The king of War

บทที่ 344 ซื้อไม่ได้เหรอ



บทที่ 344 ซื้อไม่ได้เหรอ

หยางเฉินย่อมไม่ต่อล้อต่อเถียงกับหยูเสี่ยวเวยเป็นธรรมดา “หยางเฉิน นายยังคงไม่รู้มั้ง ของในเมืองเทียน ราคาต่ำ ที่สุดคือหลักล้านขึ้นไปนะ?”

หยางเฉินกำลังเตรียมจะหาข้ออ้างจบบทสนทนาลง หนูเสียว เวยกลับทำท่าทางหยิ่งยโส ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้านายตั้งใจมาซื้อ ของเล่น โบราณจริง ฉันแนะนำนายไปที่ชั้นหนึ่งนะ”

“ที่ชั้นหนึ่ง ถ้าเกิดโชคดี ไม่แน่อาจจ่ายเงินแค่ไม่กี่พัน หาของ เล็กๆ ที่ราคาหลายหมื่นไปได้

มุมปากหยูเสี่ยวเวยฉีกการเย้ยหยันขึ้นมาระดับหนึ่ง จากนั้น

พูดเสริมว่า “คนหนุ่มสาว อย่าทะเยอทะยานมากเกินไปที่ชั้น

หนึ่ง ก็ไม่ขายหน้าหรอก”

หยางเฉินยักคิ้วแล้ว เขาเห็นแก่ในฐานะเพื่อนเก่าคนหนึ่ง จึง ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับหยูเสี่ยวเวย แต่ผู้หญิงคนนี้ เหมือนจงใจ อยากเป็นปรปักษ์กับเขาให้ได้

ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ ความเป็นจริง ในรั้วมหาวิทยาลัยสี่ปีนี้ พวกเขาไม่เคยคุยกันเกิน กว่าสองสามประโยคเลย

จะพูดถึงมิตรภาพได้อย่างไร?
ในเวลานี้เอง มีหนุ่มสาวอายุน้อยคู่หนึ่งเดินเข้ามาแล้ว

บนหน้าฝ่ายหญิงแต่งหน้าเข้ม ดูขึ้นมายังสวยงามมาก รูปร่าง ดีมากเช่นกัน สัดส่วนชัดเจน บนข้อมือหิ้วกระเป๋าหนังหลุยส์ วิต ตอง ใบเล็ก

ทั้งตัวฝ่ายชายใส่ชุดอาร์มานี่ บนข้อมือ ใส่นาฬิกาปาเต็ก ฟิลิ ปป์ที่ราคาแพงมากเรือนหนึ่ง

มองเห็นสองคนนี้เข้า ในขณะนั้นดวงตาหยูเสี่ยวเวยลุกวาวไป หมด ทำงานอยู่ที่เมืองเทียนมานานขนาดนี้ คนที่มาในร้าน อยากซื้อของเล่นโบราณหรือไม่ หล่อนสามารถคาดเดาได้เป็น ส่วนใหญ่

“หยางเฉิน งั้นฉันไม่อยู่คุยด้วยแล้วนะ นายคิดเสียว่าเดินดู นิทรรศการไปเถอะ! แต่ว่าอย่าจับไปมั่วเชียวนะ! เกิดไม่ระวังทำ แตกเข้า ต่อให้เอาชีวิตนายมาชดใช้ ก็ยังไม่เพียงพอ

หยูเสี่ยวเวยแจ้งเตือนหยางเฉินไปประโยคหนึ่ง และพูดกับ พนักงานขายสาวที่ต้อนรับหยางเฉินคนนั้นอีกว่า “หวางเงี่ยน เธอต้องดูข้าวของในร้านให้ดีนะ ถ้าอะไรหายไป เธอต้องเป็นคน รับผิดชอบด้วยนะ!”

พูดจบ หล่อนรีบเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มแย้ม หมุนตัวเดินไปยัง หนุ่มสาวคู่นั้นที่พึ่งเข้าร้านมา

พนักงานขายคนอื่นๆ ล้วนทำท่าทางหยอกเย้า มองที่หยาง เฉินและหวางเยี่ยน
บนหน้าหวางเยี่ยนกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ที่ทำให้หยาง เฉินแปลกใจคือเธอยังคงมีรอยยิ้มที่จริงใจอันนั้นอยู่ พูดกับ หยางเฉินว่า “คุณผู้ชายคะ เมื่อสักครู่ท่านบอกว่าอยากซื้อของ ชิ้นเล็กสองชิ้น ชิ้นหนึ่งให้ผู้สูงอายุที่อายุประมาณเจ็ดสิบปี อีกชิ้น มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้หญิงสาวอายุยี่สิบปี ถูกหรือเปล่า คะ?”

หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “แต่ละชิ้นขอราคาประมาณสิบ ล้าน ถ้ามีที่เหมาะสมยิ่งกว่า เป็นราคาที่ตั้งไว้ก็ไม่มีปัญหา

หวางเยี่ยนรีบพาหยางเฉินมาด้านหน้าตู้โชว์กระจกที่หนึ่งทันที ชี้ไปยังกำไลด้านใน แนะนำว่า “นี่คือกำไลมงคลแบบโปร่งใสชิ้น หนึ่งค่ะ มองทะลุกันได้หมดทั้งสิ้น อยู่ใต้แสงไฟยังประกายเรื่อง แสงแวววาวขึ้นด้วยค่ะ”

“ถึงแม้จะไม่ใช่สีเขียวล้วน แต่ว่ากำไลวงนี้เป็นเหมือนภาพ วาดทิวทัศน์ภาพหนึ่งค่ะ หากมองกำไลวงนี้แบบละเอียด เทียบ กับกำไลที่เป็นสีเขียวล้วนแล้ว ยิ่งมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากกว่าค่ะ ทั้งโปร่งทั้งสง่างาม มองจนรู้สึกสบายใจเลยค่ะ”

“นี่คือกําไลหยกค่ะ เป็นแบบดูวัยรุ่นมาก เหมาะกับหญิงสาว อายุประมาณยี่สิบปีพอดีเลย ราคาสิบสองล้านแปดหมื่นแปดค่ะ ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

ตอนที่หวางเยี่ยนถามประโยคนี้ออกมา ในใจรู้สึกประหม่าอยู่ บ้าง

เธอเข้ามาที่เมืองเทียนเกือบจะสามเดือนเต็มแล้ว แต่ยังขายของเล่น โบราณไม่ได้สักชิ้นเดียว ถ้าครบสามเดือนเต็ม เธอยัง ขายไม่ได้สักชิ้นหนึ่ง คงโดนไล่ออกเป็นแน่

ปกติตอนที่มีลูกค้าใหญ่มา ล้วนถูกคนอื่นตัดหน้าไปหมด เดิมทีเธอไม่มีโอกาสได้แนะนำ

ครั้งนี้ยังเป็นเพราะเหล่าพนักงานขายที่มาตรฐานสูงแต่ไร้ ความสามารถพวกนั้นดูถูกหยางเฉิน ถึงทำให้เธอได้รับโอกาส แนะนำสินค้าให้ลูกค้าแล้ว

หยางเฉินถือโอกาสกวาดตามอง กำไลหยกชิ้นนี้ สวยงามมาก

จริง เป็นของชั้นเยี่ยม

“ช่วยแนะนำให้ฉันอีกหน่อย เอาของเล่นโบราณที่เหมาะกับ ชายสูงอายุอายุประมาณเจ็ดสิบปี” หยางเฉินเอ่ยปากบอกนิ่งๆ

ในใจหวางเยี่ยนแอบผิดหวังอยู่บ้างนิดหน่อย ในความคิดเธอ

นั้น สำหรับกำไลที่เธอพึ่งแนะนำไปชิ้นนั้น หยางเฉินไม่ได้สนใจ

บางทีคงเหมือนที่หยูเสี่ยวเวยว่าไว้แบบนั้น ชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของจริงๆ

แต่ความคิดแบบนี้ เพียงแค่แวบผ่านเข้ามาครู่เดียว ไม่นาน บนหน้าหวางเงี่ยนก็มีรอยยิ้มกลับคืนมาแล้ว พาหยางเฉินไปที่ โซนของเบ็ดเตล็ดอีกด้านหนึ่ง

“นี่คือกําไลมุกเทียน?”

ทันใดนั้นหยางเฉินมองเห็นของชิ้นเล็กที่เรียบง่ายสไตล์ โบราณรูปวงรีชิ้นหนึ่ง ถามด้วยความตกใจอยู่บ้าง
หวางเยี่ยนหัวเราะนิดหน่อย “นี่คือกําไลมุกเทียนบัวเพียงหนึ่ง เดียวในร้านของพวกเราค่ะ ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ความบริสุทธิ์ ผุดผ่อง” แสดงถึงความหมายด้านเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ความสดใหม่ ความสงบ ความสุขกับสติปัญญา และทุกอย่าง อุดมสมบูรณ์ด้วยค่ะ ครอบคลุมถึงสัญลักษณ์ของความโชคดี ความสูงศักดิ์ ความเพียบพร้อม และร่ำรวยเพิ่มขึ้นค่ะ”

“เพียงแต่ว่ากำไลมุกเทียนชิ้นนี้ ราคาสามสิบหกล้านค่ะ เกิน กว่างบประมาณของท่านไปมากเลย”

พูดถึงตรงนี้ หวางเยี่ยนหยุดชะงักลง จากนั้นพูดต่อ แต่ นอกจากกำไลมุกเทียนบัวชิ้นนี้ ยังมีลิ่วเหยียนเทียนอีกชิ้นหนึ่ง ค่ะ ความหมายแฝงก็ดีมากเหมือนกันค่ะ ราคาแปดล้าน…..”

“เอากำไลมุกเทียนบัววันนี้!

หยางเฉินขัดจังหวะการแนะนำของหวางเงี่ยน

ครั้งแรกที่เขาเจอหานเซียวเทียน ก็มองเห็นที่มือหานเดี่ยว เทียนใส่สร้อยข้อมือลูกประคำเส้นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าค่อนข้าง สนใจของเกี่ยวกับศาสนาพุทธ

“คุณ…….คุณผู้ชายคะ กำไลมุกเทียนบัวชิ้นนี้ ราคาสามสิบหก ล้านนะคะ ท่านแน่ใจว่าจะรับมันเหรอคะ?”

หวางเยี่ยนพูดจาสับสน เธอสงสัยขึ้นฉับพลัน ตนเองฟังผิดไป หรือไม่

หยางเฉินพยักหน้า “นอกจากกำไลมุกเทียนอันนี้แล้ว ยังมีกําไลหยกอันนั้นที่เธอฟังแนะนำฉันเมื่อกี้ด้วย ฉันเอาทั้งหมด เลย!”

ครั้งนี้ในที่สุดหวางเยียนก็แน่ใจแล้ว หยางเฉินต้องการซื้อจริง ชั่วขณะนั้นตื่นเต้นจนพูดไม่ถูก “ฉัน…….ฉัน ฉันจะดำเนินเรื่องให้ ท่านตอนนี้เลยค่ะ”

ไม่ว่าเป็นกำไลหยกที่แนะนำก่อนหน้านี้ หรือว่ากำไลมุกเทียน บัวชิ้นนั้น ในเมืองเทียนต่างถือว่าเป็นของเล่น โบราณที่ราคาจัด อยู่ในระดับต้นๆ

ปัจจุบันนี้ หยางเฉินกลับซื้อทีเดียวสองชิ้นเลย สำหรับหวา งเยี่ยนแล้ว นี่คือเรื่องน่ายินดีอย่างมากทีเดียว

แค่ของเล่นโบราณสองชิ้นนี้จำหน่ายออกไปได้ ย่อมสามารถ นําส่วนแบ่งหลายแสนมาให้เธอได้เลย

สำหรับเด็กใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานที่เมืองเทียนไม่ถึงสาม เดือนคนหนึ่งนั้น นี่คือความสำเร็จมหาศาลอย่างหนึ่งเลย

ผู้คนมากมาย ถึงแม้ทำงานมาหนึ่งปี ก็ไม่มีทางทำยอดการ

ขายได้ถึงห้าสิบล้าน

หวางเยียนพึ่งหยิบกำไลหยกที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ออกมา กลับมีเสียงที่แสบแก้วหูเสียงหนึ่งดังขึ้นฉับพลัน “หวางเขียน เธอ กําลังทําอะไร?”

เป็นเสียงของหยูเสี่ยวเวย เวลานี้หล่อนทำท่าทางเย็นชา “เธอ ทำงานอยู่ที่เมืองเทียนมาเกือบสามเดือนแล้ว แม้แต่กฎของที่นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”

“หัวหน้าคะ ฉัน………

หวางเยี่ยนยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหยูเสี่ยวเวยขัดจังหวะ “ภาย ใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่ใจว่าลูกค้าจะซื้อหรือเปล่า ห้ามแตะต้อง ของใดๆ!”

“การกระทำเมื่อกี้ของเธอฝ่าฝืนข้อบังคับข้อนี้แล้ว ว่าตามกฎ ของเมืองเทียน เชิญเธอเก็บของออกไปได้แล้ว!”

หยูเสี่ยวเวยไม่ให้โอกาสหวางเขียนอธิบายแม้แต่น้อย จะไล่ เธอไปทันที

พนักงานขายคนอื่นต่างมองหวางเขียนด้วยหน้าตาเย้ยหยัน “ยังเป็นคนโง่เสียจริง หัวหน้าหนูพึ่งบอกหล่อนเป็นนัยไว้แล้ว ยังไม่เข้าใจ!”

“ถ้าหล่อนไม่ใช่คนโง่ จะทำงานมาใกล้สามเดือนแล้ว แต่ยัง ขายของไม่ออกสักชิ้นได้ยังไงกันล่ะ?”

“ไม่ถูกชะตากับหล่อนมาตั้งแต่แรกแล้ว นี่ไม่ดีหรอกเหรอ ใน ที่สุดหัวหน้าหยูก็จะไล่ออกไปแล้ว

เพื่อนร่วมงานโดยรอบ เวลานี้ล้วนทำท่าทางเหมือนดูเรื่อง สนุก ไม่มีช่วยพูดให้เธอสักคน มีแต่อยากรีบขับไล่หวางเงี่ยนอ อกไปใจแทบขาด

“หัวหน้าหยูคะ คุณผู้ชายท่านนี้แน่ใจว่าจะซื้อแล้ว ฉันไม่ได้ฝ่าฝืนข้อบังคับใดๆ นะคะ!!

ในที่สุดหวางเยี่ยนหาโอกาสอธิบายได้แล้ว ตาแดงก่ำพูด เสียงดัง

“หวางเยี่ยน เธอโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่? หรือว่าคําพูดเมื่อ ของฉันคือการคิดไปเองงั้นเหรอ?”

“เขาเป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน เบื้องลึกของเขา ฉันรู้ เป็นอย่างดี เป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงคนหนึ่ง ตอนนี้ เธอกลับมาบอกฉันว่าเขาจะซื้อกำไลหยก ราคาสิบล้าน?”

ด่าหวางเยี่ยนเสร็จ หยูเสี่ยวเวยพูดขึ้นด้วยท่าทางหยอกเย้า “หยางเฉิน นายอย่าหาว่าฉันพูดจาไม่น่าฟังเลยนะ ในสายตาฉัน นายเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ชั้นต่ำสุดคนหนึ่ง เดิมที่ไม่มีสิทธิ์ มาที่เมืองเทียนฝู!”

หวางเยี่ยนดวงตาแดง กัดริมฝีปากแดงไว้แน่น เธอไม่รู้จัก รายละเอียดของหยางเฉินชัดเจน แต่หลังหยูเสี่ยวเวยบอก สถานะของหยางเฉินออกมา เธอกลับมีความรู้สึกว่าถูกล้อเล่น

สำหรับเธอแล้ว งานนี้สำคัญอย่างมาก

ปัจจุบันนี้กลับเสียงานไปแล้ว เพราะหยางเฉิน เวลานี้ ในใจเธอเริ่มสงสัยว่าหยางเฉินไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของ เล่นโบราณ

“เธอแน่ใจขนาดนี้เลยหรือว่าฉันจะซื้อของที่เมืองเทียนไม่ ได้?”
หยางเฉินหรี่ดวงตาเล็กน้อย จ้องหยูเสี่ยวเวยพลางถามขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ยั่วยุมาครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ยั่วโมโหหยางเฉินเข้า แล้ว

เวลานี้ ในน้ำเสียงของเขา เห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึกโกรธเพิ่ม ขึ้นระดับหนึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ