The king of War

บทที่78 เลี้ยวเลี้ยวอยู่ไหน



บทที่78 เลี้ยวเลี้ยวอยู่ไหน

เสียงของหยางเฉินเผด็จการอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาพูด ประโยคนี้ออกมา ทั้งห้องส่วนตัว อุณหภูมิลดลงไปหลายระดับ ในชั่วขณะนั้น

“แกแม่งเป็นใครกันแน่?” กวนเสวีเฟิงหน้าตาโกรธแค้นเคือง ไม่สนใจภาพลักษณ์ของคุณชายผู้อ่อนน้อมถ่อมตนก่อนหน้านี้ เลย เอ่ยปากพูดจาหยาบคาย

“คุณชายเฟิง เขาคือหยางเฉิน คือเขาที่ทำให้ฉันสูญเสียทุก อย่างไป ฉันไม่ต้องการชีวิตของเขา แต่อยากให้เขามีชีวิตอยู่กับ ความเสียใจไปตลอดกาล ท่าแขนขาของเขาให้พิการ ทำให้เขา เป็นขอทานอยู่ที่หน้าประตูหอเหล้าแสงพระจันทร์ไปตลอดกาล ใบหน้าฟางเยว่เต็มไปด้วยความดุร้าย

หลังจากวันนั้นที่หยางเวยทอดทิ้งไปจากเมืองที่ไม่เคยหลับ ไหลต่อหน้าสาธารณชน หล่อนก็ไม่เหลืออะไรเลย ทุกอย่างนี้ล้วน เป็นผู้ชายตรงหน้าเป็นผู้มอบให้

“ที่แท้แกคือหยางเฉิน!” กวนเสเพิ่งหรีดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย เขาพึ่งพูดจบ ชั่วพริบตาเดียวก็มีภาพวีดเข้ามา

ป้าน!”

แขนข้างหนึ่งคร้าบนคอของเขาเอาไว้ ตามมาด้วยเขาที่ถูกยก ทั้งตัวจนลอยขึ้นมาด้วยกำลังอันมหาศาล
ในดวงตาของหยางเงินยิงแรงอาฆาตที่รุนแรงออกมาทั้งสอง ข้าง “ลูกสาวฉันอยู่ที่ไหน?”

“ปล่อยคุณขายเฟิงนะ!”

หลังจากที่ตื่นตกใจในช่วงสั้นๆ คนอื่นในห้องส่วนตัวมองเห็น กวนเสเพิ่งถูกล็อกคอยกขึ้นมา แต่ละคนล้วนสีหน้าเปลี่ยนไป มาก ตะคอกใส่หยางเฉินขึ้นมาทันที

“ทำให้ตาบอดทั้งหมด!” หยางเฉินเพียงพูดประโยคเดียว

“ปัง!”

หม่าชาวถือโอกาสคว้าขวดเหล้าอันหนึ่งขึ้นมาจากบนโต๊ะ ชั่ว ขณะหนึ่งขวดเหล้าเหลือเพียงครึ่งเดียว

วินาทีต่อมา เขาหายไปจากที่เดิมในชั่วพริบตาเดียว

“เฮือก!”

ตอนที่เขาปรากฏตัวออกมา ขวดเหล้าครึ่งหนึ่ง ในมือได้เสียบ เข้าไปในดวงตาของอันธพาลคนหนึ่ง

ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนที่เจ็บปวดดังขึ้นมาทั้งห้องส่วน

คนอื่นที่มองเห็นเหตุการณ์ฉากนี้ หัวใจเต้นแรงแบบบ้าคลั่งขึ้น มา หม่าชาวลงมือโหดที่สุด ไม่มีสะเพร่าแม้แต่น้อย

ฟางเย ตกใจบ้างไปตั้งนานแล้ว หล่อนมองหน้าชาวหายไป จากที่เดิมอีกครั้งต่อหน้าต่อตา ตอนที่เขาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าคนหนึ่งแต่ละครั้ง ล้วนใช้ขวดเหล้าครึ่งหนึ่งเสียบเข้าในดวงตา ทั้งสองของอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่วว่องไว

ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีสั้นๆ ลูกน้องของกวนเวเฟิงสี่คนที่เมื่อ สักครู่มองฉันถอดเสื้อผ้าอยู่ในห้องส่วนตัว ในเบ้าตาเหลือ เพียงรูเลือดสองอันเท่านั้น

ไม่นานเสียงโหยหวนทั้งหมดก็หายไป และไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ เจ็บ แต่เจ็บจนสลบลงไปแล้ว

ฉันตกใจค้างเช่นกัน แต่นึกถึงฉากเมื่อสักครู่ที่ตนเองได้รับ ความอัปยศอดสู จิตใจของเธอค่อยๆ เย็นลงมาแล้ว

ถึงแม้ว่ากวนเสเพิ่งจะโดนบีบคอยกขึ้นมา แต่ภาพที่หม่าชาว ทำลูกน้องสี่คนของเขาตาบอด กลับสามารถมองเห็นได้อย่าง ชัดเจนมาก

ในลูกตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจและหวาดกลัว ใครแม่งเป็นคนบอกตนเองว่าหยางเฉินไม่มีเบื้องหลังแต่อย่าง ใด เป็นเพียงลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงของตระกูลฉินคนหนึ่ง

ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เขากับลูกน้องของเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ได้อย่างไร?

หลังจากมองเห็นว่ากวนเสวีเฟิงใกล้จะหายใจไม่ออก หยาง เฉินจึงถือโอกาสทิ้งร่างกายของเขาจนลอยออกไป ก่อนจะ กระแทกบนโต๊ะกระจกระดับสูงที่ราคาแสนแพงเขาอย่างแรง
“ฉันเป็นคนของตระกูลกวน แกกล้าแตะต้องฉัน ไม่กลัวตระกูล กวนมาแก้แค้น?*

กวนเสเพิ่งเคยได้รับบาดเจ็บหนักแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ถึง แม้รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามแกร่งมาก แต่ก็ไม่กลัว หน้าตาดุร้ายเต็มที่ *อย่าลืมสี ลูกสาวของแกยังอยู่ในมือของฉัน แกทำฉันยังไง ฉันก็ จะทําลูกสาวแกแบบนั้น

สีหน้าของหยางเฉินอึมครึมลงมาถึงขั้นสุด “แกข่มขู่ฉัน?”

กวนเสวีเฟิงหัวเราะเสียงดังแบบบ้าคลั่งขึ้นมา “ตอนนี้แกรู้จัก กลัวแล้วเหรอ? ฉันจะบอกแก ทุกอย่างสายไปแล้ว ถ้าแกไม่ คุกเข่าลงมาอ้อนวอนฉันตอนนี้ แกเก็บศพลูกสาวแกได้เลยแล้ว กัน! ฮ่าๆๆๆ……

“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียจริง แกไม่บอก งั้นฉันหาเอง” เสียงของหยางเฉินหนาวเย็นดุจน้ำค้างแข็ง

ช่วงที่เขาพูดจบ ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าที่สม่ำเสมอกันดังขึ้น จากด้านนอก ตามมาด้วยมองเห็นชายสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา ในห้องส่วนตัว

มาที่ด้านหน้าของหยางเฉิน โดยตรง เขายืนตัวตรงดิ่งทันที ใน ดวงตาเต็มไปด้วยความฮึกเหิมและเคารพ “พี่เฉิน พาคนมา พร้อมแล้วครับ เชิญสั่งการมาได้เลย!!

“ไปหาให้ฉัน หาเด็กผู้หญิงอายุสี่ขวบคนหนึ่ง ห้ามพลาด แม้แต่มุมเดียว” หยางเงินสั่งการไป
“ครับ!” ผู้ชายสูงใหญ่ตอบรับเสียงสูง หมุนตัวออกไป

ชั่วขณะนั้นกวนเยว่เพิ่งทำหน้าโมโหเดือดดาล “พวกแกเป็น ใครกัน กลัานในเขตอิทธิพลของฉัน?”

แต่หลังเขาพุ่งออกจากห้องส่วนตัว กลับตาค้างไปถึงที่สุด

ทั้งระเบียงทางเดินแน่นขนัดไปด้วยคนทั้งหมด ทุกคนล้วนใส่ เครื่องแบบอย่างเดียวกัน ประเด็นคือแต่ละคนมีกล้ามเนื้อทั่วทั้ง ตัว ภายใต้การสั่งการของผู้ชายสูงใหญ่คนเมื่อสักครู่นั้น พุ่ง เข้าไปในห้องส่วนตัวต่างๆ

ฟางเยวรีบร้อนพุ่งออกไปเช่นกัน หลังมองเห็นสถานการณ์ ด้านนอก หล่อนตกใจจนขาทั้งคู่อ่อนแรง กันกระแทกลงบนพื้น อย่างคาดไม่ถึง ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หยางเฉินส่งสายไปแวบหนึ่ง หม่าชาวรีบเดินเข้าไปทันที จับ ผม ของฟางเยว่ไว้ลากร่างกายของหล่อนเข้าในห้องส่วนตัว แบบที่อๆ

ฟางเยว่เจ็บจนส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมา แต่ทว่ากลับไม่มีใคร สงสารหล่อนสักคน

“ในเมื่อเขาไม่พูด งั้นเธอบอกฉันมา เสียวเสี้ยวอยู่ที่ไหนกัน แน่?” หยางเฉินมองฟางเยวที่ใต้เท้าจากบนลงล่าง

ฟางเยวสั่นเทาไปทั้งตัว รีบพูดว่า “พี่เขย ฉันเพียงแค่รับผิด ชอบพาเสี้ยวเสี้ยวมาที่นี่ แต่สรุปว่าเสี้ยวเสี้ยวถูกพาตัวไปที่ไหน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณไปถามคุณชายเฟิง เขารู้ เสี้ยวเสี้ยวเป็นเขาทีจัดการ

“เมื่อกี้เธอก็เห็นจุดจบของคนพวกนี้แล้วน์ ในเมื่อเธอไม่พูด งั้นอย่ามาโทษว่าฉันใจร้ายอำมหิต

หยางเงินยื่นมือไป พวกอันธพาลที่ถูกท่าตาบอดบนพื้นพวก นั้น ถือโอกาสคว้าขวดเหล้าขวดหนึ่งขึ้น เสียงดัง “ปัง” ทุบจนเกิด ปากแหว่งคมกริบ ลงมือไปยังฟางเยวสักหน่อย

“พี่เขย อย่า ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเสี้ยวเสี้ยวอยู่ที่ไหน ขอร้องคุณล่ะ อย่าเลย หวังว่าคุณจะเห็นแก่พี่สาวของฉัน ปล่อยฉันไปสักครั้ง หนึ่ง ฉันไม่กล้าทําอีกแล้ว พี่เขยไม่เอา”

เห็นหยางเงินถือขวดแก้วครึ่งหนึ่งไว้ ระยะห่างจากดวงตาของ ตนเองนับวันก็ยิ่งใกล้ ฟางเยวอ้อนวอนเสียงดังขึ้นมา เป้า กางเกง นขึ้นมากะทันหัน กลิ่นสาบปัสสาวะที่เข้มข้นลอยมา

“พี่สาว? สัตว์เดียรัจฉานอย่างเธอ คู่ควรเรียกหล่อนว่าพี่สาว เสี้ยวเลี้ยวเพียงแค่อายุสี่ขวบ เธอทําใจหลอกออกมาได้ยังไง กัน?”

ชั่วขณะนั้นหยางเงินโมโหเดือดดาล ตบไปบนหน้าของฟาง เยวที่หนึ่ง พูดแบบโมโห “เธอรู้มั้ย? ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ฉัน ทําให้เธอหายจากโลกใบนี้ไปตั้งนานแล้ว แต่ว่าเธอล่ะ? ทำผิด ยังไม่รู้จักปรับปรุง แต่ดันหันไปคนละทิศละทาง เธอบอกฉันมา ครั้งนี้ ยังจะให้ฉันปล่อยเธอไปได้ยังไง?

“พี่เขย ฉันมันไม่ใช่คน เป็นสัตว์เดียรัจฉาน ต่อไปไม่กล้าทำ อีกแล้ว ไม่ว่ายังไงฉันก็ถือว่าเป็นน้าของเสี้ยวเลี้ยว ขอร้องคุณเห็นแก่เสี้ยวเลี้ยวเถอะนะ ให้โอกาสสุดท้ายกับฉันอีกสักครั้ง ฉัน ไม่เป็นปฏิปักษ์กับคุณแน่นอน” ฟางเยวรู้สึกถึงแรงอาฆาตแค้นที่ หยางเงินมีต่อหล่อน คุกเข่าลงขอร้องอย่างเจ็บปวดที่ใต้เท้าของ หยางเฉิน ทั่วทั้งตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง

ฉันย์ที่โกรธแค้นสุดๆ อยู่ก่อนหน้า กับฟางเยวที่หนึ่งจนล้ม ลงพื้น ตอนที่พาตัวเลี้ยวเลี้ยวไป ทำไมถึงไม่คิดหน่อยว่าเธอก็ เป็นน้าของหล่อนเหมือนกัน!

ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ!”

ฉันตบบนหน้าของฟางเยาวๆ ชุดหนึ่ง อ่อนเปลี้ยเพลียแรง จนเสียงแหบ แทบจะตะคอกออกไปอย่างคลุ้มคลั่ง “รีบบอกมา พวกแกเอาเสี้ยวเลี้ยวไปซ่อนไว้ที่ไหน?”

ฟางเยวี่ยังคงส่ายหน้าต่อไป ร้องไห้ตะโกนบอก “ฉันไม่รู้จริงๆ ไม่รู้เลย! เสี้ยว เห็นแก่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ไว้ชีวิตฉันไป เถอะ!”

ฉันเข้าใจ มาถึงขั้นนี้แล้ว ฟางเยวี่ยังยืนยันหนักแน่นว่า ตนเองไม่รู้ นั่นคือคำพูดจริงแท้ ชั่วขณะนั้นอ่อนแรงนั่งลงที่พื้น หน้าตาหมดหวัง

หยางเฉินจ้องมองฟางเยวจากด้านบนลงมา “จุดอ่อนของผู้มี อำนาจ ใครแตะต้องคนนั้นย่อมวอนหาที่ตาย! ฉันเคยให้อภัย เธอมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ เธอกล้าลงมือกับเสี้ยวเสี้ยว การ อภัยคือความตายเพียงอย่างเดียว

“พี่เฉิน หามาทั้งหอเหล้าแสงพระจันทร์แล้ว ยังหาคนไม่เจอเลยครับ”

ในเวลานี้ ผู้ชายสูงใหญ่ที่เป็นหัวหน้าเดินเข้ามาในห้องส่วน ตัว รายงานต่อหยางเฉิน จากนั้นมองกวนเวเฟิงที่อาการมึนงง อย่างดูถูก “พี่เฉิน ถ้าไม่อย่างนั้นไปตามหาที่ตระกูลกวนดู

หยางเฉินส่ายหน้า “นายพาผู้หญิงคนนี้ไป ให้หล่อนหายไป

จากโลกใบนี้เลยเถอะ!”

“ครับ พี่เฉิน!” ผู้ชายสูงใหญ่พยักหน้า โบกมือ ชายสอง คนพุ่งเข้ามา จากฟางเยวไป

“พี่เขย ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ…….” ไม่นานเสียงของฟางเยวก็ หายลับไปถึงที่สุด

ผู้ชายสูงใหญ่พาคนออกไปแล้ว ในห้องส่วนตัวเหลือเพียง

หยางเฉิน ฉัน ยังมีหม่าชาวและกวนเสเพิ่งที่อยู่ในสภาพ

สะลึมสะลือ

เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นด้านที่แข็งแกร่งเผด็จการเช่นนี้ของ หยางเฉิน หัวใจเต้นแรงไม่หยุด

เธอรู้ ต่อไปคงไม่เห็นฟางเยวอีกแล้ว แต่เธอกลับไม่ได้เห็นใจ และสงสารสักนิดเดียว

“เสี่ยว เงินปารอเธออยู่ที่ด้านนอก เขาจะส่งเธอกลับบ้านไป ก่อน” หยางเฉินพูดขึ้นทันใด

“พี่เขย งั้นพี่ล่ะ?” ฉันทำหน้าเป็นกังวล
ในดาหยางเงินมีแสงแหลมคมแวบาน มองทางกวน เชิง “ยังหาเลี้ยวเลี้ยวไม่เจอ ฉันต้องหาต่อไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ