The king of War

บทที่ 79 ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร



บทที่ 79 ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

จินยืมองหยางเฉินอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง บนหน้าเต็มไปด้วย ความกังวล

แต่เพื่อไม่ให้หยางเงินเสียสมาธิ เธอจึงเลือกที่จะออกไปแบบ เชื่อฟัง

หลังจากจิน ออกไปแล้ว ในห้องส่วนตัวเหลือเพียงแค่สามคน

ในสายตากวนเวเฟิงค่อยๆ มีอารมณ์ความรู้สึกระดับหนึ่ง เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้สะกดเขาไว้อย่างแท้จริงแล้ว เขาเป็นหนึ่ง ในสี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจว คนของตระกูลกวน ใครกล้าล่วง เกินเขา ล้วนมีเพียงโทษตายสถานเดียว

“บอกฉันมา เสี้ยวเสี้ยวอยู่ที่ไหน? แล้วฉันจะปล่อยแกไป เป็น ยังไง?” หยางเฉินนั่งอยู่บนโซฟา มองทางกวนเสาเพิ่งด้วย หน้าตานิ่งสงบ

กวนเสวีเพิ่งฟื้นกลับมาสู่ท่าทางที่จอมปลอมและมั่นใจในตัว เองแบบนั้นอีกครั้ง เขาเดินมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับหยาง เงิน พิงบนโซฟาอย่างสบายๆ

เขายิ้มกริ่มจ้องหยางเฉินอยู่ “ที่จริง ฉันไม่คิดจะทำอะไรกับ ลูกสาวของแกเลยจริงๆ เพียงแค่ฟางเยวนั่งแพศยาคนนั้นอยาก จะล่อแกมาแก้แค้นที่นี่ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้ว

“แกอยากจะเอายังไง?
หยางเงินไม่ได้เป็นกังวลต่อความปลอดภัยของเสี้ยวเลี้ยว โดยเฉพาะบบคอของเลี้ยวเลี้ยวห้อยสร้อยหินที่เขาให้ได้ชิ้นหนึ่ง หินก้อนนั้น เคยต้านทานการโจมตีถึงจุดเป็นจุดตายที่เข้ามาหา เขานับครั้งไม่ถ้วนไว้ได้

ภายใต้การคุ้มครองของหินก้อนนั้น เจียงโจวเล็กๆ จะมีใคร สามารถทําร้ายเธอได้?

เพียงแค่เป็นห่วงเสี้ยวเสี้ยวจะถูกขังเอาไว้คนเดียว จะทำให้ เธอตกใจเอาได้

“เดิมทีฉันคิดจะหลอกฉันเข้ามาก่อน จากนั้นนอนกับหล่อน สำหรับแก ฉันไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรกับแก รวมทั้งลูกสาวของแก ฉันไม่คิดจะเอายังไง”

กวนเสวีเฟิงพูดจาเรียบนิ่ง “ที่จริงแค่อยากทำตามความ ต้องการของฟางเยว่ ให้แกร้อนรนอยู่ช่วงหนึ่งไปก่อน จากนั้นถึง บอกให้แกมารับเด็กไป ถือโอกาสสั่งสอนแกสักยกหนึ่ง แต่พอดี ว่าแกทําให้ฉันเห็นด้านที่แข็งแกร่งของแกเข้าแล้ว

“แกว่าถ้าในเวลานี้ฉันคืนลูกสาวแก่ให้แกไปจริงๆ แกยังจะ ปล่อยฉันไปเหรอ? ถ้าฉันเดาไม่ผิด ฟางเยวคงตายไปแล้วสินะ?”

ท่าทางที่สงบของกวนเวเฟิง ทำให้หยางเฉินมีลางสังหรณ์ที่ ไม่ดีบางอย่าง คนประเภทนี้ถึงจะเป็นพวกน่ากลัวที่สุด ไม่ว่าเรื่อง อะไรก็สามารถทำได้ทั้งนั้น

“ฟางเยวต่างหากที่เป็นตัวการก่อกรรมทำเข็ญ แกแค่ทำตาม สิ่งที่หล่อนบอก ระหว่างพวกเราไม่ได้มีบุญคุณความแค้นอะไรต่อกัน ขอเพียงแกปล่อยลูกสาวฉัน ฉันรับรองว่าจะไม่แตะต้องแก แม้แต่ปลายขน” หยางเฉินพูดจาแบบท่าทางจริงจัง

และไม่ใช่ว่าเขาหลอกลวง แต่คิดแบบนี้จริงๆ สำหรับเขานั้น ลูกสาวสำคัญยิ่งกว่า กวนเสวีเฟิงคนบ้าพรรค์นี้ ถึงแม้ว่าเขาไม่ กลัว กลับไม่ยอมไปหาเรื่อง และความวุ่นวายด้วย

แต่กวนเวเฟิงกลับไม่เชื่อคำพูดของเขา ทำหน้าเยาะเย้ย “แก แค่พูดมาคำเดียวก็ทำลูกน้องคนของฉันตาบอดได้ แค่คำเดียว ก็ตัดสินความเป็นความตายของฟางเยว่ได้ แกคิดว่าฉันยังเชื่อ แกได้เหรอ?”

“งั้นแกคงเอาแต่ซ่อนลูกสาวฉันเอาไว้ข้างตัวไม่ได้ตลอดมั้ง?

หยางเฉินหัวเราะแล้ว “มาสร้างมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรูนะ แกปล่อยลูกสาวฉันมา ฉันไว้ชีวิตแกไป บุญคุณความแค้นจบกัน ตรงนี้ ไม่ดีเหรอ?”

กวนเสบู่เฟิงส่ายหน้า “แกวางใจได้ ฉันจะจัดคนดูแลลูกสาว แกเป็นอย่างดี ตอนนี้หล่อนเป็นผู้คุ้มครองของฉัน ฉันย่อมไม่ ทำให้หล่อนเป็นอะไรแน่ รอเมื่อไรฉันสามารถรับประกันความ ปลอดภัยของตัวเองได้ ถึงจะปล่อยลูกสาวแกไป

หยางเฉินหรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันสามารถสงบจิตสงบ ใจนั่งคุยกับแกที่นี่ได้ ถือว่ามอบความจริงใจมากพอแล้ว แก กลับทำแบบนี้ หรือว่าไม่กลัวฉันโมโหหุนหันฆ่าแกตายเหรอ?”

“ฉันกวนเวเฟิงทําเรื่องอะไร แต่ไหนแต่ไรระวังรอบคอบมาก ฉันเชื่อว่าแกสามารถฆ่าฉันตายได้อย่างง่ายดาย แต่แกลองดูก็ได้ ฆ่าฉันให้ตาย แกก็อย่าคิดจะได้เจอลูกสาวแกตลอดไป บน หน้ากวนเสวีเฟิงไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย รอยยิ้มที่ดูได้ใจ มาก

หม่าชาวที่อยู่ด้านข้างทนดูไม่ไหวตั้งนานแล้ว รีบลุกยืนขึ้นมา สักหน่อย “พี่เฉิน มันกำลังวอนหาที่ตาย คนแบบนี้ ทำไมต้องมา เสียเวลาพูดไร้สาระกับมันด้วย ฆ่าทิ้งไปเลย ผมไม่เชื่อ ด้วย ความสามารถของพี่ ยังจะหาเสี้ยวเลี้ยวไม่เจอ?”

หยางเงินยื่นมือห้ามหมาชาวเอาไว้ สายตาจ้องมองไปยังการ เวเฟิง โดยตรง จากการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปของเขา หยางเฉันก็เข้าใจ คนประเภทนี้บ้าคลั่งมาก

จัดการเขาให้ตายช่างง่ายดาย แต่คงหาเสี้ยวเสียวได้ยาก ถ้าสามารถหาลูกสาวเจอได้ง่ายขนาดนั้น หยางเงินคงไม่มา พูดไร้สาระกับพวกต่ำต้อยมากขนาดนี้หรอก

คนของเขากำลังค้นหาเสี้ยวเสียวอยู่ แต่จนถึงตอนนี้ ยังค้นหา ได้เพียงว่าเสี้ยวเสี้ยวถูกฟางเยวพามาที่หอเหล้าแสงพระจันทร์ จากนั้นก็หายไปจากที่นี่แล้ว

หยางเฉันสงสัยมากเช่นกัน แต่ความเป็นจริงคือเช่นนี้ ค้นหา มาทั้งหอเหล้าแสงพระจันทร์แล้ว ยังหาคนไม่เจออีก

นี่คือสาเหตุที่กวนเวเฟิงไม่วิตกเกรงกลัวแต่อย่างใด

“ตั้งแต่เมื่อกี้ที่แกเอาคนออกมาได้มากขนาดนั้น ฉันรู้ว่าแกเริ่ม ตามหาลูกสาวแกตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่มีเบาะแสใดๆ ดังนั้นถึงไม่กล้าทําอะไรฉัน ไม่อย่างนั้นจุดจบของฉันคงเหมือนกับฟาง เยว” กวนเสเพิ่งหัวเราะไปพูดไป

ลั่นแกจะเอายังไงถึงจะมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัย หยาง เงินดาม

“ไม่เป็นแกตาย ก็เป็นฉันอยู่ที่เมืองนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”

กวนเสเพิ่งยิ้มอย่างรุ่งโรจน์ “ต่อไปนี้ แกจะเจอกับการแก้ แค้นที่บ้าคลั่งที่สุดของฉัน รอฉันใช้ฝีมือได้เต็มที่ ถ้าแกยังมีชีวิต รอดได้ งั้นฉันคงได้แต่เลือกที่จะหนีไป ก่อนจากไป ฉันจะคืน ลูกสาวแกไปให้”

เขาไม่ปกปิดแรงอาฆาตแค้นร้ายแรงต่อหยางเฉินสักนิดเดียว กลับทำให้หยางเฉันมองเขาต่างจากเดิมพอสมควร คนที่กล้า แสดงความคิดอาฆาตต่อตนเองโจ่งแจ้งแบบนี้ ยังเป็นเขาคน แรก

“เอาล่ะ แกไม่ต้องมาพูดจาเล่นลิ้นกับฉันตรงนี้ ที่ควรพูดฉันก็ พูดไปหมดแล้ว”

กวนเวเฟิงลุกขึ้นทันใด หัวเราะพลางพูดไป ไม่อย่างนั้นแก ฆ่าฉันเลยในตอนนี้ งั้นแกก็อย่าคิดจะได้เจอลูกสาวของแกไป ตลอดกาล ไม่อย่างนั้นแกก็เผชิญกับการแก้แค้นของฉัน ฆ่าแก ไม่ได้ ฉันไปจากเมืองนี้ ลูกสาวของแกจะคืนไปให้แก

พูดประโยคนี้จบ เขาก็อยากจะออกไป

หมาขาวก้าวเท้าออกมา ปิดทางหนีของกวนเสเพิ่งไว้แล้ว
“หยางเจิน นี่แกตัดสินใจจะฆ่าฉันแล้วเหรอ?” กวนเวเฟิง สีหน้าปกติ ไม่ได้มีความหวาดวิตกแต่อย่างใด

หยางเฉินยกมุมปากขึ้นเบาๆ “ในเมื่อแกอยากเล่น งั้นฉันจะ เล่นเป็นเพื่อน แต่ฉันเตือนแกไว้ อย่าทำให้ลูกสาวฉันได้รับความ ลำบากใจแม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างนั้นรอลูกสาวฉันกลับมาอยู่ข้าง กายฉันเมื่อไร ต่อให้ตามหาสุดหล้าฟ้าเขียว ฉันจะหาแกให้เจอ จากนั้นบดขยี้แกให้สิ้นซากด้วยมือตัวเอง

“วางใจได้เลย ถึงแม้เป็นกติกาเกมที่ฉันตั้งขึ้น ย่อมไม่โกงเอง เป็นธรรมดา นอกจากที่ลูกสาวแกไม่เจอพ่อกับแม่ ทุกอย่างจะไม่ เปลี่ยนแปลง กวนเสวีเฟิงยิ้มกริ่มพูดไป

“ปล่อยเขาไป!” หยางเฉินพูดสั่งการ

“พี่เฉิน พี่เชื่อคำพูดของมันเหรอ?” หม่าชาวทำหน้าไม่พอใจ “ฉันให้นายถอยไป!” หยางเฉินขมวดคิ้ว ทําเสียงดังใส่

ถึงแม้หม่าชาวจะไม่ยอมอย่างไร คงขัดขืนคำสั่งของหยางเฉิน ไม่ได้ เขาทำได้เพียงเลือกที่จะถอยออก

กวนเวเฟิงมองหม่าชาวแบบหยอกเย้าแวบหนึ่ง ออกไปอย่าง

สง่างามมาก

“พี่เฉิน พี่เชื่อคำพูดของมันได้อย่างไรกัน? ปล่อยมันไปแล้ว เสี้ยวเลี้ยวจะทำยังไงล่ะ?” หม่าชาวพูดอย่างโมโห

หยางเฉินส่งเสียงหัวเราะเยาะ “เส้นสายที่ควรใช้ก็ใช้มาหมด แล้ว ทีที่ควรหาก็ไปมาหมดแล้ว ก็ยังหาไม่เจอ ฉันจะทำยังไงได้อีก? ยังฆ่ามันได้อีกเหรอ? ถ้าฆ่าตายจริง แล้วยังหาเลี้ยวเลี้ยวไม่ เจอ ควรทำยังไงอีก

ระหว่างที่พูด เขาหัวเราะเหยียดหยาม ส่งสัญญาณทางสายตา แล้ว

หม่าชาวมองไปตามสายตาของหยางเฉิน พบว่าตรงใต้โต๊ะ

กาแฟ คาดไม่ถึงว่ามีเครื่องดักฟังตัวหนึ่ง เขาถึงได้เข้าใจขึ้นมากะทันหัน หยางเฉินจงใจปล่อยเขาออก

ไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ