The king of War

บทที่ 341 ตระกูลเพิ่งเชื้อเชิญ



บทที่ 341 ตระกูลเพิ่งเชื้อเชิญ

ในใจเมิ่งหงเดีใจแทบบ้า เขาเพียงแค่ลองดูสักหน่อย นึกไม่ ถึงว่าง่ายดายขนาดนี้ก็สำเร็จแล้ว

ในเมื่อหวงจงยินยอมเลือกใช้วิธีการที่เขาเสนอ งั้นเรื่องที่ตระ กูลเมิ่งควบคุมแต่ละตระกูลใหญ่ของเจียงผึ้งแทนตระกูลหวงนี้

โดยพื้นฐานคงเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว

“ขอบคุณครับท่านจง! ขอบคุณครับท่านจง!!

เพิ่งหงเยรีบกล่าวขอบคุณ

หวงจงท่าทางดูเหมือนคนอายุห้าสิบกว่าๆ ส่วนเมิ่งหงเย่ก็อายุ เจ็ดสิบปีแล้ว กลับเอาแต่เรียกว่าท่านจง

ลักษณะท่าทางที่เขาเห็นด้วยอย่างเคารพ ความจริงน่าขบขัน

อยู่บ้าง

เวลานี้ หยางเฉินกลับมาถึงที่ยอดเมฆาแล้ว

เมื่อคืนนี้พึ่งรับปากเสี้ยวเสี้ยวไปว่าวันนี้จะพาเธอไปดิสนีย์ ย่อมไม่สามารถผิดคำพูดได้

เพราะเที่ยวบินของอ้ายหลินเช้าเหลือเกิน รอให้หยางเฉินส่ง อ้ายหลินเสร็จ ตอนกลับมาถึงบ้าน สองแม่ลูกก็พึ่งลุกจากที่นอน

ฉินซีสวมชุดนอนสีชมพูตัวหนึ่ง กำลังช่วยเสี้ยวเสี้ยวจัดการ

ทรงผม
ภายในห้องยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มลาเวนเด อร์อ่อนๆ อยู่

หยางเฉินฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ วาดเส้นรัศมีวงกลมที่สุขใจขึ้น

นี่ต่างหากที่เป็นชีวิตที่เขาปรารถนา มีห้องที่กว้างใหญ่ และยัง มีชีวิตที่เรียบง่ายอีก

“คุณกําลังคิดอะไรอยู่?

เห็นหยางเฉินยืนอยู่ด้านข้างคนเดียว ยิ้มค้างอยู่ ฉันถาม แบบตลกอยู่บ้าง

“ผมกำลังคิดว่าเมื่อไรจะมีน้องชายให้เสียวเสี้ยวล่ะ?”

หยางเฉินหลุดปากพูดออกมา “ลูกสาวลูกชายครบสองคน ครอบครัวสมบูรณ์แบบ นี่ถึงจะเป็นการเดินไปถึงจุดสูงสุดของ ชีวิตคนเรา”

“หนูอยากได้น้องชาย! หนูอยากได้น้องชายค่ะ!”

ทันใดนั้นเสี้ยวเสียวร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น หันศีรษะไปทาง ฉินซี หน้าเต็มไปด้วยการรอคอย

“อย่าขยับมั่ว ผมเปียของหนูยังถักไม่เสร็จเลย!”

ฉินซีดุเสี้ยวเสี้ยวเบาๆ และถลึงตาใส่หยางเฉินที่หนึ่ง พูด อย่างอารมณ์เสีย “ลูกสาวก็สี่ขวบกว่าแล้ว ยังทำตัวไม่เหมาะสม อีก!”

หยางเฉินหัวเราะหึๆ เดินมาตรงหน้าของเสี้ยวเสี้ยว ยิ้มถามว่า”เสียวเสียวก็อยากได้น้องชายมาเป็นเพื่อน ใช่หรือเปล่า?” “เสียวเสียวอยากได้น้องชายค่ะ! อยากได้น้องชายหลายๆ คน เลย!”

แต่ละครั้งที่พูดถึงน้องชาย เสี้ยวเสียวดูอีกเพิ่มขึ้นมาก มอง ทางฉิน ด้วยท่าทางรอคอย พูดอ้อนวอน “หม่าม้าคะ หม่าม้ามี น้องชายให้หนูสักคนนะคะ ได้หรือเปล่าคะ?”

เลี้ยวเลี้ยวกำลังอยากหันหน้ามา กลับถูกฉินซีดให้ “ถ้าหัน หน้ามาอีก ก็ให้ปะป้าหนูหวีผมให้หนูเลยนะ!”

พอได้ยิน เสี้ยวเสี้ยวหยุดพูดแบบไม่ได้รับความเป็นธรรมทันที ไม่กล้าพูดว่าอยากได้น้องชายอีก

บนหน้ายังมีความกังวลระดับหนึ่ง มองหยางเฉินด้วยความ ระแวงแล้ว

หยางเฉินทําหน้าหัวเราะอย่างขมขื่น

ก่อนหน้านี้ หยางเฉินเคยถักเปีย ให้เลี้ยวเสี้ยว เจ็บจนเสี้ยว เสี้ยวร้องไห้ไปตั้งนาน

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เสี้ยวเสี้ยวจึงไม่ให้หยางเฉินแตะต้องผม ของหล่อนอีก

หลังจากแต่งหน้าทําผมเสร็จก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว รอให้ สองแม่ลูกแต่งตัวกันอย่างตั้งใจเสร็จก็ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ตอนที่ออกเดินทางกัน ช่วงเช้าได้ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว
หยางเฉินไม่ได้รีบร้อน แต่ทว่าดื่มกับช่วงเวลาแบบนี้อย่าง

มาก

เล่นสนุกมาที่ดิสนีย์มาทั้งวันแล้ว ตอนที่ทานข้าวเย็นข้างนอก กลับเข้ามา ท้องฟ้าจึงดำมืดลงมาไปหมดแล้ว

“ปะป๊ะ พรุ่งนี้พวกเราไปสวนสัตว์อีกได้หรือเปล่าคะ?

เสี้ยวเสี้ยวยังเที่ยวไม่เต็มอิ่ม หน้าน้อยๆ แดงขึ้น พูดด้วย

ความตื่นเต้น

หยางเฉินกำลังอยากจะตอบ ก็ได้ยินฉันพูดว่า “ไม่ได้! พรุ่งนี้ ยังต้องพาหนูไปคลาสงานอดิเรกเรียนภาษาอังกฤษ!

“หม่าม้า……….

เสี้ยวเลี้ยวได้ยินคลาสงานอดิเรก ชั่วขณะนั้นทำหน้าน้อยใจ

ฉันพูดด้วยท่าทางเข้มงวด “คลาสเต้น ในวันนี้ก็ไม่ได้ไปแล้ว คลาสเรียนภาษาอังกฤษวันพรุ่งนี้จำเป็นต้องไป

“ปะป๊าคะ เสี้ยวเลี้ยวไม่อยากเรียนภาษาอังกฤษ”

เสี้ยวเสี้ยวฉลาดมาก รู้ว่าหม่าม้าจะไม่เห็นด้วย จึงรีบขอร้อง ให้หยางเฉินช่วยทันที

หยางเฉินหัวเราะแล้ว “เสี้ยวเสี้ยวเป็นเด็กดี ต้องเชื่อฟังหม่า ม้านะ”

หยางเฉินเป็นห่วงเสี้ยวเสียวมาก เด็กขนาดนี้ต้องเข้าร่วม คลาสเต้นและคลาสภาษาอังกฤษ
แต่เขาก็เข้าใจ ตอนที่แม่สอนลูก ถึงแม้ว่าพ่อไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ไม่สามารถพูดต่อหน้าของลูกได้

ถ้าคัดค้านแม่ต่อหน้าลูกไป จะทำให้เด็กคิดว่ามีคนสนับสนุน ตนเองอยู่ด้านหลัง จะไม่ยอมทบทวนความผิดของตนเอง แต่ ทว่ายิ่งกำเริบเสืบสานกว่าเดิม

พอเป็นแบบนี้ ผู้เป็นแม่จะสูญเสียความน่าเชื่อถือในใจของลูก

“เชอะ!”

เสี้ยวเลี้ยวเบ้ปากน้อยๆ หน้าตาดูไม่พอใจเต็มที่ เห็นได้ชัดว่า โกรธหยางเฉินเช่นกัน

“เสี้ยวเสี้ยว หนูเป็นเด็กที่รู้มารยาทที่สุด และรู้ภาษาเชื่อฟัง ด้วย จะทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะไม่ ชอบเอาได้”

น้ำเสียงของฉินซีอ่อนโยนลงมามาก จับมือน้อยของเสียวเสี้ยว ไว้ พูดแบบหน้าตาจริงจัง “รอหนูหยุดพักแล้ว ปะป๊ากับหม่าม้าจะ ต้องพาหนูไปเที่ยวแน่นอน ดีหรือเปล่า?”

เสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ภาษา หลังฉินซีปลอบโยนไม่กี่ ประโยค หล่อนก็สำนึกนึกความผิดของตนเองได้ทันที

“ปะป๋า หม่าม้า ขอโทษค่ะ เสี้ยวเลี้ยวผิดไปแล้ว พรุ่งนี้เสี้ยว เสี้ยวจะไปคลาสงานอดิเรกเรียนภาษาอังกฤษค่ะ” เสี้ยวเสี้ยว ยอมรับผิดด้วยตนเอง
“หม่าม้าบอกแล้วว่าเสี้ยวเสี้ยวเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ภาษา

ที่สุด”

ฉันพูดอยู่ หอมไปบนแก้มน้อยอมชมพูดอวบอิ่มของเสี้ยว เสี้ยวทีหนึ่ง

ระหว่างที่พูดคุย สามคนพ่อแม่ลูกก็มาถึงบ้านแล้ว ฉันทําอาหารเย็นไว้เรียบร้อย รอให้สามคนพ่อแม่ลูกกลับมา

เสี้ยวเสี้ยวนั่งอยู่ด้านข้างของฉันต้าหย่ง เล่าสิ่งที่เธอได้เห็น ได้ยินที่ดิสนีย์อย่างสนุกสนาน

ตลอดเวลานั้น ภายในห้องยังมีเสียงหัวเราะที่มีความสุข ระเบิดออกมาไม่ขาดสาย

เสี้ยวเลี้ยวเหมือนบุคคลที่ทำให้คนอื่นมีความสุขได้ ทำให้

บรรยากาศบรรลุถึงจุดสุดยอดในชั่วพริบตาเดียว

ก่อนหน้านี้ เรื่องของโจวยทำให้คนทั้งครอบครัวได้รับ ความเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะก่อนที่หล่อนถูกจับไป เปิดโปง สถานะของฉินซีทั้งหมด

หลายวันมานี้ ฉันเอาแต่ทำงานหนักมาตลอด พยายาม ปกปิดความเศร้าภายในใจ

วันนี้ไปสวนสนุก กลับทำให้เธออารมณ์เบิกบานมากขึ้น หลังทานข้าวเย็นเสร็จ ฉินซีและฉินยีไปเก็บกวาดห้องครัวเสี้ยวเลี้ยวนั่งดูการ์ตูน ในอ้อมอกของหยางเฉิน

ฉันต้าหย่งก็นั่งอยู่ด้านข้าง พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับหยางเฉิน

ไป

“ใช่แล้ว วันนี้มีคนมาที่บ้าน มาส่งบัตรเชิญชุดหนึ่ง

ฉินต้าหย่งชี้ไปยังบัตรเชิญที่งดงามชุดหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะกาแฟ เอ่ยปากพูดขึ้น

พอได้ยิน หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาแบบไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ยอดเมฆาเป็นสถานที่ส่วนตัวของเขา นอกจากครอบครัวของ พวกเขาแล้ว ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้ามาได้

อีกฝ่ายสามารถนําบัตรเชิญเข้ามาส่งได้ เห็นได้ชัดว่าหลบ เลี่ยงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ทางเข้ามา

หยางเฉินหยิบบัตรเชิญขึ้นมาดูแล้ว ในสายตามีแสงคมกริบ

นิดๆ แวบผ่าน “ตระกูลเมิ่ง?”

นี่คือบัตรเชิญที่ส่งมาในนามของตระกูลเมิ่ง บอกว่าอีกสองวัน จะจัดประชุมแลกเปลี่ยนงานหนึ่งที่เมืองเอก

“หยางเฉิน มีอะไรไม่ปกติเหรอ?” ฉินต้าหย่งถามอย่างสงสัย

หยางเฉินหัวเราะนิดหน่อย ส่ายหน้าแล้ว “มะรืนนี้ที่เมืองเอกมี ประชุมแลกเปลี่ยนธุรกิจงานหนึ่งครับ ตระกูลและกิจการสำคัญ แต่ละเมืองของมณฑลเจียงผิงจะเข้าร่วมทั้งหมด

พอฉินต้าหย่งได้ยิน หัวเราะแล้วบอกว่า “ด้วยสถานะของลูกในตอนนี้ มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนธุรกิจในครั้งนี้จริงๆ “อ่อ? ฟังจากที่พ่อพูด พ่อรู้จักการประชุมแลกเปลี่ยน หยางเฉินถามขึ้น

ฉันต้าหย่งพยักหน้า “นี่คือการประชุมแลกเปลี่ยนของตระกูล และกิจการชั้นนำของมณฑลเจียงผึ้ง ทุกสามปีจัดขึ้นหนึ่งครั้ง แต่ละครั้งปล่อยให้ตระกูลชั้นนำตระกูลหนึ่งจัดการหมด

“พูดให้เข้าใจก็คือการประชุมที่เหล่าเจ้านายใหญ่แต่ละเมือง ของมณฑลเจียงผิงมานั่งด้วยกัน และแสดง กล้ามเนื้อของตัว เองออกมา”

ทั้งยังเอาความสามารถโดยรวมของแต่ละอิทธิพลใหญ่ มา กําหนดกรอบผลประโยชน์ของแต่ละคนด้วย ในการประชุมแลก เปลี่ยนธุรกิจเจียงผิงแต่ละครั้ง ต่างมีอิทธิพลบางส่วนเด่นขึ้น และก็มีอิทธิพลบางส่วนหายไป

“สามารถพูดได้ว่าเป็นการจัดระบบใหม่อีกครั้งของอิทธิพล แต่ละเมืองในมณฑลเจียงผิง”

ฉันต้าหย่งบอกทุกอย่างที่รู้มาให้หยางเฉินรู้หมดแล้ว

พอได้ยิน หยางเฉินขมวดคิ้วแล้ว สองคนที่โดดเด่นสุดในรุ่น สองและรุ่นสามของตระกูลเพิ่งล้วนตายไปเพราะเขา

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คาดไม่ถึงตระกูลเพิ่งยังส่งบัตรเชิญ มาให้เขาอีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ