The king of War

บทที่ 398 คุยเรื่องฉินซี



บทที่ 398 คุยเรื่องฉินซี

หยางเฉินมองเห็นอยู่ในสายตา เป็นห่วงอยู่ในใจ แต่รู้ว่าฉัน หวังดีต่อเสี้ยวเสี้ยว จึงถือโอกาสหันหน้าหนี ไม่ไปมองสายตาที่ เต็มไปด้วยการอ้อนวอนของเสียวเสียว

ดีว่าที่นี่คือสวนสนุก หลังจากเล่นกิจกรรมบันเทิงไม่กี่อย่าง บน ใบหน้าน้อยๆ ของเสียวเสี้ยวจึงมีรอยยิ้มที่สนุกสนานกลับคืนมา

หนึ่งวันเต็มๆ สามคนพ่อแม่ลูกอยู่แต่ในสวนสนุกเมืองเจียง

โจว ทั่วทุกที่ล้วนมีแต่เสียงพูดคุยหัวเราะของสามคนพ่อแม่ลูก

วันต่อมา หลังหยางเฉินไปส่งลูกสาวกับภรรยาที่โรงเรียน อนุบาลและบริษัทเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปยังเขียนเฉินกรุ๊ป

หลังจากที่ประชุมแลกเปลี่ยนวันนั้นสิ้นสุดลง เยี่ยนเงินกรุ๊ป

สาขาเจียงโจว สถานการณ์การเติบโตพุ่งขึ้นรวดเร็วอย่างยิ่ง

ภายในหนึ่งอาทิตย์สั้นๆ บริษัทได้รับการร่วมงานนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเป็นแต่ละตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นตนเองของมณฑล เจียงผิง เสนอการร่วมงานมาให้เองถึงที่

สำหรับเรื่องนี้ หยางเฉินไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ถ้าสาขาที่ เมืองเจียงโจวและสาขาใหญ่กำหนดเส้นแบ่งกันชัดเจน หากว่า กันตามสถานการณ์แบบนี้ต่อไป ใช้เวลาอีกไม่นาน สาขาที่เมือง เจียงโจวคงสามารถกลายเป็นเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอีกแห่งหนึ่งได้

ส่วนฉินยี ตั้งแต่กลับมาถึงเมืองเจียงโจววันนั้น ก็กลายเป็นคนบ้างาน ทำงานจนดึกดื่นไม่รู้วันรู้คืน ถึงสามารถกลับบ้านได้

“เสี่ยว ถ้ายุ่งเกินไป ก็หาผู้ช่วยฝีมือดีสักคนหนึ่งมาช่วยแบ่ง เบาภาระงานของเธอสักหน่อยสิ”

หยางเฉินพูดแบบเป็นห่วงอยู่บ้าง

ฉิน ตอบอย่างจําใจ “ฉันก็อยากเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีตัว เลือกที่เหมาะสมน่ะสิ! จะว่าไป สำหรับพี่แล้ว เยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั้นมี ความหมายพิเศษ แบ่งภารกิจไปให้คนอื่นทำ ฉันก็ไม่วางใจ ด้วย!

ได้ยินคำพูดของฉันเข้า ในใจหยางเฉินเต็มไปด้วยความ รู้สึกซาบซึ้ง

ในความคิดของเขา เขียนเฉินกรุ๊ปเป็นความทรงจำเพียงหนึ่ง เดียวที่มารดาทิ้งไว้ให้เขาบนโลกใบนี้ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็อยาก ทําให้บริษัทกลายเป็นกิจการชั้นนำให้ได้

“เสี่ยว ขอบใจเธอนะ!” หยางเฉินพูดด้วยท่าทางซาบซึ้งใจ

ฉันหัวเราะอย่างซุกซน กะพริบตาให้แล้ว พูดอย่างยิ้มกริ่ม “พี่อย่าลืมซะล่ะ ที่เคยรับปากฉันไว้ เรื่องที่จะไปสวนสนุกเป็น เพื่อนฉัน”

“ไม่ลืมแน่นอน รอเธอมีเวลาว่าง ฉันไปเป็นเพื่อนได้ทุกเวลา!”

หยางเฉินยิ้มบอกไป

“ได้ งั้นรอฉันทำงานช่วงนี้ให้เสร็จ จะขูดรีดให้หนักสักมื้อ ฉันจะให้พี่เลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ฉัน กินจนล้มละลายไปเลย!” ฉินยีจงใจทำท่าทางโอหัง หัวเราะพลางพูดขึ้นมา

“ฮ่าๆ เชิญเธอกินตามสบาย กินไปทั้งชาติ ก็ไม่เป็นไร” หยางเฉินหัวเราะยกใหญ่

อยู่ที่บริษัทมาสักพักหนึ่ง หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์ ในช่วงนี้ของบริษัทพอประมาณแล้ว หยางเฉินก็หมุนตัวออกมา

เขาพึ่งเดินลงมาถึงชั้นล่าง มีชายรูปร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดสูท

คนหนึ่งเดินมาตรงหน้า ทันใดนั้นขวางทางเขาเอาไว้

“คุณนายของพวกเราขอเชิญ!” ชายสูงใหญ่ชุดสูทพูดด้วยเสียงทุ้ม

หยางเฉินขมวดคิ้วแล้ว “อยากเจอฉัน ให้เธอมาหาเอง!!

พูดจบ หยางเฉินก็ออกไปทันที ไม่เห็นคุณนายที่ฝ่ายตรงข้าม พูดถึงอยู่ในสายตาสักนิดเดียว

เจียงผิงในปัจจุบันนี้ จะมีใครที่ไหนกล้าเรียกว่าคุณนายต่อ หน้าตนเองอีก?

“ไอ้หนุ่มก้าวร้าวไปแล้ว! นายรู้หรือเปล่าว่าคุณนายของพวก

ฉันคือใคร? กล้าให้เธอมาเจอนาย?”

ชายสูงใหญ่สวมชุดสูทพูดตะโกนอย่างดุดัน ขยับเท้าออกมา ขวางด้านหน้าหยางเฉินอีกครั้งหนึ่ง

หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้น จากบนตัวของชายสูงใหญ่สวมชุดสูท เขารู้สึกได้ถึงอำนาจคุกคามที่ยิ่งใหญ่ส่วนหนึ่ง
และไม่ได้หมายความว่าความสามารถของฝ่ายตรงข้ามจะ แกร่งกว่าตนเอง แต่หลังจากที่เขาออกมาจากชายแดนเหนือ น เป็นครั้งแรกที่เจอยอดฝีมือที่กลิ่นอายเข้มแข็งเช่นนี้อยู่ข้างนอก

ต่อให้เป็นเฉียนเปียว ก็คงไม่ใช่คู่แข่งของชายสูงใหญ่ตรง หน้าคนนี้เด็ดขาด

คนที่สามารถให้ผู้แข็งแกร่งระดับนี้คุ้มครองได้ ต้องเป็นบุคคล ร่ำรวยและสูงส่งมาก

สายตาของหยางเฉินมองทางรถตู้เบนซ์ธรรมดาคนหนึ่งที่อยู่ ด้านหลังชายสูงใหญ่ไม่ไกลนัก กระจกสีดำมองไม่เห็นสภาพด้าน ในรถ

“คุณนายของพวกแก เป็นใคร?”

หยางเฉินเก็บสายตากลับ มองทางชายสูงใหญ่ชุดสูทแล้ว สอบถาม น

“คุณนายสกุลเย่ มาจากเมืองเยี่ยนตู

ในสายตาของชายสูงใหญ่ชุดสูท เต็มไปด้วยความเคารพ นับถือ จากนั้นพูดว่า “เธอมาหานาย อยากพูดคุยเรื่องของฉินซี!”

เดิมทีหยางเฉินเพียงแค่ตกใจ ผู้หญิงที่สามารถทำให้ชายสูง ใหญ่ชุดสูทผู้แข็งแกร่งระดับนี้มาเป็นบอดี้การ์ดได้ สรุปว่าวิเศษวิ โสมาจากไหน

และตอนที่ชายสูงใหญ่ชุดสูทบอกเขาว่าผู้หญิงคนนั้นอยากมา หาเขาเพื่อพูดคุยเรื่องฉินซี สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
มาจากเมืองเยี่ยนตู สกุลเย่ และครอบครองบอดี้การ์ดที่เป็น ชายสูงใหญ่ชุดสูทบอดี้แบบนี้ สถานะย่อมเป็นที่รู้จัก

หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ตระกูลเย่!

โดยเฉพาะสิ่งที่แน่ใจได้คือสถานะของผู้หญิงคนนั้น อยู่ในตระ กูลเย่ ต้องไม่เด็ดขาด

ภายใต้การนําทางของชายสูงใหญ่ชุดสูท หยางเฉินมาถึงหน้า

รถตู้เบนซ์แล้ว

หลังจากเปิดประตูรถออก เห็นเพียงหญิงสูงศักดิ์สง่างามที่ สวมชุดกี่เพ้าคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่ในรถ

“คุณนายครับ พาคนมาแล้วครับ!!

ชายสูงใหญ่ใส่สูทพยักหน้าเล็กน้อยพูดขึ้น

“นายคือสามีของฉัน หยางเฉิน?” หญิงสูงศักดิ์มองทางหยาง เฉินด้วยท่าทางเคร่งขรึมแล้วถามขึ้น

หยางเฉินยักคิ้วเล็กน้อย ท่าทีมองจากบนลงล่างของผู้หญิงคน นี้ อีกทั้งยังมีสายตาที่เหยียดหยามด้วย ทำให้เขาไม่พอใจอย่าง มาก

คําถามของอีกฝ่ายมีความหมายลึกซึ้งมากเช่นกัน เห็นได้ ชัดเจนว่าพุ่งเป้ามาที่ฉินซี

“คุณคือคนของตระกูลเย่ แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู?”

หยางเฉินถามกลับไป
ในสายตาของหญิงสูงศักดิ์ประกายความเย็นชาแวบหนึ่ง พูดจาเมินเฉย “ขึ้นรถ!”

ถึงแม้ว่าท่าทีของอีกฝ่ายจะทำให้หยางเงินไม่พอใจอย่างมาก แต่เรื่องที่พัวพันถึงฉินซี เขายังไม่กล้าประมาทสักนิดเดียว ขึ้นรถ ไปแบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ในห้องโดยสารที่กว้างขวางสบาย มีเพียงหญิงสูงศักดิ์และ หยางเฉินสองคนเท่านั้น แม้แต่บอดี้การ์ดใส่สูทคนนั้น ยังไม่มี สิทธิ์ขึ้นรถมา

“พูดเถอะ มาหาผมมีธุระอะไร?” หยางเฉินถามอย่างตรงไป

ตรงมา

หญิงสูงศักดิ์ไม่พูดอะไร ตั้งแต่หยางเฉินขึ้นรถเป็นต้นมา ดวง ตาจ้องอยู่ที่เขามาโดยตลอด

ตั้งแต่แรกจนจบ พินิจพิเคราะห์เขารอบหนึ่ง จากนั้นถึงเอ่ย ปากทันใด “นึกไม่ถึงจริงๆ สิบแปดปีก่อน พวกถูกทอดทิ้งที่โดน ตระกูลอวี่เหวินไล่ออกมาจากตระกูล จะโตมาขนาดนี้แล้ว!”

พอได้ยิน ในใจหยางเฉันรู้สึกตกใจนิดๆ อยู่บ้าง

ตอนที่หญิงสูงศักดิ์มองทางตนเอง สายตาซับซ้อนมาก เหมือน กำลังมองศัตรูคนหนึ่งอย่างนั้น

“คุณรู้จักคุณแม่ของผม?” หยางเฉินถาม

สัญชาตญาณบอกเขาว่า ผู้หญิงคนนี้รู้จักกันกับมารดาของ ตนเอง
“หยางเสวีเยี่ยน ผู้หญิงความสามารถโดดเด่นชื่อเสียงสะ เทือนเมืองเยี่ยนตูในตอนนั้น อาศัยแค่กำลังของตัวเองคนเดียว สร้างเยี่ยนเงินกรุ๊ปขึ้นมา

“ตอนนั้น คุณชายตระกูลใหญ่เกือบครึ่งเมืองเยี่ยนตู ล้วนชอบ ผู้หญิงคนนี้”

ที่น่าเสียดายคือ เธอสถานะต่ำต้อย ไม่มีตระกูลใหญ่สักแห่ง

เดียวยินยอมรับเธอ”

“ต่อมา เธอกับอวี่เหวินเกาหยางหลงรักกัน ท้องก่อนแต่ง เป็นกระแสฮือฮาขึ้นมาที่เมืองเยี่ยน

“ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว คนที่ยิ่งโดดเด่น ยิ่งไม่มีทางหลบ เลี่ยงข่าวลือได้”

“มีคนปล่อยข่าวลือ บอกว่าลูกในท้องของเธอ เดิมที่ไม่ใช่ลูก

ของอวี้เหวินเกาหยาง เรื่องนี้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองเยี่ยน

“เพราะเหตุนี้ ตระกูลอวี้เหวินจึงไม่ยอมรับหยางเสวีเยี่ยนมา โดยตลอด ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ที่เธอตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตระ กูลอวี้เหวินอยู่ ยิ่งจะไม่ให้เธออยู่ที่เมืองเยี่ยนนานขนาดนั้น เลย”

“จนกระทั่งสิบแปดปีก่อน เธอกับนายถูกไล่ออกจากเมือง เยี่ยนตูมาด้วยกัน และโดนตั้งเงื่อนไขว่าพวกนายห้ามเข้าไป เมืองเยี่ยนตูอีกสักก้าวเดียวไปตลอดกาล!”

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลอวี่เหวิน ในตอนนั้น หญิงสูงศักดิ์รู้แจ่มแจ้งมาก นำทุกสิ่งที่ตนเองรู้ พูดออกมาทั้งหมดแล้ว

หยางเฉินตอนได้ยินอวี่เหวินเกาหยางซื่อ ความรู้สึกหนาว เหน็บที่รุนแรงส่วนหนึ่งระเบิดออกจากภายในร่างกายเขาในชั่ว ขณะนั้น

อวี่เหวินเกาหยาง ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลอวี่เหวิน หนึ่งใน แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู และเป็นบิดาของหยางเฉิน

เมื่อสิบแปดปีก่อน คือผู้ชายคนนี้ ไล่เขาและมารดาออกมา จากเมืองเยี่ยนตู

ตอนที่หญิงสูงศักดิ์มองดวงตาแดงเลือดของหยางเฉิน อดสั่น ไปทั่วตัวไปไม่ได้ ชั่วขณะนี้ เธอมีความรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้าม ตนเองคือสัตว์ป่า แต่ไม่ใช่มนุษย์


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ