The king of War

บทที่ 415 สำนักมังกรเสือ



บทที่ 415 สำนักมังกรเสือ

หลังจากที่หยางเฉินและคนอื่นๆ จากไป ภายในห้องประชุม ตระกูลจู คนของหนันยังนั่งเงียบๆ รอฟังคำพูดของกว่างจื้อ

“เจ้าบ้าน ราชาเจียงผิงเก่งกาจเช่นนี้ พวกเราจะสามารถหาย

อดฝีมือที่เก่งกาจกว่านี้มาเข้าร่วมงานต่อสู้เหรอ?”

ในที่สุดก็มีคนเอ่ยปากถาม

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ถูกว่างจื้อ

ทุกคนเข้าใจว่างานต่อสู้ในอีกสามวันข้างหน้า ไม่ได้เป็นเพียง การต่อสู้ระหว่างหมันยังร่วมกับเจียงผึ้งกับสมาคมบูโด แต่ยัง เป็นการแย่งชิงระหว่างหนันยังและเจียงผิงด้วย

ใครจะชนะ?

ใครจะเป็นราชาร่วมของเจียงผึ้งและหนันยัง

“ใช่แล้ว เจ้าบ้านจู ราชาเจียงผิงแข็งแกร่งเช่นนั้น แม้แต่ลูก ศิษย์ของหนิวเกนหุยยังฆ่าได้ พวกเราหนันยังจะทำยังไงดี?

“อย่าบอกนะว่า หนุนยังในอนาคต จะต้องให้ราชาเจียงผึ้งมา คอยดูแล?”

“เจ้าบ้านจู คุณรีบคิดหาวิธีเร็วเข้า

ผู้นำของตระกูลมั่งคั่งในหนันยังต่างกังวลใจขึ้นมาในเวลานี้
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ กว่างจื้อ โอ้อวดว่าปรมาจารย์ทั้งนั้น เก่งกาจเพียงใด พวกเขาต่างก็คิดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข อย่างราบรื่น

แต่ผลคือ ปรมาจารย์หงถูกจางเหิงเตะครั้งเดียวตาย

มันคือหายนะสำหรับพวกเขา

ถึงอย่างไร จูกว่างจื้อก็เพิ่งทำสัญญาลูกผู้ชายกับหานเดี่ยว เทียน ใครแก้วิกฤตนี้ได้คงเป็นราชาของสองมณฑลในอนาคต

สีหน้าของกว่างจื้อแย่ลง ปรมาจารย์หงถูกมองว่าเป็นอาวุธ ลับมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขาถูกฆ่า มันไม่ง่ายเลยที่จะหายอด ฝีมือที่เก่งกาจกว่าปรมาจารย์หง

แม้ว่ามันจะยาก แต่ตระกูลจูเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในหนันยัง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแสดงความเกรงกลัวใดๆ ได้

จูกว่างจื๊อแสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วบอกว่า “ผู้นำทุกท่าน ไม่ ต้องกังวล งานต่อสู้เจียงผิงในอีกสามวันข้างหน้า ผมจะให้คำ ชี้แจงกับทุกคน!”

“เจ้าบ้านจู ท่านหมายความว่า ท่านสามารถหายอดฝีมือที่ แข็งแกร่งกว่านี้ได้งั้นหรือ?”

มีคนเอ่ยถามอย่างไม่ยอมแพ้

จูกว่างจื้อขมวดคิ้ว ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ชาย วัยกลางคนที่อยู่ข้างกายเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “ในเมื่อ เจ้าบ้านจูพูดแล้ว ว่าจะให้คำชี้แจงแก่ทุกคน เขาจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน! จากนี้ไปหนุนยังจะยังคงเป็นของพวก เรา เจียงผิงก็จะเป็นของพวกเราด้วยเช่นกัน!”

เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์ขึ้นมา “หนัน ยัง ในที่สุดก็รอดแล้ว!!

“ทุกอย่าง ต้องฝากฝังไว้ที่เจ้าบ้านแล้ว!

“รบกวนเจ้าบ้าน ด้วย!”

ครู่หนึ่ง ผู้นำของตระกูลใหญ่ในหนันยังก็พากันลุกขึ้นยืนแล้ว กล่าวคําอ่าลา

ในไม่ช้า ภายในห้องรับรองขนาดใหญ่ เหลือเพียงคนของ ตระกูลจูเท่านั้น

“พ่อครับ ท่านมีวิธีหายอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าราชาเจียงยิ่ง

จริงๆ หรือไม่?”

เมื่อไม่มีคนนอกอยู่ ชายวัยกลางคนก็เอ่ยปากพูดด้วยสีหน้า จริงจัง

คนที่พูดคือลูกชายคนโตของกว่างจื้อ ชื่อจูจุน ซึ่งเป็นทายาท คนต่อไปของตระกูลจู เมื่อครู่คนที่ออกมาช่วยกู้สถานการณ์ให้ กว่างจื้อ ก็คือเขา

ในฐานะทายาทของตระกูลจู เขามีความเข้าใจดีเกี่ยวกับ สถานการณ์ของตระกูล
แม้แต่ปรมาจารย์หง ตระกูลก็ต้องใช้ความพยายามอย่าง มาก ในการตามหา ภายในเวลาสามวัน การจะค้นหายอดฝีมือที่ เก่งกาจกว่าเดิม มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

จูกว่างจื้อนิ่งเงียบไม่พูดจา ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง คนของตระกูลไม่กล้ารบกวนเขา ทุกคนพากันมองมาที่เขา

รอให้เขาเอ่ยปากพูด

ผ่านไปห้านาที กว่างจื้อถึงเอ่ยปากพูดอย่างกะทันหันว่า “พวกคุณอย่าลืมสิ ปรมาจารย์หงเป็นยอดฝีมือที่ผมไปเชิญมา จากที่ไหน”

“สํานักมังกรเสือแห่งภูเขาห้าธาตุ!”

จู่ๆ จูจุนก็นึกอะไรได้บางอย่าง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความ ประหลาดใจ

“ใช่แล้ว สำนักมังกรเสือ!”

จูกว่างจื้อหรี่ตาลงพลางพูดว่า “ปรมาจารย์หงเป็นเพียงศิษย์ผู้ น้องของหัวหน้าสํานักหลงแห่งสำนักมังกรเสือ ศิษย์ผู้น้องของ เขาถูกคนของสมาคมบูโดสังหาร หัวหน้าสำนักหลงจะยังปฏิเสธ ที่จะออกจากภูเขาเหรอ?”

“ใช่แล้ว!”

จูจุนตบหน้าผาก ลุกขึ้นยืน แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “หัวหน้า สำนักหลงเป็นปรมาจารย์อย่างแท้จริง ขอเพียงเขาออกมาจาก ภูเขา ไหนจะหนิวเกนหุย? ไหนจะคุณหยาง? ก็เป็นแค่เมฆลอยไปลอยมาเท่านั้น!”

“เตรียมรถเดี๋ยวนี้ ผมจะไปที่สำนักมังกรเสือ ไปเชิญหัวหน้า สํานักหลงออกจากเขาด้วยตัวเอง!” จูกว่างจื้อลุกขึ้นทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในหนันยัง ภูเขาห้าธาตุเป็นแดนสุขาวดีอันเงียบสงบไม่ แก่งแย่งกับโลกภายนอก ส่วนหัวหน้าสำนักหลงแห่งสำนักมังกร เสือ ก็เปรียบเสมือนเทพเจ้าที่คนบนโลกเคารพนับถืออย่างสูง

แม้แต่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่มหึมาก็ไม่กล้าล่วงเกินคนของสำนัก มังกรเสือ

เจียงผึ้ง เมืองเอง!

คฤหาสน์หรูหราหลังหนึ่ง ดวงไฟสว่างไสว

นี่คือฐานทัพสาขาเจียงผิงของสมาคมบูโด

คฤหาสน์หลังใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว่าร้อยเอเคอร์ ภายในมี ภูเขาและลำธาร เป็นเหมือนสวนดอกไม้ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง

ภายในคฤหาสน์หลังหนึ่ง มีเงาร่างนั่งอยู่รายล้อมชายวัย กลางคน

ทุกคนดูสีหน้าจริงจัง แววตาทอดไปยังชายวัยกลางคนที่เป็น

“จางเหิง ตายแล้ว!”

จู่ๆ ชายวัยกลางคนก็เอ่ยปากพูดขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและความโกรธที่กำลังจะปะทุ

“อะไรนะ?”

ทุกคนมีสีหน้าตกใจ ตอนนั้นเองที่พวกเขาเข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ชายวัยกลางคนถึงเรียกคนจากสาขามาประชุมอย่างกะทันหัน และสีหน้าของเขาก็แย่มาก

“ท่านเก้า จางเหิงเป็นลูกศิษย์ของท่าน มีศักยภาพสูงสุด ใน หนันยังเล็กๆ จะมีใครฆ่าเขาได้อย่างไร?”

ฉือเจียง หัวหน้าสาขาเจียงผิง ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ เรื่องที่จางเหิงไปหนุนยัง พวกเขาทั้งหมดรู้ดี อยู่ดีๆ มาบอกว่า

จางเหิงตายแล้ว พวกเขารู้สึกช็อคมาก ไฟโทสะในดวงตาทั้งคู่ของหนิวเกนหุยลุกโชน เขากำหมัด แน่นกัดฟันกรอด “ผมเอง ที่ทำให้จางเหิงต้องตาย!”

“ถ้าผมไม่ประมาทศักยภาพของหนุ่มน้อยคนนั้น จางเหิงจะถูก เขาฆ่าได้อย่างไร?”

หนิวเกนหุยมีสีหน้าตำหนิตัวเอง

และประโยคนี้ของเขาก็ตอบคำถามฉือเจียง ว่าใครเป็นคนฆ่า จางเหิงด้วย

“เป็นเจ้าหนุ่มคนนั้น! เขาเป็นคนฆ่าจางเหิง!”

สายตาของฉือเจียงเต็มไปด้วยความตกตะลึง

นึกถึงการประชุมแลกเปลี่ยนในวันนั้น หยางเฉินมีท่าทีวางอำนาจอย่างไร เขายากที่จะลืมเลือน

นึกถึงการต่อสู้ทั้งที่เปิดเผยและในที่ลับระหว่างตนเองกับ

หยางเฉิน จางเหิงถูกฆ่าตาย แต่ตัวเขาเองยังมีชีวิตอยู่ เขารู้สึก โชคดีมาก “ผมต้องการข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนั้น รีบเอามา

ให้ผมก่อนรุ่งสาง!”

หนิวเกนหุยพูดพลางจับจ้องไปที่ฉือเจียงด้วยดวงตาแดงก่ำ “ครับผม! ท่านเก้า!!

ฉือเจียงสั่นไปทั้งตัว เขานั่งตัวตรง โดยสัญชาตญาณ แล้วรีบ ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ ห้ามไปยั่วโมโหหนิวเกนหุยอีก มิฉะนั้นถือว่า

เป็นการรนหาที่ตาย

แท้จริงแล้วหนิวเกนหุยรู้สึกตำหนิตัวเองและเสียใจเป็นอย่าง มาก เดิมทีเขาแค่ขอให้จางเหิงไปทดสอบตื้นลึกหนาบางของ หนันยัง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นการปลิดชีวิตจางเหิง

แม้ว่าเขากับจางเหิงจะมีความสัมพันธ์เป็นอาจารย์และศิษย์ แต่ในความเป็นจริง พวกเขามีอายุไม่ต่างกันมาก โดยส่วนตัว แล้วพวกเขาเป็นพี่น้องกัน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จางเหิงได้คอยติดตามเคียงข้างหนิว เกนหุย ทำสิ่งต่างๆ เพื่อเขามากมาย
อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีจางเหิง ก็ไม่มีหนิวเป็นหุยในวันนี้ ดังนั้นแค้นนี้ เขาจึงต้องล้างแค้นด้วยตัวเอง!

“อีกสามวันข้างหน้า ผมจะทำให้หนันยังและเจียงผึ้งทั้งหมด อยู่ภายใต้การควบคุมของสมาคมบูโด”

แม้ว่าหนิวเกนหุยจะโศกเศร้า แต่ในเวลานี้กลับสงบนิ่งมาก แววตากวาดดูผู้คน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “สาขาเจียง ผิง เราต้องเตรียมการอย่างเต็มที่ หากครั้งนี้ยังไม่สามารถ กําราบเจียงผึ้งและหนันยังสองมณฑลได้ ถ้าอย่างนั้น สาขาเจียง ผิงก็ไม่จําเป็นต้องมีอยู่

ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็พากันตกใจหน้าถอดสี

ผู้คนทั้งหมดในที่นี้ล้วนเป็นผู้คุมอำนาจของสาขาเจียงผิง พวก เขาเข้าใจดีในความหมายของคำพูดของหนิวเป็นหย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ