The king of War

บทที่ 95 ยอดเมฆา



บทที่ 95 ยอดเมฆา

พอได้ยินคําพูดของฉินซี หยางเฉินก็รู้ได้ว่า เธอได้ตื่นรู้เข้าใจ ทุกอย่างแล้ว

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็จะไปจัดการได้อย่างสบายใจ

“คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่ทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย

หยางเฉินพูดด้วยใบหน้ามจริงจัง แล้วก็หันไปมองมุมบ้านชั้น สองที่ถูกทําลายไป แล้วก็หยิบกุญแจยื่นให้ฉินซี “ถ้ายังอยู่บ้าน หลังนี้ต่อ ก็จะเป็นอันตรายเอาได้สักวัน วันนี้คุณกับเสี่ยวก็ไม่ ต้องทำงานแล้ว เก็บข้าวของ แล้วไปอยู่กับผมเลย

ฉันกำลังจะปฏิเสธ หยางเฉินก็พูดอีกว่า “พวกเราก็เป็นสามี ภรรยากัน คุณกับผมไม่มีอะไรที่ต้องเกรงใจกัน ถือเสียว่าทำเพื่อ เสี้ยวเลี้ยว ไปอยู่ที่นั่นกับผมเถอะ! ครั้งนี้ ฉินซ์ไม่ได้ปฏิเสธอีก หยางเฉินขับรถPhaeton ออกไป

จากบ้านเล็กตระกูลฉิน

“พี่คะ พี่เขยจะให้เราย้ายบ้านใช่ไหมคะ? เขาซื้อบ้านหลังใหม่ แล้วหรือคะ?” ฉันถามอย่างสงสัย

ฉันพยักหน้า “พวกเราอย่าสร้างปัญหาเพิ่มให้เขาเลย รีบไป เก็บของ แล้วก็ย้ายไปอยู่กับเขาที่นั่นเถอะ!

พอหลังจากโจวซุ่ยได้ยินว่าฉันพูดว่าจะย้ายบ้าน ก็โมโหขึ้นมา “พวกเราอยู่ที่นี่มาทั้งชีวิต จะย้ายได้อย่างไร? แถมยังย้ายไป อยู่บ้านของหยางเฉินอีก กระจอกอย่างนั้น จะซื้อบ้านแบบไหน กัน? จะย้ายพวกแกก็ย้ายไปเลย แม่ไม่ไปหรอก”

ฉันก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “ในเมื่อแม่ไม่ไป งั้นพวกหนูก็ ไม่สนใจแล้วนะคะ เสี่ยว พวกเรารีบไปเก็บของ ที่คฤหาสน์ของ หยางเฉินมีทุกอย่าง เก็บแค่เสื้อผ้าก็พอ

“พี่เขยซื้อคฤหาสน์เลยหรือคะ!” ฉันตกใจ

ฉันก็พยักหน้า “อืม คฤหาสน์ใหญ่พอตัวเลยล่ะ ข้างในมีทุก อย่าง นอกจากของมีค่าแล้วก็เสื้อผ้าที่ใส่ข้าวของอื่นๆ ไม่ต้อง ย้ายไปหรอก”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปเก็บของเลย” ฉันพูดอย่างดีใจ

ตอนที่สองพี่น้องกำลังคุยกัน โจวชุ่ยก็มาแอบฟัง เดิมที่ไม่ อยากจะย้ายบ้านไป แต่พอได้ยินฉันบอกว่าบ้านที่จะย้ายไป เป็นคฤหาสน์ เธอก็ดีใจขึ้นมาทันที

สองพี่น้องยังไม่ทันได้เข้าไปยังห้องของตัวเองเลย โจวชุ่ยก็ รีบวิ่งเข้าห้องตัวเองไปทันที

ฉินซีเคยไปยอดเมฆาและก็รู้ว่าที่นั่นมีทุกอย่าง แค่จัดเตรียม เสื้อผ้าของตนเองและเสี้ยวเสี้ยวก็พอ กระเป๋าเดียวก็พอแล้ว

ฉันก็ไม่มีข้าวของอะไรที่ต้องเก็บมากนัก ตอนที่สองพี่น้อง กำลังเก็บข้าวของกันเสร็จ แล้วมาถึงที่ห้องโถงนั้น โจวชุ่ยก็เก็บ ข้าวของมาเสร็จแล้ว2กระเป๋า
“แม่คะ ทําไมเก็บของด้วยล่ะคะ? แม่จะกลับไปอยู่บ้านคุณ ยายหรือคะ?” ฉินยีแกล้งประชด

โจว ยก็ไม่รู้สึกเคอะเขินอะไร ยิ้มๆ พูดว่า “แม่ก็มีลูกสาว อย่างพวกแกแค่2คน ก็ต้องไปอยู่กับพวกแกน่ะสิ จะให้ไปที่ไหน ได้ล่ะ! ”

ฝากระโปรงหลังของรถMaserati ใส่กระเป๋าไม่หมด กระเป๋า สองใบของโจว ยก็ถูกใส่ไว้ในที่นั่งเบาะหลัง พยายามยัดจน เต็มรถ

ฉันเป็นคนขับรถ แล้วก็ขับมุ่งหน้าไปทางยอดเมฆาอย่างช้าๆ

“พี่คะ อย่าบอกนะว่า คฤหาสน์ของพี่เขยอยู่ที่หมู่บ้านวิลล่าหยุ นสุ่ยเยวี่ยน?” ตามที่ฉินซีบอกเส้นทางมา ฉันก็เริ่มตกใจขึ้น เรื่อยๆ

“ขับไปตามที่พี่บอกก็พอแล้ว ไม่ผิดหรอก” ฉินซีพูด

โจวชุ่ยก็หัวเราะเสียงเย็น “หยุนสุ่ยเยวี่ยนเป็นโครงการ หมู่บ้านที่ดีที่สุดของเจียงโจว วิลล่าของตระกูลสี่พรรคแห่งเจียง โจวล้วนอยู่ที่นั่น ไอ้หมอนั่นจะมีปัญญาไปซื้อคฤหาสน์ที่หยุน สุ่ยเยวี่ยนได้อย่างไรกัน?”

ฉันขมวดคิ้ว “แม่อย่าพูดว่าเขาแบบนั้นได้ไหมคะ? เขาเป็น คนอย่างไร แม่ไม่รู้หรอกค่ะ”

ฉันก็พูดว่า “วันนี้พี่เขยทำกับฉันเฟยไปอย่างไร แม่ก็เห็น ความอดทนของคนมันมีจำกัดนะคะ แม่ไปเรียกเขาว่า คนไม่เอาไหน ทุกวันๆ สักวันเขาโมโหขึ้นมา แล้วจะไล่แม่ออกไปจากบ้าน แม่อย่ามาร้องไห้แล้วกัน”

“ทำไมพวกแกพูดกับฉันแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็เป็นแม่ ของพวกแก ก็มาพูดแบบนี้เพื่อช่วยคนนอกอย่างนั้นหรือ มีลูก ที่ไหนเขาพูดกับแม่แบบนี้กัน?” โจวชุ่ยก็ไม่พอใจขึ้นมา

“หนูก็ไม่เคยเห็นแม่ที่ไหนเป็นแบบนี้เลยค่ะ” ฉันยีเถียงกลับไป

ตั้งแต่ที่ร้านอาหาร ครั้งก่อน ฉันยีช่วยโจวซุยตบหวัง เหยา แต่โจวซุ่ยกลับให้ฉันไปคุกเข่าขอโทษ ทำให้ฉัน เสียใจอย่างมาก

“แกพูดกับฉันแบบนี้ได้อย่างไร? เดี๋ยวแม่ตบเสียเลยนิ?” โจว ยอับอายจนโมโห

พอได้แล้ว! ” ฉินซีก็โมโหแรงขึ้นมา แล้วกันไปมองโจวย “แม่คะ หนูพูดไว้ล่วงหน้าเลยนะ ถ้าแม่ยังปฏิบัติกับหยางเฉิน เหมือนก่อนอีกล่ะก็ ทางที่ดีก็กลับบ้านหลังเก่าไปเลยค่ะ”

ฉินซีในตอนนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม โจวซุย กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่พอเห็นสายตาที่โมโหของฉันแล้ว ก็ กลืนคำพูดกลับลงไป แล้วก็หันหน้าไปทางหน้าต่างอย่างโมโห

“พี่คะ บ้านของพี่เขยอยู่ที่หยุนฮุ่ยเยวี่ยนจริงหรือคะ?” ตอนที่ฉันยีขับรถเข้าเขตหยุนสุ่ยเยวี่ยน นั้น ก็มีใบหน้าตกใจ

ยามหน้าประตูเห็นทะเบียนรถแปลกตา ก็เลยเรียกให้จอด แต่ พอเห็นฉินซีที่นั่งข้างคนขับ ก็ต้องตกใจ แล้วรีบโค้งตัวคำนับทันที

หมู่บ้านวิลล่าหยุนสุ่ยเยวี่ยนไม่ใหญ่มาก คนที่สามารถอยู่ที่นี่ ได้ ล้วนเป็นเศรษฐีตระกูลใหญ่มีชื่อเสียงของเจียง โจว

ส่วนยามของที่นี่ ก็ได้จดจำข้อมูลของผู้ที่พักอยู่ที่นี่ไว้ในหัว หมดแล้ว และก็รู้ว่าฉันเป็นเจ้าของยอดเมฆา

โจว ยก็ตาเป็นประกาย เปิดกระจกลง แล้วก็มองไปรอบๆ เพิ่งได้เคยเข้ามาในหมู่บ้านที่หรูหราแบบนี้เป็นครั้งแรก

ถึงแม้ฉันจะตื่นเต้นตกใจ แต่นึกถึงที่หยางเฉินก็ยิ่งใหญ่แบบ ลับๆ อยู่เหมือนกัน แล้วก็ค่อยๆ ยอมรับทุกอย่างที่เห็น

“บ้านของพี่เขยหลังไหนคะเนี่ย? จะไม่มีทางไปแล้วนะ” ฉัน ขับรถมาสักพัก ก็ไม่เห็นฉันบอกทางต่อ ก็เลยถามออกไป

“ขับไปตามทางนี้ต่อ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” ฉันตอบ

“หา?”

ฉันไม่เข้าใจ เพราะถ้ายังตรงไปอีก ก็จะเป็นภูเขาหยุนติ่งแล้ว แถมระหว่างทาง ก็ไม่เห็นมีคนอยู่เลย

“เสี่ยวซี จำผิดหรือเปล่า ขึ้นไปอีกก็จะเป็นภูเขาหยุนติ้งแล้วนะ เดือนก่อน ยังมีข่าวที่ดังไปทั่วเจียงโจว ว่าคฤหาสน์หรูบนภูเขา หยุนติ้ง ถูกเศรษฐีลึกลับซื้อไปแล้ว”

โจวซุ่ยก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ได้ยินมาว่า เส้นทางที่ปถึงภูเขาหยุ นติ่ง ยาว3กิโลเมตร ทำไว้เพื่อวิลล่ายอดเมฆาหลังเดียวเท่านั้นคนอื่นห้ามเข้า”

“ฉันยังได้ยินมาว่า ครึ่งเดือนก่อน มีลูกเศรษฐีอยากจะขับรถ ขึ้นไปดู สุดท้ายถูกยามรักษาความปลอดภัยของหยุนเวียน ตีจนขาหัก เดิมทีตระกูลของลูกเศรษฐีนั่นยังโมโหอยู่มาก แต่เมื่อ รู้ว่าลูกตนเองเกือบจะเข้าไปในยอดเมฆาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เลย”

“เสียงเบรกรถ”

ฉันได้ยินดังนั้น ก็ตกใจมาก รีบเบรครถ โชคดีที่รถขับช้า

“ถ้ายังขับต่อไปอีก ก็จะเป็นถนนที่เข้าสู่ยอดเมฆาแล้วนะ”

ฉันมองฉันด้วยใบหน้ากังวล “พี่คะ พี่ผิดแน่เลย”

“ยอดเมฆาก็คือคฤหาสน์ของหยางเฉิน ไม่ต้องกังวลหรอก รีบ ขับไปเถอะ! ” ฉันบอกไป

“เสี่ยวซี แกเริ่มพูดล้อเล่นเป็นเสียแต่ตอนไหกัน? แม้แต่ พรรคแห่งเจียงโจวยังมีสิทธิ์ได้เข้าอยู่ในยอดเมฆาเลย แต่แก กลับบอกว่าเป็นคฤหาสน์ของไอ้ไม่เอาไหนนั่น เป็นไปได้อย่างไร กัน?” โจวชุ่ยมีสีหน้าไม่เชื่อ

ฉันก็นิ่ง ใจก็เต้นแรงมากขึ้น เธอรู้ว่าพี่สาวตนเองนั้นไม่เคย ล้อเล่น งั้นก็แสดงว่า ยอดเมฆาเป็นบ้านของพี่เขยจริงๆ

“ขับต่อไปเถอะ!” ฉันขี้เกียจอธิบาย ได้แต่พูดสั้นๆ ไปแบบ

นน
ฉันก็ไม่พูดจา แล้วก็เหยียบคันเร่ง ขับรถขึ้นไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ