The king of War

บทที่191 ใครกล้ามาเหยียดหยามหล่อน



บทที่191 ใครกล้ามาเหยียดหยามหล่อน

หล่อนเพิ่งพูดจบลงไป พนักงานขายคนหนึ่งถือบัตรธนาคาร ของเฉาเจี้ยนเดินเข้ามาแล้ว “คุณผู้ชายคะ ขอโทษด้วยนะคะ บัตรของคุณวงเงินไม่พอค่ะ!”

“อะไรนะ? ไม่พอ? เป็นไปได้ยังไง?

เฉาเจี้ยนได้ยินแล้วโมโหยกใหญ่ “ในบัตรฉันยังมีเงินสอง แสนกว่า เสื้อโค้ตตัวหนึ่งแค่นั้น ไม่พอได้ยังไงกัน?

“คุณผู้ชายคะ เสื้อโค้ตตัวนี้ราคาสามแสนแปดหมื่นแปดพัน แปดร้อยค่ะ รุ่นใหม่ไม่มีส่วนลด บัตรของคุณ วงเงินไม่พอจริงๆ ค่ะ!”

บนหน้าพนักงานขายไม่มีรอยยิ้มแบบเมื่อสักครู่แล้ว มีเพียง ความนิ่งเฉย แม้กระทั่งยังมีความโกรธระดับหนึ่ง

ผู้คนมุงดูอยู่ด้านข้าง หลังจากได้ยินคำพูดของพนักงานขาย

ต่างมองไปยังเฉาเจี้ยนด้วยท่าทางดูถูก เมื่อสักครู่พวกเขายังคิดว่าเฉาเจี้ยนยอดเยี่ยมมากอยู่เลย นึก ไม่ถึงว่าแม้แต่เสื้อโค้ตกันลมที่ราคาไม่ถึงสี่แสนยังซื้อไม่ได้

ชั่วขณะนั้นความรู้สึกบนหน้าของเฝิงเจียแข็งทื่อแล้ว ไม่นาน หล่อนได้สติกลับมา แกล้งทำเป็นพูดจาแบบเรียบเฉย “ที่รักคะ คุณหยิบบัตรผิดใบหรือเปล่า?”
สีหน้าของเฉาเจี้ยนดูแย่ถึงขั้นสุด ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรตอบ กลับอย่างไร เพราะเขามีเพียงบัตรใบเดียว หยิบผิดใบได้ที่ไหน กัน?

ชั่วขณะนั้นเขาทั้งอายทั้งโมโห รีบส่งสายตาไปให้เฝิงเจียทันที

“ที่รักคะ ตาคุณเป็นอะไรแล้ว?”

เฝิงเจียกลับคิดว่าดวงตาของเฉาเจี้ยนมีปัญหาอะไร ถามออก มาอย่างโง่เขลามาก

“นี่มันเสื้อผ้าอะไรกัน? ทุเรศจะตาย ยังอยากมาขายสามแสน แปดหมื่นแปดพันแปดร้อย ต่อให้เอาให้ฉันฟรีๆ ฉันก็ไม่ใส่ หรอก”

เฉาเจี้ยนทำท่าทางดูถูก เอาเสื้อโค้ตกันลมที่ราคาแพงตัวนี้มา

ต่อว่าเสียหายจนไม่เหลือคุณค่า

“ที่รักคะ ฉันว่าเสื้อโค้ตตัวนี้ดูดีมากเลยนะ เหมือนตัดมาเพื่อ คุณโดยเฉพาะเลยทีเดียว”

เฝิงเจียไม่ยินยอม เดิมทีเพื่อแย่งกับฉินซีอยู่แล้ว หล่อนถึง ยืนยันจะซื้อเสื้อโค้ตกันลมตัวนี้ให้ได้

ถ้าไปแบบนี้จริงๆ งั้นก็แพ้ให้ฉันน่ะสิ ไม่ง่ายที่จะเจอโอกาส ดีๆ เข้า หล่อนจะยอมได้อย่างไร?

“พวกเราไปอาร์มานี่ที่ด้านข้างกัน แบรนด์ระดับล่างแบบนี้ มี แค่คนจนแบบพวกเขาถึงมาเดินกัน”
เอาเจี้ยนดึงเฝิงเจียอยากจะเดินไป

เขาพูดประโยคนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้ล่วงเกินคนมากมาย แล้ว

โดยเฉพาะในร้านแบรนด์ Versace แห่งนี้ ยังมีคนอื่นอีกมาก ที่มาเดินช็อปปิ้ง คำพูดของเขาเหมือนเป็นการด่าทุกคนไปด้วย

เหล่าพนักงานในร้านแต่ละคนหน้าตาดูโกรธเคืองเต็มที่

“เซี้ย! ไอ้เวรนี่! แกด่าใครว่าคนจนกัน?”

เฉาเจี้ยนกำลังอยากจะออกไป ทว่ากลับถูกชายกล้ามโตที่รูป ร่างสูงใหญ่คนหนึ่งดักทางไปเอาไว้ ถลึงตามองเฉาเจี้ยนด้วย หน้าตาโหดเหี้ยมพลางตะคอกใส่

เขาถอยหลังสองก้าว โดยจิตใต้สำนึก สำนึกได้ว่าภายใต้ สถานการณ์คับขันเมื่อสักครู่ คาดไม่ถึงค่ารวมคนอื่นเข้าไปด้วย กันแล้ว

หลังจากสัมผัสได้ถึงสายตาที่โหดร้ายนับไม่ถ้วน เฉาเจี้ยน เกือบตกใจแทบแย่ รีบพูดว่า “ขอโทษจริงๆ ครับ ผมไม่ได้มี เจตนาจะว่าพวกคุณ เป็นผมพูดไม่ชัดเจนเอง”

เขาพูดอยู่ ยื่นมือไปยังหยางเฉิน “ผมพูดหมายถึงเจ้าหมอน เขาเป็นคนจน”

“เมื่อสักครู่ที่คุณพูดว่าแบรนด์ Versaceของพวกเราเป็น แบรนด์ระดับล่าง?”
เวลานชายวัยกลางคนที่ติดป้ายว่าผู้จัดการร้านไว้ที่หน้าอก เดินเข้ามาแล้ว สอบถามด้วยหน้าเย็นชา

เฉาเจี้ยนรู้ว่าเวลานี้อยากจะออกไปจากร้านนี้แบบอยู่รอด ปลอดภัย เกรงว่าคงยากมาก

“ทําไม? ฉันบอกว่าแบรนด์Versaceเป็นแบรนด์ชั้นล่าง เหมือนว่านายไม่พอใจ?”

เฉาเจี้ยนส่งเสียงหัวเราะเยาะพูดขึ้น

“แม้แต่เสื้อโค้ตราคาไม่ถึงสี่แสนตัวหนึ่งคุณยังซื้อไม่ได้ มีสิทธิ์ อะไรมาเยาะเย้ยแบรนด์Versaceเป็นแบรนด์ระดับล่างกัน?”

ผู้จัดการร้านพูดจาท่าทางเสียดสี

ชั่วขณะหนึ่งเฉาเจี้ยนอับอายจนโมโห “ใครบอกฉันซื้อไม่ได้? เสื้อสามแสนกว่าตัวหนึ่ง แพงมากเหรอ? นายดูเสื้อเชิ้ตบนตัวฉัน ของอาร์มานี่ ตัวหนึ่งก็สามแสนกว่า นายดูนาฬิกาฉันด้วยหน่อย โรเล็กซ์ราคาแปดแสนกว่า นายคิดว่าเสื้อผ้าสามแสนกว่าๆ ฉัน ซื้อไม่ไหวเหรอ?”

ได้ยินคำพูดของเฉาเจี้ยน คนโดยรอบถึงสังเกตเห็น บนตัวเขา เป็นของหรูหราทั้งนั้น

แม้แต่ผู้จัดการร้านของร้านแห่งนี้ สีหน้าก็ดูแย่มากเช่นกัน

เพียงเพราะเฉาเจี้ยนเหยียดหยามVersaceเป็นแบรนด์ระดับ ล่าง เขาจึงโกรธแค้นอยู่บ้าง กลับนึกไม่ถึงว่าทั้งตัวฝ่ายตรงข้าม จะเป็นของแบรนด์เนมทั้งหมด
“หึๆ! ถึงแม้บนตัวฉันจะไม่มียี่ห้อ โด่งดังอะไรสักชิ้น แต่อย่าง น้อยก็เป็นของจริงหมด ไม่เหมือนนาย นาฬิกาเป็นของปลอม แม้แต่เสื้อผ้าก็ปลอม”

ในเวลานี้ เสียงของหยางเฉินดังขึ้นมากะทันหัน

สายตาของทุกคนตกบนตัวของเขากันไม่กะพริบ

“นายมันพวกคนจน พูดมั่วซั่วอะไร?”

ชั่วพริบตาเดียวเฝิงเจีย โมโห ตะโกนว่าทางหยางเฉิน

หยางเฉินไม่มองหล่อนแม้แต่แวบเดียว สายตาจ้องไปบนตัว อักษรภาษาอังกฤษที่เล็กมากแถวหนึ่งบนหน้าอกของเฉาเจี้ยน

“ภาษาอังกฤษของอาร์มานี่ตัวสะกดคือA-R-M-A-N-I แต่ เสื้อเชิ้ตตัวนี้ของนาย ภาษาอังกฤษบนหน้าอกกลับสะกดเป็น R-N-I-M-A ถึงแม้สัญลักษณ์จะเหมือนกัน แต่การสะกดกลับ ผิด”

หยางเฉินทําหน้าหยอกเย้า ทันใดนั้นสายตาตกไปที่ข้อมือ ของเฉาเจี้ยนอีก “ยังมีนาฬิกาเรือนนี้ของนาย โรเล็กซ์ภาษา อังกฤษสะกดว่าR-O-L-E-X ของนายกลับเป็นR-O-L-E-S”

“มา ผู้จัดการเฉา นายมาบอกพวกเราที เสื้อเชิ้ตของนาย ยังมี นาฬิกาของนายด้วย เป็นแบรนด์ระดับสูงยังไง? จะได้ทำให้ทุก คนเพิ่มพูนความรู้”
ถ้าไม่ใช่แววตาของหยางเฉินเฉียบแหลม เดิมทีคงมองตัว อักษรภาษาอังกฤษบนนาฬิกาปลอมเรือนนั้นไม่ออก

แต่อักษรภาษาอังกฤษแถวนั้นบนเสื้อเขา กลับชัดแจ๋วมาก ทุก คนล้วนมองได้อย่างแจ่มแจ้ง

“บ้าฉิบหาย! เสื้อของเขาเป็นของปลอมจริงด้วย นี่คืออาร์มานี ที่ไหนกัน? มันคืออาร์นี่มาชัดๆ ฮ่าๆ!”

“ฉันก็เห็นแล้วเหมือนกัน ฮ่าๆ

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนล้วนส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาแล้ว ในน้ำเสียง เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย

สีหน้าของเฉาเจี้ยนกลายเป็นสีเลือดหมูทันที ดูแย่อย่างยิ่ง อยากหารมุดเข้าไปใจแทบขาด

เฝิงเจียก็หน้าตาอึ้งทึ่ง หล่อนไม่กระจ่างในทรัพย์สินของเฉา เจี้ยนจริงๆ ทุกอย่างล้วนเป็นเฉาเจี้ยนบอกหล่อนมาเองทั้งนั้น

“แม่งเอ๊ย! กระเป๋าของผู้หญิงคนนี้ก็เป็นของปลอม หลุยส์ วิต ตองที่ถูกต้องสะกดว่า Louis Vuitton ของหล่อนไม่ใช่ ฮ่าๆ!”

“ยังมีอีก รองเท้าของผู้หญิงคนนี้ก็ของปลอม!

“ยังมีแหวนเพชร นึกไม่ถึงก็ยังปลอม!
ทุกคนเพิ่งเยาะเย้ยเฉาเจี้ยนเสร็จเมื่อสักครู่ มาพบว่าเพิ่งเรียก เหมือนกันแบบฉับพลัน สวมใส่ของปลอมทั้งหมด ถ้าเป็นสินค้าปลอมที่มีคุณภาพก็ว่าไปอย่าง แต่เห็นชัดๆ ว่า

สัญลักษณ์ของสินค้าทุกอย่างล้วนถูกต้อง เพียงแค่การสะกด

ภาษาอังกฤษผิดเท่านั้น ถึงแม้ไม่รู้จักความแตกต่างของสินค้า

ยี่ห้อหรูหรา ก็สามารถรู้ในแวบเดียวว่าเป็นของปลอม

ทั้งร้านค้าต่างเป็นเสียงหัวเราะของผู้คนทั้งร้านดังออกมา เฉาเจี้ยนและเฝิงเจียทั้งสองคนหน้าตาเต็มไปด้วยความ อับอายโกรธแค้น ถูกคนขวางไว้หน้าประตู อยากออกก็ออกไม่ ได้

“นังแพศยา เธอได้ใจอะไร? ต่อให้ฉันใส่ของปลอมทั้งตัว ก็ยัง เหนือกว่านั่งแพศยาที่ถูกย่ำยี และยังแต่งงานกับอีกฝ่ายแบบเธอ อยู่ดี ในเมื่อเธอแต่งงานกับสวะคนหนึ่ง จะต้องเป็นเรื่องด้านนั้น ของเขาที่ทำให้เธอลิ้มลองรสชาติของการเป็นผู้หญิงได้สินะ?”

โดนทุกคนเยาะเย้ย เฝิงเจียอับอายจนโกรธแค้น จึงรีบกล่าว โจมตีฉินซีทันที อยากจะย้ายความสนใจของทุกคนเสีย

“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็แค่คนจน กลับสร้างบริษัทของตัว เองได้ฉับไว นี่คงจะเป็นเธอไปขายอยู่ข้างนอก ถึงมีเงินสร้าง ธุรกิจสินะ?”

เฝิงเจียยิ่งพูดยิ่งเกิดเหตุ ยิ่งพูดอารมณ์ยิ่งฮึกเพิ่มขึ้น เหมือน กำลังระบายไฟโกรธที่ถูกโดนฉินซีกดมาหลายปี
ฉินซีที่อยู่ด้านข้างตกใจค้างแล้ว ถึงรู้ว่าเฝิงเสียอยากแข่งกับ เธอไปทุกที่ กลับนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้สามารถพูดคำพูดน่า สะอิดสะเอียนขนาดนี้ออกมาได้

“ป้าบ!”

ตอนที่เพิ่งเจียยังอยากพูดต่อไปอีก หยางเฉินขยับทันใด ไม่มี ใครสังเกตทันว่าเขาปรากฏตัวด้านหน้าเฝิงเจียได้อย่างไร ตบ หน้าหันไปทีหนึ่ง

เสียงตบที่กังวานดังขึ้นมา เฝิงเจีย โดนตบจนล้มลงบนพื้น ปากเต็มไปด้วยเลือดสด

“ถ้าเธอกล้ามาเหยียดหยามหล่อนอีกแม้แต่คำเดียว ฉันเอา เธอตายแน่!”

เสียงของหยางเฉินเต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่รุนแรง เย็นซาถึง ขั้นสุด ทำให้อุณหภูมิทั้งในร้านลดลงไปหลายองศา ในชั่วขณะ นั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ