไม่เจอ ต้อง ให้ฉันมารับแกอีก ไปกับพวกเราเร็ว

พูดจบ หลี่อผิงไม่รอเฉินเฟิงพูดอะไร โอบเอวหวางซื่อหยวนเดินไปที่ประตูบ้านหวา

เฉินเฟิงเดินตามทั้งคู่ไปด้วยสีหน้าเย็น

ชา

รถของหลีสื่อผิงเป็นรถร่วมสมัยสีขาว พอทั้งสองมาถึงรถ คนหนึ่งขึ้นที่นั่งคนขับ อีก คนขึ้นที่นั่งข้างคนขับ ไม่คิดจะเรียกเฉินเฟิง เลยสักนิด เฉินเฟิงเดินไปนั่งด้านหลังด้วยสีหน้าไร้

อารมณ์ พอขึ้นมานั่งด้านหลังถึงพบว่า ในรถร่วม

สมัยของหลีสื้อผิง ยังทำเพดานดาวสีฟ้าไว้อีก

“ไอ้บ้านนอก ไม่เคยได้นั่งรถดีขนาดนี้ล่ะ สิ?” หลี่จื้อผิงเย้ยมุมปาก มองเฉินเฟิงอย่าง เยาะหยืน

ความรู้สึกที่ได้เยาะหยันผู้ชายอีกคน อ หน้าสาวของตัวเอง มันสะใจจริงๆ

“ก็ไม่เคยนะ” เฉินเฟิงยิ้มบางๆ ใน อินเทอร์เน็ตมีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้มีเหตุผลมาก วิธีสนทนากับคนโง่ที่ดีที่สุดคือเขาพูดอะไรมา คุณก็เออออตามเขาไป อย่าไปเถียงด้วยเด็ด ขาด เพราะถ้าคุณเถียงเขา คุณเองก็จะโง่ไป ด้วย

“งั้นยังไม่ขอบคุณฉันอีก ฉันอุตส่าห์ให้ โอกาสแกได้นั่งรถหรูเชียวนะ ถึงแกจะได้นั่ง แค่สิบกว่านาทีก็ตาม” หลีสื้อผงยิ้มมุมปาก อย่างสะใจ

“ขอบคุณ” เฉินเฟิงพูดยิ้มๆ

“อผิง คุณพูดเหลวไหลอะไรกับเจ้า หนอนเน่านี่น่ะ รีบออกรถเถอะ ต้องมานั่งรถ คันเดียวกับเขาฉันใกล้จะอาเจียนเต็มที่แล้ว หวาง อหยวนพูดอย่างไม่ปิดกั้นความ ขยะแขยงสักนิด

“ฮะฮะฮะ ที่รัก ขอโทษด้วยนะ ผมลืม นึกถึงความรู้สึกของคุณไปเลย จะออกรถเดี่ยว นี้แล้วครับ” หลี่จื้อฝังหัวเราะฮ่าฮ่า ก่อน เหยียบคันเร่งออกรถ

บริษัทคางเหมยกรุ๊ปอยู่ในเขตผู่เจียง ใหม่ ไม่ไกลจากบ้านหวางนัก ใช้เวลาไม่ถึง สิบห้านาที หลี่อผิงก็ขับรถเข้ามาจอดที่หน้า ประตูบริษัท

ที่หน้าประตูบริษัท เฉินเฟิงถึงพบกว่า บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปเป็นบริษัทผลิตยาแห่ง หนึ่ง ดูจากพื้นที่บริษัทแล้ว ถือว่าไม่เล็กเลย อย่างน้อยต้องมีเงินทุนไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน

พอเอารถเข้าจอดที่ที่จอดรถ หลี่ออฝัง ลงจากรถมา และเดินอ้อมไปเปิดประตูให้หวา งซือหยวนลงจากรถอย่างสุภาพบุรุษ

หวางซื่อ หยวนนวยนาดลงจากรถ เธอ เกาะแขนหลี่สื่อผิงไว้

ทั้งคู่เดินคลอเคลียมาที่ตึกบริษัท

เฉินเฟิงเว้นระยะห่างกับทั้งคู่ไว้หน่อย

และเดินตามมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

พอถึงบริษัท หล่อผิงกับผู้ชายวันกลาง คนที่ดูเป็นระดับหัวหน้าคุยกันนิดหน่อย และชี้ มาที่เฉินเฟิง ผู้ชายคนนั้นมองเฉินเฟิงพลาง พยักหน้า แต่กลับไม่ปิดบังสายตาเหยียด หยามเลยสักนิด

หลายนาทีผ่านไป หลี่ซื้อผิงเดินมายืน หน้าเฉินเฟิงอย่างเย่อหยิ่ง เผยอปากพูดว่า “เฉินเฟิง โชคนายไม่เลวเลยนะ วันนี้ผู้จัดการ จางเขาต้องเตรียมการต้อนรับประธานคนใหม่ เลยยกเลิกการสัมภาษณ์ที่นัดไว้ นายเข้า ทํางานได้เลย”

“โต๊ะทํางานอยู่ตรงนั้น นายไปเองละกัน” หลี่สื่อผิงชี้ไปที่โต๊ะที่ดูรกรุงรังตรงมุมนั้น

เฉินเฟิงไม่พูดอะไรสักคำ เดินไปที่โต๊ะ และเริ่มจัดของบนโต๊ะให้เข้าที่

“พี่ชาย มาใหม่หรอ?” ตอนนี้เองจู่ๆก็มี หัวหนุ่มน้อยคนหนึ่งโผล่มาเบื้องหน้าเฉินเฟิง ดูจะเป็นหนุ่มน้อยที่พึ่งจบจากรั้วมหาวิทยาลัย

สายตาที่เขามองมาที่เฉินเฟิง เต็มไป ด้วยการค้นหาและแปลกใจ

“อืม” เฉินเฟิงมองหนุ่มน้อยคนนั้นพลาง พยักหน้า

“คือ…พี่ชาย พี่เป็นอะไรกับผู้จัดการหลั่ หรอ?” หนุ่มน้อยมองซ้ายมองขวา ถามอย่าง ใครรู้

“ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย” เฉินเฟิงตอบ ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย?

สายตาหนุ่มน้อยดูแปลกใจ เมื่อกี้เขา เห็นผู้จัดการจางพาเฉินเพิ่งเข้ามานี่นา?

หรือเฉินเฟิงกลัวคนจะรู้ว่าตัวเองเล่น เส้น เลยไม่กล้าพูดอะไรมาก?

แหะๆ พี่ชาย ผมชื่อหลี่เล่อนะ ต่อไปเรา เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วนะ ถ้าพี่มีอะไรไม่ เข้าใจถามผมได้เลย” หนุ่มน้อยยิ้มพลางยื่น มือตัวเองออกมา เฉินเฟิงยิ่งพูดว่าไม่ได้ เกี่ยวข้องอะไรกับผู้จัดการหลี่ ยิ่งแปลว่าเขา กับผู้จัดการหลี่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกันแน่

“เฉินเฟิง”

เฉินเฟิงยื่นมือออกไปจับมือกับหนุ่มน้อย ที่ชื่อหลี่เล่อ

หลี่เล่อคนนี้ดูเข้ากับคนง่าย พอจับมือกับ เฉินเพิ่งเสร็จแล้ว ก็เริ่มแนะนำบริษัทให้ เฉินเฟิงรัวๆ เฉินเฟิงถึงรู้ว่า ตัวเองก่อนหน้านี้ดูเบา บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปไป เดิมคิดว่าบริษัทคาง เหม่ยกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มีเงินทุนหมื่นล้าน เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่า บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปจะ เป็นหนึ่งในสิบบริษัทที่ถือหางวงการยาของ หวาเชีย!

ตอนหุ้นบริษัทขึ้นถึงขีดสุด คือเกือบแตะ หนึ่งแสนสองหมื่นล้าน!

บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปของจงไห่นี่เป็น บริษัทสาขาของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป ถึงจะ เป็นแค่สาขา แต่เงินทุนบริษัทก็มีราวๆสาม หมื่นล้าน

แค่พนักงานในบริษัทสาขา ก็ปาเข้าไป สองพันกว่าคนแล้ว

“พี่เฟิง ไม่พบปัญหาหนึ่งหรอ?” หลี่ เล่อมองเฉินเฟิงอย่างมีเลศนัย

“ปัญหาอะไร?” เฉินเฟิงพูดโดยไม่เงย

หน้า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ