The king of War

บทที่ 383 ยื่นออกมามากเกินไป



บทที่ 383 ยื่นออกมามากเกินไป

ตอนแรกเขายังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ แต่ตอนนี้พอได้มาเห็นหยาง เฉิน ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าหยางเฉินก็คือรักษาดินแดนเหนือที่ สหายร่วมรบคนนั้นของเขาพูดถึง

พอคิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเหมือนได้หวนคืนสนามรบของ ชายแดนเหนือเมื่อหลายสิบปีก่อน เลือดลมในร่างกายที่แทบจะ ถูกแช่แข็งไปแล้ว ก็ค่อยๆ กลับมาไหลเวียนอีกครั้ง

หวงจงที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งกิตติมศักดิ์ สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วย ความเยือกเย็นอันน่ากลัว จ้องเขม็งไปที่หยางเฉิน “ไม่เสียแรงที่ เป็นคนรุ่นหลังของตระกูลอวี่เหวิน ไม่เพียงใจกล้า แต่ยังบ้าบิ่น ด้วย!”

คำพูดของหวงจง ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที!

นอกจากเศรษฐีบางคนที่เคยมีบุญคุณความแค้นกับหยางเฉิน แล้ว คนอื่นก็ไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของหยางเฉินเลย

ในตอนนี้ หวงจงได้เปิดเผยมันต่อหน้าทุกคน ว่าหยางเฉินนั้น เป็นคนของตระกูลอวี้เหวิน ทุกคนถึงได้เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไม หยางเฉินถึงไม่เกรงกลัวหวงจงเลย ที่แท้เขาเองก็มาจากแปด ตระกูลแห่งเย็นดูเหมือนกัน

หยางเฉินไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่าง ตัวเองกับตระกูลอวี่เหวิน และไม่มีทีท่าว่าจะปกปิดใดๆ แค่พูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “จะใจกล้าก็ดี จะบ้าบินก็ช่าง ถ้ามีผม อยู่ คุณก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องกลับบ้านมือเปล่า!

หยางเฉินในตอนนี้ ดูทรงอำนาจอย่างถึงที่สุด ต่อให้กำลัง เผชิญหน้ากับผู้สืบทอดของตระกูลหวง ก็ไม่กลัวเลยสักนิด

“ที่แท้ชายหนุ่มคนนี้ก็มาจากตระกูลอวี่เหวินที่เป็นหนึ่งในแปด ตระกูลแห่งเย็นดูเหมือนกัน ถึงว่าทำไมถึงทำให้เฉิงชิงไห่กับกวน เจิ้งซานยืนกรานว่าจะยืนอยู่ข้างเดียวกับเขา

“ดูท่า การประชุมแลกเปลี่ยน ในครั้งนี้ จะเป็นการเดินหมาก ระหว่างตระกูลอวี่เหวินกับตระกูลหวงซะแล้ว ส่วนพวกเราก็เป็น แค่ตัวเบี้ยเท่านั้น”

“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ สุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะ ยัง มองไม่ออกเลย แต่สิ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือ หลังจากนี้เจียงผิง ถ้า ไม่แซ่หวง ก็ต้องแซอวี่เหวินแน่นอน”

หลังจากฐานะที่แท้จริงของหยางเฉินถูกเปิดเผยแล้ว ผู้คนต่าง ก็ทำหน้าหนักใจ ภายในห้องก็ตกอยู่ท่ามกลางเสียงพูดคุยทันที

สําหรับพวกเขา ไม่ว่าต่อไปเจียงผิงจะใช้แช่ไหน มันก็ไม่เกี่ยว อะไรกับพวกเขา

คนที่ได้รับผลกระทบจริงๆ คือพวกตระกูลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ของเมืองเอกต่างหาก

“วันนี้ ฉันจะไม่พูดคุยกับแกเรื่องอื่น แต่จะพูดคุยกับแกเกี่ยว กับเรื่องการตายของหวงอันลูกชายของฉันเท่านั้น”
หวงจงไม่ขยับเขยื้อน นั่งนิ่งอยู่บนที่นั่งกิตติมศักดิ์ ราวกับ กำลังพูดเรื่องที่ธรรมดามากๆ อยู่

คำพูดของหวงจง ทำให้ผู้คนหันมาซุบซิบกันอีกครั้ง

ในตอนที่ได้ยินคำพูดนี้ของหวงจงนั้น หวงเหมยที่นั่งอยู่ด้าน ขวาของเขา ก็ได้มีแววตาที่ตื่นตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ แต่มันก็สงบลงไปอย่างรวดเร็ว

หยางเฉินออกมาเบาๆ “ลูกชายของคุณนั้นตายยังไง ผม คิดว่าคุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะ”

พูดจบ หยางเฉินก็หันไปมองหวงเหมยอย่างขบขัน แล้วพูด ต่อว่า “คุณหญิงหวง คุณไม่มีอะไรที่อยากพูดหน่อยเหรอครับ?”

“ไอ้หนู เรื่องที่แกฆ่าหลานชายของฉันไป ตระกูลหวงของฉัน

ไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน!!

หวงเหมยพูดพร้อมกับกัดฟันแน่น แล้วแสร้งทำหน้าเจ็บปวด เอามือไปเช็ดดวงตาที่แดง และพูดอย่างเจ็บปวดรวดร้าวว่า “เสี่ยวอัน แกไม่ต้องห่วงนะ ป้าต้องแก้แค้นให้แกแน่นอน!

“อะไรนะ! ลูกชายของหวงจงถูกชายหนุ่มคนนี้ฆ่าตายอย่างนั้น เหรอ?”

“ไอ้หนุ่มนี่มันบ้าบิ่นเกินไปแล้วมั้ง? นี่เขาไม่กลัวจะก่อให้เกิด สงครามระหว่างสองตระกูลใหญ่เลยรึไง?”

“การประชุมแลกเปลี่ยนในวันนี้ ช่างเป็นการประชุมที่ทำได้แค่ ดูจริงๆ!”
ทุกคนต่างเริ่มพูดคุยกัน สีหน้าของทุกคนต่างตกใจ

การประชุมแลกเปลี่ยนในตอนนี้ ได้กลายเป็นการปะทะกัน ระหว่างหยางเฉินกับหวงจงไปแล้ว

แม้แต่มหาเศรษฐีของเมืองเอกทั้งสาม ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง

เลย

หยางเฉินจ้องมองหวงจงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “คุณเชื่อคำพูด ของผู้หญิงคนนี้เหรอครับ?”

“เธอเป็นคนของตระกูลหวง ทำไมฉันถึงจะไม่เชื่อล่ะ?”

หวงจงพูด “ว่าแต่แกเถอะ เอาแต่พูดให้คนอื่นผิดใจกัน จะได้ ประโยชน์อะไร?”

หยางเฉินส่ายหน้า “คุณประเมินผมสูงไปแล้ว!”

หมายความว่ายังไง?” หวงจงขมวดคิ้ว

“ทั้งทั้งที่คนอื่นไม่ผิด แต่ก็ยังดึงดันที่จะป้ายความผิดให้?”

หยางเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “ถ้าคุณดึงดันที่โยนความผิด เรื่องการตายของลูกชายคุณมายัดเยียดให้ผม งั้นก็แล้วแต่เลย! อยากทําอะไร ก็จัดมาได้เลย ถ้าหยางเฉินคนนี้ถอยหลังเพียงแค่ ครึ่งก้าว ก็ถือว่าผมแพ้!

ลมสายหนึ่งที่พัดเข้ามาจากทางหน้าต่าง สายลมที่พัดเข้ามา

ทำให้การประชุมแลกเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่นี้ หนาวเย็นขึ้นมาทันที เจียงผึ้งที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง จะเกิดลมในยามค่ำคืนเป็นครั้งคราว

ใบสีเหลืองของต้นอู่ถงที่ร่วงหล่น ได้ลอยเข้ามาในห้อง สัมมนาตามแรงลม

หวงจงยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เขาที่เป็นผู้สืบทอดของตระกูลหวง ไม่ได้เป็นคนที่โง่เขลาเลย

เขานั้นรู้ดีอยู่แล้ว ว่าหยางเฉินนั้นไม่ได้โกหก การตายของ ลูกชายเขาย่อมมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือของหวงเหมย

แต่การเอามณฑลเจียงผิง ให้อยู่ในครอบครองนั้น ถือเป็นแบบ ทดสอบสุดท้ายในการเป็นผู้สืบทอดแห่งตระกูลหวงของเขาแล้ว เมื่อไหร่ที่ทําสําเร็จ ตำแหน่งผู้สืบทอดก็น่าจะตกเป็นของเขา แน่นอน

แต่ถ้าล้มเหลว ไม่ต้องพูดถึงความมั่นคงของตำแหน่งผู้ สืบทอดเลย แม้แต่ตำแหน่งของเขาตอนนี้ก็อาจจะถูกยกเลิกเลย ก็ได้

ตระกูลหวงเป็นตระกูลที่ค่อนข้างเลือดเย็น ไม่ให้ความสำคัญ กับความสัมพันธ์ สนใจแค่ผลประโยชน์เท่านั้น

ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามณฑลเจียงผิงที่กว้างใหญ่นี้ จะมีตระกูลสักเท่าไหร่ที่เลือกแก

จู่ๆ หวงจงก็พูดออกมา แล้วมองไปรอบๆ จากนั้นก็ตะโกนออก มาเสียงดังว่า “เพื่อประสิทธิภาพในการรวบรวมตระกูลเศรษฐี ของมณฑลเจียงผิงที่ดียิ่งขึ้น ผมก็ตั้งใจที่จะสร้างพันธมิตรตระกูลขึ้นมา ตระกูลไหนก็ตามที่เข้าร่วมพันธมิตร ก็มีสิทธิ์เข้าถึง ทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลหวง รวมถึงการไปเปิดตลาดที่เมือง เยนตูด้วย”

“ตระกูลไหนก็ตามที่เข้าร่วมพันธมิตร ไม่ว่าจะถูกตระกูลไหน กดขี่ เหล่าพันธมิตรก็จะออกหน้าช่วยเหลือแน่นอน

“นอกจากนั้น คนที่มีความสามารถของตระกูลใหญ่ต่างๆ ต่าง ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปอยู่ส่วนในของตระกูลหวง เพื่อไขว่คว้าผล ประโยชน์ที่มากกว่า ให้กับตระกูลของตัวเอง

“ตอนนี้ ทุกท่านสามารถแสดงจุดยืนของตัวเองได้แล้ว!”

เสียงของหวงจงนั้นดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดัง

ลั่นอยู่ข้างหูของทุกคน

ทุกคนต่างตกอยู่ในความช็อก หวงจงถึงกับจะจัดตั้งพันธมิตร

ตระกูลขึ้นที่มณฑลเจียงผิงเลย นี่เขาตั้งใจจะรวบรวมเจียงผึ้ง

อย่างนั้นเหรอ?

เพิ่งหงเย่กับหนิวจี้หยวนต่างทำหน้าช็อก

เดิมทีพวกเขาต่างเข้าใจว่า หวงจงไม่เลือกตระกูลเพิ่งก็ต้อง เลือกตระกูลหนึ่ง แล้วให้การสนับสนุนจนกลายเป็นตระกูลเดอะ คิงแห่งมณฑลเจียงผึ้ง

แต่ว่าตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าหวงจงตั้งใจที่จะละทิ้งตระกูลเพิ่งกับ ตระกูลหนึ่งพร้อมกัน แล้วใช้ตระกูลหวงเป็นศูนย์กลางแล้วก่อตั้ง พันธมิตรตระกูลขึ้นมา
หรือในอีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่พันธมิตรถูกก่อตั้งขึ้น งั้นมณฑลเจียงผิงในวันข้างหน้า ก็จะตกอยู่ในการควบคุมของ ตระกูลหวง

ฟังดูอาจจะเป็นพันธมิตร แต่ความจริงแล้วก็เป็นแค่ข้ออ้างที่ ตระกูลหวังจะเอามารวบรวมเจียงผิงก็เท่านั้น!

“ตระกูลหูแห่งเมืองชาง ยินดีที่จะเข้าร่วมพันธมิตร

“ตระกูลหม่าแห่งเมืองตงซาน ยินดีที่จะเข้าร่วมพันธมิตร

“ตระกูลหลี่แห่งเมืองจี้โจว ยินดีที่จะเข้าร่วมพันธมิตร

พอสิ้นเสียงของหวงจง ตระกูลเจ็ดแปดตระกูลต่างพากันแสดง ความต้องการที่จะเข้าร่วมพันธมิตร

ภาพนี้ ทำให้สีหน้าของเมิ่งหงเยู่กับหนิงหยวนนั้นดูแย่ยิ่งกว่า

เดิม

เห็นได้ชัดว่า หวงจงนั้นไม่เคยคิดที่จะสนับสนุนพวกเขาให้ขึ้น รับตำแหน่งมาก่อนเลย

ส่วนพวกเขานั้น เป็นแค่เบี้ยของหวงจงเท่านั้น

พวกตระกูลที่แสดงออกว่าจะเข้าร่วมกับพันธมิตรตระกูลนั้น ได้ถูกหวงจงซื้อตัวไปนานแล้ว

มณฑลเจียงผึ้งมีเมืองอยู่ยี่สิบกว่าเมือง มีตระกูลเศรษฐีกว่าหก เจ็ดสิบตระกูล ในเวลาเพียงไม่กี่วิ ก็มีตระกูลเป็นสิบแสดงความต้องการที่จะเข้าร่วมพันธมิตรแล้ว

ที่สำคัญ ตระกูลที่ต้องการเข้าร่วมพันธมิตร ยังคงเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ

ถ้าหากตระกูลหวงไม่ได้ซื้อตระกูลพวกนี้ไว้ก่อน ก็ไม่มีทางมี เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน

“ตอนนี้ แกช่วยบอกฉันที ว่าแกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน?”

หวงจงหมุนตัวอย่างกะทันหัน ทำหน้าเย่อหยิ่งและมั่นใจ มอง หน้าหยางเฉินแล้วถามออกมา

แต่ว่าตอนนี้ ตระกูลที่เข้าร่วมพันธมิตรก็ใกล้จะถึงครึ่งแล้ว

“ต่อให้ตระกูลทั้งหมดของมณฑลเจียงผึ้งจะเข้าร่วมกับ พันธมิตรตระกูลของคุณ แล้วมันจะยังไง?”

หยางเฉินพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “สำหรับผมแล้ว มันก็เป็น

แค่เรื่องที่สามารถจัดการได้ในหมัดเดียวเท่านั้น!

หยางเฉินยืนเอามือไขว้หลัง รังสีที่ทรงพลังไหลทะลักออกมา

จากตัวเขา

คำพูดของเขา เหมือนราวกับสายฟ้าที่น่าตกใจ ที่ระเบิดอยู่ใน หัวของหวงจง

“มือของตระกูลหวง มันก็ยื่นออกมามากไปจริงๆ ไม่ใช่รึไง?”

ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่ทรงอำนาจแต่แสนเย็นชาก็ได้ดังขึ้น มาจากตรงทางเข้าของห้องสัมมนา
จากนั้น เงาของชายสูงวัยที่ดูแข็งแรงก็ได้เดินตรงเข้ามา ท่ามกลางการห้อมล้อมของชายฉกรรจ์ที่กำยาหลายคน คนกลุ่มนี้ ต่างก็ใส่ชุดบูโดสีดำที่เหมือนๆ กัน ตรงกลางหลังของชุดบูโดได้มีตัวอักษร “บู” ตัวใหญ่ๆ ปรากฏ

อยู่

ชายชราที่เป็นผู้นำ ดูแล้วอายุประมาณหกสิบ เขามีเส้นผม สั่นๆสีขาวแซมดำที่อันแข็งแรง สีหน้าน่าเกรงขาม ทั่วร่างมีแต่ออ ร่าที่น่าเกรงขามแบบผู้มีอำนาจ

ด้านหลังของเขา มีชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำเดินตามมา ใน ตัวของทุกคนต่างก็มีรังสีที่แข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมา

“นั่นมันหัวหน้าสาขาสมาคมโดประจำสาขาเจียงผึ้ง ฉือเจียง

“สาสมาคมบูโดที่ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเจียงผึ้งมา ก่อน วันนี้ก็จะเข้ามาข้องเกี่ยวแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

“ว่ากันว่า หัวหน้าสาขาทุกคนของสมาคมบูโดนั้นแข็งแกร่ง มาก และประธานก็เป็นคนเลือกเองทั้งหมด

การปรากฏตัวของฉือเจียง ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

ขึ้นทันที

หยางเฉินขมวดคิ้ว หรือนี่คือขั้นตอนที่สมาคมบูโดจะออกโรง อย่างนั้นเหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ