The king of War

บทที่ 267 ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต



บทที่ 267 ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต

หยางเฉิน ในตอนนี้ แข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร

การตบลงไปในครั้งนี้ ทำให้ทุกคนตกใจ ผู้คนต่างตกอยู่ใน ความตะลึง

เว่ยหมิงเยวที่อยู่ใกล้หยางเฉินที่สุดนั้นตกใจเป็นอย่างมาก และได้หลบไปอยู่ข้างหลังของแมงดาที่เขาเลี้ยงดูโดยอัตโนมัติ

“พะ พี่ใหญ่ เธอต่างหากที่ต้องการยั่วยุพี่ ผมไม่เกี่ยวนะครับ!

แมงดาคนนี้ดูแล้วร่างกาย แต่มาตอนนี้กลับทำตัว เหมือนหนูที่เจอแมว ตกใจกลัวจนสั่นไปทั้งตัว

ไม่ใช่ว่าเขาปอดแหก แต่เป็นเพราะพละกำลังของหยางเฉิน นั้นน่ากลัวเกินไป ตบทีเดียวถึงกับทำให้โต๊ะไม้ที่แข็งแรงนั้นแหก ไปเลย ถึงเขาจะฝึกฝนการต่อสู้จากโรงเรียนกีฬาก็ตาม การที่จะ ฝากรอยมือไว้บนโต๊ะอาหารยังทำไม่ได้เลย

“เธอ ยัยสารเลว ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”

แมงดาใช้มือผลักเว่ยหมิงเยวที่หลบอยู่ข้างหลังออกไป แล้ว วิ่งหนีไปทันที

ชั่วขณะหนึ่งสายตาของทุกคนต่างก็มารวมที่เว่ยหมิงเยว่

มีแขกหลายสิบคนที่อยู่ตรงนั้น แต่กลับไม่มีใครรู้สึกเห็นใจ

เธอเลยสักคน
เมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้วางแผนทำร้ายเซี่ยเหอยังไง ทุกคนต่างก็เห็น มันได้อย่างชัดเจน

ตอนนี้มาถูกหยางเฉินจัดการ มันก็เป็นกรรมที่ตามสนองแล้ว

“ช่างนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินอย่างคุณหนู เว่ย ก็มีเวลาที่รู้สึกกลัวกับเขาเหมือนกัน”

ซูซานมือกอดอกแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย แล้วมอ งดูเว่ยหมิงเยวด้วยรอยยิ้ม

“ใครบอกว่าฉันกลัวกัน?”

เว่ยหมิงเยวอายจนรู้สึกโกรธ การที่ถูกคนมากมายจ้องมอง แบบนี้ แถมยังถูกหยางเฉินบังคับให้เธอตบหน้าของตัวเองอีก นี่ มันช่างเป็นความอัปยศของเธอจริงๆ

“ถ้าเธอไม่กลัว แล้วทำไมเธอถึงยังไม่ไปล่ะ?” ซูซานพูดล้อ

เลียนเธอ

เว่ยหมิงเยวถลึงตาใส่ซูซานไปที่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่หยาง เฉิน

เห็นแต่หยางเฉินทำหน้าเรียบเฉย มองจากสีหน้าไม่ออกว่า เขานั้นกำลังดีใจหรือโกรธกันแน่

เซี่ยเหอนั้นยืนอยู่ข้างเขา สีหน้าค่อนข้างกังวล เห็นได้ชัดว่า เธอหนักใจเรื่องที่หยางเฉินยอมผิดใจกับตระกูลเว่ยเพื่อเธอ

เว่ยหมิงเยวรู้ดี ว่าในตอนนี้ มีแค่เซี่ยเหอเท่านั้นที่สามารถช่วยเธอได้

ว่าแล้ว เธอก็มองไปที่เซี่ยเหอ แล้วพูดออกมาว่า “นี่คุณผู้หญิง เมื่อกี้ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ควรให้คุณชดใช้เพียง เพราะคุณท่าซุปหกเท่านั้น”

ฟังแล้วเหมือนจะเป็นการขอโทษ แต่น้ำเสียงที่พูดออกมากลับ แข็งกร้าว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การขอโทษจากใจจริง

เซี่ยเหอรีบส่ายหน้า แล้วหันไปพูดกับหยางเฉินว่า “หยางเฉิน เรื่องนี้ให้มันแล้วกันไปได้มั้ยคะ? ฉันไม่เป็นไรหรอก!”

“ถ้าคุณกลัวว่าผมจะผิดใจกับตระกูลเว่ยเพราะคุณ งั้นคุณก็

สบายใจได้เลย กะอีแค่ตระกูลเว่ย ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด!! เซี่ยเหออยากที่จะทำให้เรื่องมันสงบลง แต่หยางเฉินกลับไม่ ยอม เขาส่ายหน้า “อีกอย่าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนี้มาหา

เรื่องผม ครั้งนี้ เธอจําเป็นต้องได้รับโทษ

ซูเฉิงอู่เองก็มองออกว่าเซี่ยเหอนั้นกำลังกังวลอยู่ จึงได้ออกมา พูดว่า “คุณหยางพูดได้ถูกต้อง สำหรับเขาแล้ว ตระกูลเวียนั้นไม่ ได้น่ากลัวเลยสักนิด ถ้าตระกูลเว่ยกล้าที่จะตามเอาเรื่องจริงๆ ไม่ ต้องให้คุณหยางออกหน้าก็ได้ เดี๋ยวตระกูลของผมจะรับหน้า แทนคุณหยางเอง!”

เซี่ยเหอรู้แค่ว่าหยางเฉินนั้นรวยมาก แต่ไม่นึกเลยว่า แม้แต่ คนใหญ่คนโตระดับซูเฉิงยังให้เกียรติเขาขนาดนี้

ในใจของเว่ยหมิงเยวนั้นกลับรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากๆถ้าแค่หยางเฉินคนเดียว เธอก็กลัวแค่ฝีมือของหยางเงินที่แข็ง แกร่งมากๆเท่านั้น

แต่ว่าตอนนี้ ซูเฉิงอู่กลับให้ความเคารพหยางเฉินขนาดนี้ ถึง ขั้นยอมผิดใจกับตระกูลเว่ยเพื่อหยางเฉินเลย หยางเฉิน มันเป็นใครกันแน่?

ตอนนี้ ในใจของเว่ยหมิฝเยวนั้นกำลังหวาดกลัวมาก

ไม่ใช่แค่เธอ ยังมีพวกแขกที่อยู่ทั่วร้านอีก พวกเขาต่างก็อึ้งไป ตั้งแต่ตอนที่ซูเฉิงอู่ปรากฏตัวแล้ว

ตอนนี้ ซูเฉิงยังพูดต่อหน้าทุกคนอีกว่า สำหรับหยางเฉินแล้ว ตระกูลเว่ยก็ไม่มีอะไรให้กลัวเลย

แล้วชายหนุ่มคนนั้น มีฐานะอะไรกันแน่?

“นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจถึงขนาดนี้ แม้แต่

เศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจว ยังต้องเคารพเขาขนาดนี้!”

“จริงด้วย เมื่อกี้เรายังต้องปาดเหงื่อแทนเขาอยู่เลย ที่แท้เขา เองก็มีความสามารถมากพอถึงได้ไม่กลัวนี่เอง!!

“ทีนี้ก็ดีเลย ผู้หญิงที่เอาแต่ใจคนนั้น ก็ทำตัวโอหังไม่ได้แล้ว!

ผู้คนต่างซุบซิบนินทา คำพูดที่เสียดแทงพวกนั้นได้ยินถึงหู เว่ยหมิงเยว่เข้า สีหน้าของเธอทั้งโกรธทั้งอาย

“เวลาของผมมันมีน้อย นาทีสุดท้าย ถ้าคุณยังไม่ลงมืออีก ก็ อย่าหาว่าผมเสียมารยาทแล้วกัน!”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็ได้พูดออกมา

“หยางเฉิน คุณอย่าให้มันมากเกินไปนะ ฉันได้ขอโทษเพื่อน คุณไปแล้ว! แล้วคุณยังจะอะไรอีก?”

ใบหน้าของเว่ยหมิงเยวกำลังร้อนผ่าว และกัดฟันพูด

เธอที่เป็นถึงคุณหนูของตระกูลเว่ย ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน ก็เป็น

ที่สนใจทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าหาเรื่องเธอทั้งสิ้น

แต่หลังจากที่ได้เจอกับเฉินหยาง เธอก็รู้สึกว่าความหยิ่งยโส ของเธอได้ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าไปแล้ว

“เหลืออีกสามสิบวิ!”

หยางเฉินยกมือขึ้นมาดูเวลา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ราวกับไม่เปิดโอกาสให้ต่อรองเลย

เวลาค่อยๆ ผ่านไป แต่เว่ยหมิงเยว่กลับกำลังรู้สึกทรมานมาก

ท่ามกลางสายตาของคนมากมายแบบนี้ การที่เธอตบหน้าตัว เอง ถ้าเรื่องนี้เกิดถูกเผยแพร่ออกไป แล้วต่อไปจะให้เธอไปพบ

หน้าคนอื่นได้ยังไง?

แต่ถ้าเธอไม่ทํา หยางเฉินก็จะลงมือเอง

“สิบวิ!”

ในตอนที่เธอกำลังขัดขืนอยู่ในใจ คิดว่าควรทำยังไงอยู่นั้น เสียงของหยางเฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าสิบวิสุดท้ายจะสิ้นสุดลง ในที่สุดเว่ยหมิงเยว่ก็ทนต่อแรงกดดันที่หยางเฉินส่งมาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“ป้าบ!”

“ป้าบ!”

ท่ามกลางสายตาของคนหลายสิบ เว่ยหมิงเยว่ก็ตบเข้าไปที่ หน้าของตัวเองอย่างแรง เสียงตบหน้าที่ดังกังวาน ทำให้ความ หยิ่งยโสและความภาคภูมิใจของเธอนั้นถูกเหยียบลงกับพื้น ไปแล้ว

การถูกตบอย่างต่อเนื่องเป็นสิบครั้ง จนใบหน้าของเวีย มิงเยวนั้นบวกเบ่งขึ้นมา

“ตอนนี้ ฉันไปได้แล้วใช่มั้ย?”

เว่ยหมิงเยวตะคอกใส่หยางเฉินด้วยสีหน้าที่ดุร้าย น้ำตาก็เอ่อ

ล้นออกมาอย่างช่วยหยุดไม่อยู่ จนเปียกชุ่มไปทั้งหน้า

“ไสหัวไปซะ!”

หยางเฉินพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

เว่ยหมิงเยวนั้นรู้สึกอับอายถึงวงศ์ตระกูลไปนานแล้ว เธอจึง รีบวิ่งหนีออกไปทันที

ทันใดนั้นเอง หยางเฉินก็มองไปที่ผู้จัดการร้านอีกครั้ง

ถ้าหากว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เว่ยหมิงเยว่เป็นหัวโจกที่ ทำความชั่ว งั้นผู้จัดการร้าน ก็คือคนชั่วที่ให้การสนับสนุน
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ผู้จัดการร้านนั้นช็อกไปนานแล้ว พอเห็น หยางเฉินมองมาที่ตน ไม่รอให้ซูเฉิงอู่พูด เขาก็คุกเข่าลงตรงขา ของหยางเฉินทันที

“คุณหยางครับ ผมมันมีตาหามีแววไม่ ไม่ควรไปล่วงเกินคุณ จริงๆ คุณช่วยละเว้นผมสักครั้งนะครับ!”

ผู้จัดการร้านรีบขอโทษเป็นการใหญ่

ตอนที่เพิ่งเข้ามานั้น ก็เห็นต้าเมาพาคนรุมทำร้ายหยางเฉิ นอยู่ และไม่รู้ว่าเขาได้ล่วงเกินหยางเฉินไปแล้วด้วย

“เด็กๆ จัดการไอ้สารเลวนี่ซะ แล้วโยนมันออกไป!” ซูเฉิงอู่พูด อย่างโมโห

ถึงแม้ต้าเมาจะเป็นคนที่ช่วยตระกูลซูดูแลกิจการ แต่หลักๆ ก็ เป็นคนที่ร่วมงานกันมากกว่า เขาจึงไม่สามารถทำอะไรต้าเมาได้ มากนัก

แต่ผู้จัดการร้านนั้น เป็นคนที่ตระกูลซูของเขาจัดหามาเอง การ ที่ไปล่วงเกินหยางเฉิน ยิ่งไม่น่าให้อภัยเข้าไปใหญ่

“คุณหยางครับ เธอคนนี้เป็นเพื่อนของคุณใช่มั้ยครับ?”

หลังจากที่ผู้จัดการร้านถูกเอาตัวไป ซูเฉิงอู่ก็หันมองเซี่ยเห อด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วเอ่ยถามกับหยางเฉินไป

หยางเฉินพยักหน้าเบาๆ “เธอชื่อเซี่ยเหอ เป็นผู้มีพระคุณที่ ช่วยชีวิตลูกสาวของผมไว้
พอได้ยินแบบนั้น ซูเฉิงก็ทำหน้าตกใจทันที ก่อนหน้านี้เขายัง คิดว่าการที่หยางเงินช่วยเหลือเซี่ยเหอนั้นเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ มีหน้าตาที่สวยมาก ไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วย ลูกสาวของหยางเฉินไว้

“ที่แท้ก็เป็นผู้มีพระคุณของเสี้ยวเสี้ยวนี่เอง เสียมารยาทแล้ว ครับเสียมารยาทแล้ว!”

ซูเฉิงอู่พูดออกมาอย่างระมัดระวัง พร้อมกับกวาดตามองไปยัง พนักงานที่อยู่รอบๆ แล้วประกาศออกไปว่า “หลังจากนี้ไป คุณเชื่ ยก็คือผู้จัดการใหญ่ของร้านอาหารเป็นหยวนชุน ถ้าใครกล้าไม่ เคารพเธอ ก็เท่ากับไม่เคารพนันด้วย!”

ถึงแม้เซี่ยเหอจะช่วยเสี้ยวเลี้ยวหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บไปแค่ นิดหน่อย แต่สําหรับหยางเฉินแล้ว มันก็คือบุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ การที่เขาแนะนำเธอออกไปแบบนี้ ก็เพื่อต้องการให้ซูเฉิงให้

ความสำคัญกับเธอด้วย

ตอนนี้ดูแล้ว จากนี้ไป เซี่ยเหอก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องการเป็น อยู่อีกแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ