The king of War

บทท252ผู้นำสูงสุด



บทท252ผู้นำสูงสุด

เจียนเปียวถือมีดสั้นที่เป็นประกายสีเงินอยู่ในมือ สายตาดุจ เหยี่ยวของเขา เปรียบดั่งมัจจุราชที่มาเยือน

“ใครกล้าก้าวเข้ามาอีกก้าว ตาย!”

น้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกราวกับเสียงของเครื่องจักร ค่อยๆ ดัง ออกมาจากล่าคอของเขา

น้ำเสียงที่เย็นชา ทำให้อุณหภูมิในห้องจัดเลี้ยงนั้นลง ราวกับอุณหภูมิในห้องนั้นลดลงไปหลายองศา ทำให้ผู้คนต่างก็ ตัวสั่นจากความหนาว

สําหรับพวกเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงแล้ว เฉียนเปียวนั้นเป็น เหมือนปีศาจที่จําแลงกายมา เพราะพวกผู้นำตระกูลเศรษฐีที่ตาย อยู่ด้วยมือเขานั้น มีไม่น้อยเลย

ส่วนลึก ในแววตาของเฉินซึ่งได้ก็ปรากฏความหวาดกลัวออก มาเหมือนกัน

เมื่อคืน เขายังไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น แต่มาตอนนี้ พอเห็นภาพที่ หยางเฉินกับลั่วปิง รวมถึงเฉียนเปียวอีกคนปรากฏตัวออกมา พร้อมกัน มันก็ทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น

ก่อนหน้านี้ เรื่องการล่มสลายของตระกูลหยาง ในเมืองโจวเฉิง นั้น ว่ากันว่าเป็นฝีมือของบุคคลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเฉียนเปียว
จากนั้น วปิงก็เข้ามาบริหารต้าเรือกรุ๊ป

เมื่อคืนเจียนเปียวก็คอยอยู่ข้างๆ หยางเฉิน คอยปกป้องเขา

และตอนนี้ มันก็เป็นแบบนั้นอีกครั้ง แม้แต่ลั่วปิง เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉินยังต้องทำตัวระมัดระวัง

เรียกเขาด้วยความให้เกียรติว่า “คุณหยาง”

ยังมีหนึ่งในสี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจวที่เป็นผู้นำตระกูลซูอย่าง ซูเฉิงอู่ ยังทำตัวเคารพหยางเฉินขนาดนั้น

เขานั้นรู้ดี ว่าตอนแรกซูเฉิงนั้นตั้งใจพาซูซานมาขอโทษเขา จนตอนที่เห็นหน้าหยางเฉิน ท่าทีที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปทันที ถึงขั้นไม่กลัวที่ต้องเปิดศึกกับตระกูลเศรษฐีทั้งหลายในเมือง

โจงเฉิง และพร้อมที่จะยืนอยู่ข้างหยางเฉิน

“หรือว่า หยางเฉินจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของเฉียนเปียว เขา เป็นคนที่ทำให้ตระกูลหยางล่มสลายภายในชั่วข้ามคืน แล้วให้ ลั่วปิงเข้ามาบริหารทุกอย่างที่เคยเป็นของตระกูลหยางแทน?”

จู่ๆ ความคิดแบบนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเฉินซิงไห่ จนสีหน้า ของเขานั้นดูหวาดกลัวขึ้นมาทันที

มีแค่คำอธิบายแบบนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้เขา เข้าใจว่า คนรุ่นหลังคนหนึ่ง ทำยังไงถึงทำให้คนใหญ่คนโต มากมายแบบนี้มาคอยช่วยเหลือได้

“นี่ แกเป็นใครกันแน่?
ในที่สุดเฉินซึ่งได้ก็ถามออกมา

หยางเฉินยิ้มล้อเลียนเขา “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ?” คำตอบนี้ ยิ่งทําให้เฉินชิงไห่นั้นมั่นใจในการคาดเดาของเขา

“เฉียนเปียว ถ้าแกยอมมาติดตามฉัน ไอ้หมอนี่จ่ายให้แกเท่า

ไหร่ ฉันยอมเพิ่มให้สองเท่า

มู่ตงเฟิงพูดพร้อมกัดฟันแน่น

สําหรับเขาแล้ว ถ้าไม่มีเขียนเปียว ต่อให้หยางเฉินจะมีลัวปิ งกับซูเฉิง คอยช่วย ก็ยากที่จะรอดไปได้

เฉียนเปียวสายตาเย็นชา และตอบไปอย่างไม่ลังเลว่า “แก ไม่ คู่ควร!”

เพียงกับตอบกลับสั้นๆ มันก็ทำให้มองเฟิงนั้นระเบิดความ

โกรธออกมาทันที

“ที่ฉันอยากให้แกมาติดตามฉัน ฉันก็แค่เสียดายความ สามารถของแกเท่านั้น!

มู่ตงเฟิงพูดด้วยความโมโห “ถ้าแกอยากรนหาที่ตาย งั้นฉันก็ จะสงเคราะห์ให้!”

ทันทีที่สิ้นเสียง บอดี้การ์ดที่ตามหลังเขามาตลอด ก็ได้ล้วงมือ เข้าไปในเสื้อสูท แล้วหยิบปืนลูกโม่โคลท์คิงคอบร้าออกมา ปาก กระบอกปืนสีดำเล็งไปที่เฉียนเปียว
พอเห็นบอดี้การ์ดของตงเฟิงชักปืนออกมา เสียงกรีดร้อง

ดังขึ้นในห้องจัดเลี้ยงทันที ทุกคนต่างทำหน้าหวาดกลัว “ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง มันเป็นพวกฉัน ไม่อย่างนั้น ตาย!”

ตงเฟิงสีหน้าเย็นชา สายตาที่เยือกเย็นจ้องมองไปยังเฉียน

เปียว

ราวกับว่าถ้าเฉียนเปียวกล้าปฏิเสธ วินาทีต่อไปก็จะเป็นเวลา ตายของเฉียนเปียวทันที

“ตงเฟิง แกนี่มันช่างกล้าซะเหลือเกินนะ!”

ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้เอง จู่ๆ ก็มีน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวดัง

ที่ประตูทางเข้าของห้องจัดเลี้ยง ได้มีเงาของคนคนปรากฏ

ขึ้น

ขึ้น

สามในสีเป็นคนแกที่มีผมขาวโพลน ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงสาว อายุประมาณยี่สิบ

“แล้วแกล่ะเป็นใคร ถึงกล้ามาหุ้นจ้านกับเรื่องของตระกูล แบบนี้?”

หนึ่งในเศรษฐีของเมืองโจวเฉิง ได้ตะคอกใส่คนแก่ที่พูดออก มาเมื่อกี้

“นี่ไอ้สารเลว เจ้าบ้านหานเป็นคนที่แกจะเสียมารยาทด้วยได้ เหรอ?”
มู่ตงเฟิงตกใจแทบราด และรีบเข้าไปทุบตีใส่เศรษฐีคนเมื่อกี้ ทันที “ใครสั่งให้แกชักปืนออกมาหะ? ยังไม่รีบเก็บลงไปอีก?

จากนั้นตงเฟิงก็หันไปต่อว่าบอดี้การ์ดที่ชักปืนออกมาเมื่อกี้ การปรากฏตัวของหานเซี่ยวเทียน ทำให้ตรงนั้นก็ครึกโครม ขึ้นมาทันที

ด้วยฐานะของเขา นอกจากผู้นำตระกูลของมหาเศรษฐีอย่าง ตงเฟิงกับเฉินซิงไห่แล้ว คนอื่น ในที่นี้ ก็ไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักกับ คนระดับเขาเลย

“ตาแก่นั่นเป็นใคร? ถึงสามารถทำให้มองเฟิงตื่นตระหนกได้ ขนาดนี้?”

“ตงเฟิงเป็นถึงผู้นำตระกูลมหาเศรษฐีของเมืองเอก การที่ สามารถทำให้เขาหวาดกลัวได้ขนาดนี้ ฐานะของตาแก่นั่นอย่าง น้อยๆ ก็ต้องเป็นผู้นำตระกูลของ “สามตระกูลใหญ่” แน่นอน

“เมื่อกี้มู่ตงเฟิงเรียกเขาว่าเจ้าบ้านหาน และในสามตระกูล สูงสุดของเมืองเอกก็มีตระกูลหานอยู่แค่ตระกูลเดียว! หรือว่าเขา จะเป็นหานเซียวเทียน

ถึงแม้จะมีคนไม่มากที่เคยเจอเห็นหน้าหานเซียวเทียน แต่จาก ความเคารพและการเรียกขานที่มีตงเฟิงมีต่อเขา มันก็ทำให้มีคน เริ่มทายฐานะของหานเดี่ยวเทียนได้แล้ว
มู่ตงเพิ่งรีบวิ่งเหยาะๆ มาถึงตรงหน้าของหานเยี่ยวเทียน พร้อมกับใบหน้าที่พยายามฝืนยิ้มออกมา “เจ้าบ้านหาน คุณมาที่ ได้ยังไงครับ?”

หานเยี่ยวเทียนมองเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ถ้าฉันไม่มา แก ก็คงฆ่าคนต่อหน้าคนมากมายไปแล้วไม่ใช่รึไง?”

“เจ้าบ้านหาน ผมไม่กล้าแน่นอนครับ เมื่อกี้ผมแค่ข่มขู่เศษเดน เท่านั้นครับ”

มู่ตงเฟิงนั้นกำลังรู้สึกร้อนรนมาก หานเดี่ยวเทียนเป็นคนยังไง เขานั้นรู้ดีหว่า ใคร

เรื่องบางเรื่องนั้นทำได้ แต่เรื่องบางเรื่องนั้นห้ามทำเด็ดขาด ยกตัวอย่างเช่นการทำผิดกฎหมาย นั่นก็คือสิ่งที่หานเดี่ยวเทียน เกลียด

เมื่อกี้ การที่ลูกน้องของเขาเอาปืนออกมา มันคงทำให้หาน เซี่ยวเทียนโกรธมากๆ แล้ว

“เศษเดนอย่างนั้นเหรอ?”

หานเซียวเทียนโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที “เป็นเพราะเศษเดนที่ แกพูดถึง ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันคงตายไปแล้ว! มู่ลงเฟิงแม้แต่ผู้ มีพระคุณของฉัน แกยังคิดจะฆ่า แกไปเอาความกล้าหมาๆ นี่มา จากไหน?”

หานเซี่ยวเทียน ในตอนนี้ได้โกรธถึงขีดสุดแล้ว สายตาที่ เกรี้ยวกราด ตวาดใส่มู่ตงเฟิงด้วยความเดือดดาล
และคำนี้ของเขา ก็ทำให้มองเฟิงนั้นช็อกไปทันที

หานเซียวเทียนนั้นเป็นคนที่รู้จักทดแทนบุญคุณคน แล้วหยาง เฉินก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แค่เหตุผลนี้ หานเดี่ยวเทียนก็ไม่มี ทางปฏิบัติไม่ดีกับหยางเฉินแล้ว

“ต่อไป ตระกูลมู่กับตระกูลหานของฉัน ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกัน อีก!” หานเดี่ยวเทียนแสดงจุดยืนออกมาทันที

พอคำพูดของเขาถูกพูดออกมา ตงเฟิงก็ตกใจจนช็อก สีหน้า

นั้นมีแต่ความหวาดกลัว

ตระกูลมู่นั้นพึ่งพาตระกูลหานมานานขนาดนี้ ได้ผลประโยชน์ มาก็ไม่น้อย แถมยังล่วงเกินคนไปไม่น้อยเหมือนกัน

เมื่อเหล่าผู้มีอำนาจที่เคยล่วงเกิน ได้รู้ว่าตระกูลหานนั้นทอด

ทิ้งตระกูลมู่แล้ว ตระกูลมก็ต้องเจอกับปัญหาใหญ่มากมาย

แน่นอน

“ตุบ!”

มู่ตงเฟิงคุกเข่าของตรงขาของหานเดี่ยวเทียน พร้อมกับ ขอร้องด้วยสีหน้าอันหวาดกลัว “เจ้าบ้านหาน ผมผิดไปแล้ว ผม ไม่กล้าอีกแล้ว คุณช่วยให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ!”

“ในเมื่อรู้ตัวว่าผิดแล้ว ก็ต้องชดใช้กันบ้าง ครั้งนี้ก็ถือเป็นบท เรียนครั้งหนึ่งของแก ถ้าให้ฉันรู้สึกว่าแกแอบอ้างชื่อของตระกูล หานไปก่อเรื่องข้างนอก ฉันรับรองว่าจะทำให้ตระกูลมได้หาย สาบสูญไปแน่นอน!”
หานเยี่ยวเทียนสีหน้าเย็นชา และพูดออกไปอย่างไม่ชอบใจว่า

“มู่ตงเฟิง ฉันเป็นคนยังไง แกน่าจะรู้จักดีนะ!” พอได้ยินแบบนั้น มู่ตงเฟิงก็หน้าซีดราวกับเถ้าถ่าน

ตอนนี้พวกผู้นำตระกูลเศรษฐีที่เฉินชิงไห่พามานั้น ต่างรู้สึก

หวาดกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว

แม้แต่ตระกูลมู่ที่ยิ่งใหญ่ ยังถูกตระกูลหานทอดทิ้ง แล้วตระกูล เล็กๆ ในเมืองโจวเฉิงอย่างพวกเขา จะถูกหานเดี่ยวเทียนเล่นงาน ยังไงบ้างก็ไม่รู้?

ในตอนนี้ คนที่กำลังกระวนกระวายใจมากที่สุดก็คือเฉินชิงไห่

ไม่ว่าจะเป็นผู่ตงเฟิง หรือบรรดาผู้นำตระกูลเศรษฐีพวกนั้น ต่างก็ถูกเขาเรียกมา เพื่อร่วมมือกันเล่นงานทั่วปิงและซูเฉิงอู่

“พี่หยางคะ ยังจําที่ฉันเคยบอกได้มั้ยคะ? ว่าเราจะได้พบกัน อีก!”

ในตอนนั้นเอง หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ หานเดี่ยวเทียน ได้มอง มายังหยางเฉินด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ