The king of War

บทที่ 59 ฉินน้ำตาซึม



บทที่ 59 ฉินน้ำตาซึม

ตอนนี้หยางเงินเองก็มองใบหน้าของหญิงวัยกลางคนได้อย่าง ชัดเจนแล้ว และมีความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา เพียงแต่เคยเห็นที่ไหน มาก่อนนั้น กลับนึกไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ

“เสี่ยว ลูกเป็นอะไรไป ? คงไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม ? โจวซุยเห็นสีหน้าของฉันย่ำแย่ ก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา

ฉันส่ายหน้า มองไปทางผู้หญิงคนนั้นที่กำลังโทรศัพท์ด้วย สีหน้ากังวลใจ ก่อนจะเปิดปากพูดว่า “เธอคือคนของตระกูลจาง ภรรยาของจางกว่าง ชื่อหวังลู่เหยา

“ตระกูลจางแล้วยังไง ? เดี๋ยวนะ ตระกูลจางที่ถูกว่าคือตระกูล จางไหน ?” เดิมทีโจวชุ่ยก็คิดไม่ออก แต่จู่ๆก็คิดถึงแซ่จางขึ้น มาได้ เธอเลยรีบถามอีกครั้ง

“ตระกูลจางชนชั้นสูงของเจียงโจว สามีของเธอชื่อจางกว่าง ครั้งแต่แล้วที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล หากไม่ใช่เพราะพี่เขย ฉันคงโดนจางกว่างตบไปตั้งนานแล้ว”

พอได้ยินจินยีพูดถึงเรื่องที่โรงเรียนอนุบาลขึ้นมา หยางเฉินถึง ได้นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร

สีหน้าของโจวยแข็งทื่อไปทันที แววตาเต็มไปด้วยความ กลัว “คนของตระกูลจาง ? แล้วแบบนี้จะทำยังไงดี ? พอคิดถึงเมื่อครู่ที่เธอกับฉันร่วมมือกันตบผู้หญิงคนนี้ ขาของโจวซุยก็เริ่มสั่นขึ้นมา “เสี่ยว พวกเราจะทำยังไงกันดี ?

ฉันแอบมองไปทางหยางเฉินทีหนึ่ง ครั้งที่แล้วตอนที่ตัวเอง จะถูกจางกว่างตบ หยางเฉินก็เป็นคนช่วยเธอ ถึงขั้นถีบจางกว่าง จนปลิว ยังมีหม่าชาวที่ตามมาภายหลังอีก

นอกเหนือจากนั้น ครั้งที่แล้วเธอเลี้ยงข้าวหยางเฉินที่ร้านอา หารเป่ยหยวนซุน ซูเฉิงคู่กับถั่วปังตอนอยู่ต่อหน้าเขา ก็มีท่าทาง ระมัดระวัง

ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าหยางเฉินเป็นใคร แต่ก็มั่นใจได้ว่า ผู้ชายที่ อยู่ตรงหน้า ไม่ได้เป็นแบบที่พวกเธอเห็นอยู่แน่

“พวกเดรัจฉาน กล้ามาตบฉันเหรอ รอจนก่อนเถอะ รอให้สามี ฉันมาถึงก่อน ไม่มีทางปล่อยพวกเธอไว้แน่” แววตาของหยาง เฉินหรี่ลงเล็กน้อย

“ไอ้คนไร้ประโยชน์ นายอยากจะลากพวกเราไปซวยด้วยหรือ

พอหวังจู่เหยา โทรศัพท์เสร็จ ก็ทำสีหน้าหยิ่งยโส ชี้ไปทางโจว ชัยกับฉันแล้วพูดจาข่มขู่

โจวยชัยพอได้รู้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย ก็ไม่กล้าทำตัวหยิ่งผยอง อีก กลัวจนทําอะไรไม่ถูก

“ถ้าคุณกล้าด่าถ้อยคำหยาบคายอีก ผมก็ไม่ถือสาที่จะสั่งสอน คุณแทนคนที่บ้านคุณหรอกนะ”

โจวซุ่ยร้อนรนขึ้นมาทันที รีบร้อนมองไปทางหวังลู่เหยาแล้วหวังว่าเธอคงจะมี พูดว่า “น้องสาว เมื่อครู่นี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ใจ อย่าถือสา นเลยนะ”

โจวซุ่ยไม่มีเวลามาห่วงศักดิ์ศรีแล้ว รีบเข้าไปกล่าวขอโทษ

หวังลู่เหยาหัวเราะเสียงเป็นที่หนึ่ง เมื่อครู่ยังหยิ่งผยองอยู่เลย ไม่ใช่เหรอ ? ตอนนี้พอได้ยินฉันเรียกคนมา ก็รู้จักกลัวขึ้นมาแล้ว เหรอ ? ฉันจะบอกเธอไว้นะ มันสายไปแล้ว !

โจวซุ่ยมองดูกำไลหยกบนข้อมือ แววตาอาลัยอาวรณ์เป็น ที่สุด แต่พอคิดถึงฐานะของอีกฝ่ายแล้ว เธอก็กัดฟันแล้วถอด กําไลข้อมือออก แล้วยื่นออกไป “น้องสาว เธอชอบกำไลวันนี้ ไม่ใช่เหรอ ? ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็ยกให้เธอแล้วกัน”

“ใครเป็นน้องสาวของเธอกัน ?”

หวังเหยาคว้ากำไลหยกไปทันที แล้วพูดด้วยสีหน้าเป็นชาว่า “อีกอย่างนะ ไม่ใช่ว่าฉันชอบกำไลเก่าๆของเธอหรอกนะ แต่เป็น เพราะเธอทําลายกำไลหยกของฉันที่ดีกว่าอันนี้ไป กำไลหยกอัน นี้ก็เลยถือว่าเธอชดใช้ฉัน

พอเห็นหวังลู่เหยารับกำไลหยกไปแล้ว โจวซุ่ยก็รีบยิ้มแล้ว พูดขึ้นว่า “คุณดูสิ กำไลหยกก็ให้คุณแล้ว ตอนนี้ก็ปล่อยพวกเรา ไปได้แล้วใช่ไหม ?”

“เธอจะฝันหวานเกินไปแล้ว กำไลหยกถือได้แค่ว่าชดใช้ แต่ หน้าของฉันถูกบังลูกสารเลวของเธอตบจนบวมไปหมด ความ แค้นนี้ ฉันจะต้องชำระให้ได้
พอหวังลู่เหยาได้กำไลไปแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย กลอกตา ทีหนึ่ง แล้วจู่ๆก็พูดขึ้นว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน เมื่อเธอตบฉันไป สี่ ตอนนี้ให้ฉันตบดินเป็นสองเท่า ตบด้านละสีที แล้วฉันจะ ปล่อยพวกเธอไป

“อะไรนะ ?” ฉินหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

ถ้าหากให้ผู้หญิงคนนี้ตบตัวเองมากมายขนาดนั้น งั้นตัวเองก็ ต้องเสียโฉมเลยไม่ใช่หรือไง ?

ดวงตาของหยางเฉินมีแววเฉียบคมวาบผ่าน เดิมที่คิดว่า โจว ชุยหยิ่งผยองจนไปทำผิดต่อคนอื่นเข้า แต่ตอนนี้พอเห็นท่าแล้ว ไม่เพียงไม่เป็นแบบนั้น แต่ผู้หญิงคนนี้กลับหยิ่งผยองกว่าโจว ยอีกเป็นร้อยเท่า

พอโจวซุ่ยได้ยินแบบนั้น ก็ลากกินมาแล้วพูดว่า “เสี่ยว ลูกฟังที่เขาพูดเถอะ ให้เขาตบลูกแค่ไม่กี่ที เขาก็จะปล่อยพวกเรา ไปแล้วนะ”

“คุณแม่คะ แม่จะให้หนูยื่นหน้าออกไปให้เธอตบเหรอ ?” ฉัน มีสีหน้าตื่นตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าแม่ของตัวเองจะทําแบบนี้

“ลูกไม่ได้ยินที่เขาพูดเหรอ ? ต้องตบหน้าลูกเท่านั้น เขาถึงจะ ยอมปล่อยพวกเราไป ไม่อย่างนั้นรอเธอเรียกคนอื่นมา พวกเราก็ จบเห่กันพอดี” พอโจวซุยได้ยินว่าอีกฝ่ายเรียกคนมา ก็อกสั่น ขวัญแขวนขึ้นมาทันที

“แต่เป็นเพราะเธอตบหน้าแม่ ฉันก็เลยช่วยแม่ตบกลับไปนะ ! แล้วทำไมต้องให้เธอมาตบฉันด้วย ? ถ้าจะนับแบบนั้นจริงๆ ก็ควรให้เธอมาตบหน้าแม่สักทีไม่ใช่เหรอ ?” ฉันกัดฟันแล้วพูด ออกมา

“เสี่ยว อย่าเพียงแค่ลูกกลัวที่จะโดนตบ แล้วทำให้พวกเดือด ร้อนไปด้วยสิ !” โจวซุ่ยร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว กลัวว่าหาก ฉันโดนตบช้าไป คนที่หวังเหยาเรียกจะมาถึงเสียก่อน

รอบๆตัวมีแต่ผู้คนมามุงดู ขณะนี้กำลังชี้ไปทางโจวซุยแล้ว พูดไปต่างๆนาๆ

“ผู้หญิงคนนี้มันอะไรกัน ตัวเองไปหาเรื่องคนอื่น ลูกสาวมา

ช่วยเธอ แต่กลับจะผลักลูกสาวออกไปให้คนอื่นตบอีก

“โลกนี้มันกว้างใหญ่จริงๆ เรื่องประหลาดแบบไหนก็มี! ขนาด แม่แบบนี้ยังมีเลย”

“ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นแม่คนเลยจริงๆ ถ้าฉันมีแม่แบบ

นี้นะ คงทำเป็นไม่สนใจไปตั้งนานแล้ว

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบข้างต่างก็ลอยมาเข้าหูของโจ วซุยกับฉัน แต่โจวยยกลับทําเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ส่วนฉันก็รู้สึกเหมือนเลือดในใจกำลังรินไหล

“ดูว่า นังลูกสารเลวคนนี้ของเธอ คงไม่คิดจะแก้ปัญหา กันเองเป็นการส่วนตัวแบบนี้สินะ ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็รอให้ สามีฉันมาจัดการก็แล้วกัน ! แต่ว่าพวกเธอคิดกันให้ดีๆก็แล้วกัน สามีฉันจางกว่างคนนี้นิสัยไม่ค่อยดีนักหรอกนะ ถ้าให้เขามา จัดการ หากเกิดการนองเลือดขึ้นมา จะมาเสียใจภายหลังก็คง ไม่ทันแล้วนะ” หวังลู่เหยาสองมือกอดอก แล้วยิ้มอย่างได้อีกได้ใจ

“ลูกยังจะครุ่นคิดอะไรอยู่อีก ? รีบยื่นหน้าไปให้เขาตบ โจวซุยร้อนรนขึ้นมาทันที แล้วผลักฉันออกไปอย่างแรงที่หนึ่ง

เท้าของฉันสะดุดที่หนึ่ง จนเกือบหกล้ม เธอตาแดง หัน กลับไปมองโจวซียที่หนึ่ง น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ได้ ฉันจะฟังแม่ ให้เธอตบเอง !”

พอฉันพูดจบ ก็หันไปจ้องหวังเหยาอย่างเกลียดชัง “อย่า คิดว่าในเจียงโจวแห่งนี้ มีแต่ตระกูลจางของพวกเธอที่เป็นใหญ่ ล่ะ ผู้หญิงที่หยิ่งผยองแบบเธอ สักวันหนึ่ง จะต้องสร้างปัญหาที่ ใหญ่กว่านี้ไปให้ตระกูลจางแน่

“นั่งสารเลว กล้าว่าตระกูลจางของฉันเหรอ คอยดูเถอะฉันจะ ตบหน้าเธอให้พังไปเลย” หวังเหยาด่าออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วฟาดฝ่ามือไปทางใบหน้าของฉัน

ใบหน้าของฉันในขณะนี้ ไม่มีความหวั่นกลัวเลยแม้แต่น้อย สองตามองไปทางฝ่ามือที่ฟาดมาทางตัวเอง สําหรับเธอแล้ว บาดแผลที่โจวซุยสร้างให้แก่จิตใจของเธอ มันเจ็บยิ่งกว่าที่ถูก คนอื่นตบเสียอีก

เห็นว่าฝ่ามือของหวังเหยากำลังจะมาโดนใบหน้าตัวเองแล้ว แต่ในขณะนั้นเอง จู่ๆเงาของร่างหนึ่งก็มาขวางอยู่ตรงหน้าเธอ

หยางเงินคว้าข้อมือของหวังเหยาเอาไว้ สีหน้าเคร่งขรึมเป็นที่สุด “จะตบน้องสาวฉัน เธอมีสิทธิ์มากพอเหรอ ?”

ฉันได้ยินเสียงอันคุ้นเคยนี้ มองดูแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืน บังอยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะคำพูดที่ยโสโอหังเป็นที่สุดนั้น ทำให้ น้ำแข็งที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจเธอ ละลายจนหมดสิ้นไปใน ทันที

โดยเฉพาะคำว่า “น้องสาว” สองคำนี้ ทำให้น้ำตาของเธอไหล ออกมาในทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ