The king of War

บทที่ 465 มือเหล็กมฤตยู



บทที่ 465 มือเหล็กมฤตยู

ได้ยินคําพูดของหวงจง หยางเฉินส่งเสียงหัวเราะทันใด เพียง แต่เสียงหัวเราะช่างน่าสะพรึงกลัวไร้ที่เปรียบ

หรือพูดอีกอย่างคือวันนี้เป็นงานแต่งของอ้ายหลิน กลับไม่รู้ พูดว่าตระกูลหวงวางแผนหนึ่งขึ้นมาเพื่อล่อหยางเฉินมาที่เมือง เยี่ยนตู

โดยเฉพาะหวังหูก็ยอมรับเรียบร้อย

วินาทีนั้นที่หวงจงปรากฏขึ้น หยางเฉินยิ่งแน่ใจเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวงจงโดนปลดออกจากตำแหน่งของผู้ สืบทอดผู้นําตระกูลแล้ว ปัจจุบันกลับมีคนเข้ามา แสดงว่าต้องมี ภารกิจของตระกูลมาด้วยเป็นแน่

ตระกูลหวงตระกูลที่รักหน้าตาแบบนี้ ผู้สืบทอดสองคนติดกัน คนหนึ่งโดนกดคุกเข่าลงพื้นต่อหน้าสาธารณชน อีกคนหนึ่ง โดน ขู่จนบ้าไปแล้ว

ตระกูลหวงจะปล่อยหยางเนินไปอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน?

“คุณหยางเป็นคนฉลาด หวังว่าจะไม่เลือกผิดพลาดนะ

เห็นหยางเฉินไม่ตอบ หวงจงยิ้มกริ่มพูดขึ้น

ได้ยินว่าน้ำเสียงนิ่งเรียบมาก แต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คุกคาม
หยางเฉินหัวเราะแบบน่ากลัว ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ส่ายหน้าฉับพลัน “จะบอกแกไว้อย่างหนึ่งนะ!”

“เรื่องอะไร?”

หวงจงเอ่ยปากสอบถามจากจิตใต้สำนึก

“พูดให้ฟังดูดีหน่อย แกไม่มีทางเปลี่ยนตัวตนของแกได้

หยางเฉินเผยความหมายส่วนลึกในใจออกมา ตามมาด้วย หัวเราะเย้ยหยันอีกครั้ง “พูดแบบไม่น่าฟังหน่อย แกมันเป็นพวก สันดานเลวที่ยากจะเปลี่ยนได้!!

ตึง!

พอหยางเฉินพูดประโยคนี้ออกมา ไฟโกรธส่วนหนึ่งก็ระเบิด ขึ้นมาจากในหัวสมองหวงจง

คนของตระกูลหวังและตระกูลอ้ายต่างทำหน้าตกใจเหมือนกัน ที่ทำให้พวกเขานึกไม่ถึงคือแม้แต่หวงจง หยางเฉินยังกล้า เหยียดหยามต่อหน้าสาธารณชน

เรื่องที่ตอนแรกหวงจงถูกหยางเฉินกดจนคุกเข่าบนพื้น เดิมที

ถูกตระกูลหวงสยบข่าวลงแล้ว มีคนที่รู้น้อยมากๆ

ถ้าให้ตระกูลหวังและตระกูลอ้ายรู้เรื่องนี้ บางทีตอนนี้ยัง สามารถยอมรับได้นิดหน่อย

“หยางเฉิน นี่คือแกวอนหาที่ตาย!”

หวงจงกลับคืนสู่ด้านที่แท้จริงแล้ว บนหน้าอึมครึมมากจนเหมือนน้ำฝนจะหยดลงมาได้ ไม่ปกปิดความรู้สึกอาฆาตรุนแรงที่ ตนเองมีต่อหยางเงินแม้แต่น้อย

“ที่นี่คือเมืองเยี่ยนตู และไม่ใช่เมืองเจียงโจว แกกล้ามาพูด แบบนี้กับฉัน หรือไม่กลัวว่าฉันจะทำให้แกไม่มีทางออกไปจาก เมืองเยี่ยนตู?”

“อย่าเห็นว่าฉันกำลังล้อเล่นกับแกอยู่เด็ดขาด แต่ไหนแต่ไร

ฉันไม่เคยล้อเล่นกับศัตรู!”

หวงจงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่กลัวหยางเฉินสักนิด

หยางเฉินส่ายหน้าแล้ว พูดอย่างจำใจ “ที่แท้เป็นพวกสันดาน เลวยากจะเปลี่ยนได้จริงๆ!

“แกหุบปากไปให้ฉันเลย!!

หวงจงตะโกนขึ้นมาแล้ว

“ดูแล้วแกคงลืมความต่ำต้อยที่คุกเข่าอ้อนวอนแทบเท้าฉันใน ตอนแรกไปแล้ว”

หยางเฉินหัวเราะเยาะ จากนั้นวางถ้วยชาพอร์ซเลนลง พูด กำชับกับหม่าชาวที่อยู่ข้างกาย “ในเมื่อคุณหวงลืมแล้ว นายไป ทำให้เขาฟื้นความจำถึงความต่ำต้อยในตอนนั้นของคุณหวงสัก หน่อยสิ”

พอได้ยิน มุมปากหม่าชาววาดเส้นรัศมีวงกลมที่ชั่วร้ายขึ้นมา ก้าวเท้าเดินไปยังหวงจง เดินพลางพูดว่า “พี่เฉินพูดไม่ผิด ใน เมื่อพวกสันดานเลวยากจะเปลี่ยนได้ งั้นก็ให้มันโดนเรื่องเลวร้ายอีกก็แล้วกัน!!

“สารเลว! หุบปาก! แกหุบปากไปเลยนะ!”

หวงจงโมโหจนใกล้จะบ้าแล้ว แต่ละค่าแต่ละประโยคของ หยางเฉินก็พูดว่าพวกสันดานเลวยากจะเปลี่ยนได้ แม้แต่ลูกน้อง ของหยางเฉิน คาดไม่ถึงยังกล้าเหยียดหยามตนเอง

แต่ว่าครั้งนี้ เขาไม่ได้มาแค่คนเดียว และจะไม่ถูกหยางเฉิน จนตกใจ

คนของตระกูลหวังและตระกูลอ้ายล้วนตกใจค้างแล้ว

ฟังความหมายของหยางเฉิน หวงจงเคยคุกเข่าขอความ เมตตาต่อเขาด้วยเหรอ? ทันใดนั้นพวกเขานึกได้ว่าสองสามเดือนก่อน ตระกูลหวง

เปลี่ยนผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำกะทันหัน เรื่องนี้ยังสร้างความฮือ

ฮาใหญ่โตขึ้น ในตอนนั้น

ตอนนั้น พวกเขาคาดเดากันว่าการเปลี่ยนผู้สืบทอดเรื่องใหญ่ ขนาดนี้ ทำไมตระกูลหวงถึงได้ทำตามอำเภอใจเช่นนี้

จนกระทั่งเมื่อสักครู่นี้ หยางเฉินพูดออกมาว่าหวงจงเคย คุกเข่าขอร้องกับเขา พวกเขาถึงได้รู้สาเหตุ

ที่เมืองเยี่ยนตู ตระกูลหวงขึ้นชื่อเรื่องรักศักดิ์ศรีมาก ไม่ว่าใคร ถ้าเกิดทำให้ตระกูลได้รับความอับอาย จะกลายเป็นเป้าที่ ประชาชนของทั้งตระกูลหวง โจมตีเอาได้
ต่อให้ผู้นำออกหน้าเองก็ไม่มีประโยชน์

ตระกูลที่รักศักดิ์ศรีมากขนาดนี้ จะยินยอมให้เรื่องที่ผู้สืบทอด ตำแหน่งผู้นำคุกเข่าขอความเมตตาเกิดขึ้นได้เหรอ?

ตอนที่คนของตระกูลหวังและตระกูลอ้ายไม่ทันตอบสนองกลับ มา หม่าชาวกำลังเตรียมเดินมาทางหวงจง กลับถูกชายวัยกลาง คนที่ทั้งตัวปกคลุมด้วยชุดคลุมยาวสีดำคนหนึ่งขวางทางไปเอา

ไว้แล้ว

ทั้งตัวชายวัยกลางคนห่อหุ้มด้วยชุดคลุมดำ ยืนอยู่ตรงนั้น ทําให้คนรู้สึกกดดันไปโดยปริยาย

แต่ที่ดึงดูดสายตาผู้คนมากที่สุดคือมือทั้งสองของเขา

ด้านบนปกคลุมด้วยถุงมือเหล็กโลหะมันวาวชั้นหนึ่ง แอบมี ความรู้สึกหนาวเย็นแทรกซึม

ชั่วพริบตาที่ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นนั้น ทางฝั่งของตระกูล อ้ายและตระกูลหวัง คนที่ค่อนข้างมีอายุบางส่วน ตกใจค้างถึงที่ สุด

ในสายตาที่พวกเขามองชายวัยกลางคนยังมีความหวาดกลัว ที่เข้มข้น

“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเขา!!

มีผู้ใหญ่ที่อายุค่อนข้างมาก พอมองก็จำชายวัยกลางคนได้ แล้ว ในสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“เขาเป็นใคร? ดังมากเหรอครับ?”

มีคนอายุน้อยส่วนหนึ่งไม่รู้จักชายวัยกลางคนผู้นี้

“สิบปีก่อน มีผู้แข็งแกร่งที่ถูกเรียกว่ามือเหล็กมฤตยู เขาอาศัย เพียงมือเหล็กที่ยอดเยี่ยมเลิศล้ำสุดคู่หนึ่ง พังตระกูลใหญ่ชั้นนำ ระดับมณฑลแห่งหนึ่งจนย่อยยับได้

ว่ากันว่าเขาคนฆ่าแบบไม่กะพริบตา ถุงมือเหล็กคู่นั้น เป็น อาวุธฆ่าคนที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงสร้างขึ้นชิ้นหนึ่ง

“ในอดีต เขาพาท่อเหล็กคู่นี้ ฆ่าคนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเป็น

ผู้แข็งแกร่งที่ชื่อเสียงสั่นสะเทือนวงการบูโด

“ยังมีข่าวลือว่าต่อมาผู้แข็งแกร่งชั้นนำคนหนึ่งของเมืองเยี่ยน ตูออกหน้าปราบปราม ถึงฆ่าเขาได้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังมีชีวิต อยู่!”

“คนตรงหน้าที่ใส่ถุงมือเหล็กคู่หนึ่ง และทั้งตัวสวมชุดคลุม คนนี้ คือปีศาจร้ายตัวนั้นที่มีชื่อเรียกว่ามือเหล็กมฤตยู ไม่มีคนรู้ ชื่อของเขา ต่างเรียกเขาว่าไอ้มือเหล็ก!!

“คาดไม่ถึงว่าเขาจะมาทำงานให้ตระกูลหวง!”

เหล่าผู้ใหญ่ของตระกูลหวังและตระกูลอ้าย เล่าอดีตอันมืดมน ที่เกี่ยวกับไอ้มือเหล็กให้เหล่ารุ่นลูกหลานของตระกูลฟัง

“แกอยากขวางฉัน?”

หม่าชาวกลับไม่กลัวสักนิด เพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะเยาะ ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกต่อสู้ที่รุนแรง

จากบนตัวของฝ่ายตรงข้าม เขารู้สึกถึงกลิ่นอายยิ่งใหญ่ที่ คลุมเครือส่วนหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าความสามารถของอีกฝ่ายแกร่งมาก

ถึงแม้จะเป็นเขา ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถสู้ชนะฝ่ายตรงข้ามได้หรือ

ไม่

หลังออกมาจากชายแดนเหนือ เป็นครั้งแรกที่เขาเจอศัตรู แกร่งขนาดนี้

เขาตื่นเต้นมาก!

เหมือนย้อนกลับไปตอนออกรบในอดีต ปะทะมือกับทหาร ห้าวหาญประเทศศัตรู

“มีฉันอยู่ ใครก็ทำร้ายเขาไม่ได้!”

ไอ้มือเหล็กพูดจาด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ บนใบหน้าที่เป็นชา ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เหมือนเป็นหน้า ของคนตาย ใบหนึ่ง

“ถ้าฉันอยากจะทำร้ายเขาล่ะ?”

หม่าชาวหัวเราะเยาะ ระหว่างที่พูดก็ขยับร่างกายแล้ว

ชั่วขณะที่หม่าชาวขยับตัวนั้น ไอ้มือเหล็กที่เดิมที่ขวางอยู่ด้าน หน้าหวงจงก็ขยับเช่นกัน

ความเร็วของเขาไม่ได้ไวมาก แต่ว่าการเคลื่อนไหวกลับไม่ยืดยาดสักนิด ดูขึ้นมากลับคล่องแคล่วอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือมือเหล็กที่เปล่งประกายโลหะมันวาวคู่ นั้น ยิ่งดูปราดเปรียวน่าตกใจ ชั่วพริบตาเดียวเหวี่ยงลงกลาง อากาศ

เสียงดังสนั่นทีหนึ่ง

เสี้ยววินาทีต่อมา เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนตื่นตกใจขึ้น เห็นเพียงหมัดของหม่าชาว ต่อยไปกลางฝ่ามือของไอ้มือเหล็ก อย่างหนักอึ้ง

หม่าชาวอดขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ ไม่ได้ ในสายตามีความ เคร่งขรึมเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่ง

หมัดนี้ของเขามีพลังมากแค่ไหน ไม่มีใครรู้ดียิ่งกว่าเขา

ท่ามกลางสนามรบในอดีต ศัตรูที่ตายภายใต้พลังหมัดของ เขานับจํานวนไม่ถ้วน

ปัจจุบันนี้ กลับโดนชายวัยกลางคนขัดขวางไว้ได้

ส่วนไอ้มือเหล็ก ชั่วพริบตาที่โดนหม่าชาวต่อยมา เท้าทั้งคู่อื่น ไถลไปกับพื้นสามสี่เมตรถึงหยุดตัวลง

หม่าชาวรู้สึกตกใจต่อความแข็งแกร่งของไอ้มือเหล็กอย่าง มาก แต่ทว่าความตื่นตกใจภายในของไอ้มือเหล็กกลับรุนแรงยิ่งกว่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ