The king of War

บทที่ 432 มีอะไรก็ว่ามา



บทที่ 432 มีอะไรก็ว่ามา

หยางเฉินหัวเราะเย็น “ผมเป็นแค่ “ไอ้คนจน มีสิทธิ์อะไรรู้จัก กับคุณหนูทั้งสองเหรอครับ?”

ก่อนหน้านี้พวกเธอทั้งสองเอาแต่พูดว่าเขายากจน หากไม่เห็น แก่หน้าหวังหย่ง หยางเฉินก็ตบปากไปแล้ว

“พี่หย่ง พี่รีบแนะนำพวกเรากับคุณหยางเร็วสิ!” หลัวหยวน หยวนกอดแขนหวังหย่ง พูดจาออดอ้อน

“ไสหัวไปเลย!”

ดวงตาหวังหย่งแดง พูดเสียงกร้าว “เธอมันหญิงแพศยา รู้ ว่าฉันชอบเธอก็เลยจงใจใช้ค่ารักษาน้องสาวฉันมาข่มขู่ฉัน ให้ ฉันเป็นโลกบังให้เธอเหมือนหมาตัวหนึ่ง ตอนนี้พอรู้ว่าฉันมี เพื่อนเป็นคนใหญ่คนโตแล้วก็มาหย่งๆ เหรอ?”

“เมื่อก่อนมัวทำอะไรอยู่? ไปให้พ้น! ไปให้หมด! ต่อไปฉันกับ เธอไม่เกี่ยวข้องกันอีก!!

หวังหย่งตะคอกราวกับระบายความอึดอัดที่ได้รับมาตลอดใน อดีต

หลัวหยวนหยวนกับสกุลหน้าเปลี่ยนสีทันที ขณะจะพูดต่อ จู่ๆ หยางเฉินก็เอ่ยขึ้น “ถ้าพวกคุณยังไม่ไปอีก ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะ ให้พวกคุณหายไปจากโลกนี้!”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วใบหน้าหญิงสาวก็ถอดสีไหนเลยจะกล้า ตอแยอีก จากไปราวกับการเผ่นหนี

“หวังเสงี่ยไม่สบายเหรอ?”

หลังจากหญิงสาวทั้งสองจากไปแล้ว หยางเฉินก็มองหวังหย่ง ที่ตาแดงพลางถาม

หวังเสวี่ยเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหวังหย่ง ตอนที่ยังเรียนอยู่

หยางเฉินยังเคยพบเจอ เธอเป็นสาวน้อยที่ขี้อายมาก

หวังหย่งไม่ปิดบัง บอกเล่าจุดประสงค์ที่เขามาหาหยางเดินอ อกไป

ที่แท้หวังเสวี่ยก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องการเงิน จํานวนหนึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลนี่เอง แต่ครอบครัวหวังหย่ง เป็นคนพื้นๆ แบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว

และหลัวหยวนหยวนที่เขาชอบก็เป็นเลสเบี้ยน ชอบผู้หญิง เธอรับปากให้หวังหย่งยืนเงินก้อนหนึ่ง โดยที่หวังหย่งต้อง เล่นเป็นแฟนหนุ่มของเธอ

แต่ผ่านมานานเงินที่หลัวหยวนหยวนรับปากว่าจะให้ยืมก็ไม่ ให้สักที หาข้ออ้างอยู่ร่ำไป

“หยางเฉิน ถือว่าฉันขอร้องล่ะ ให้ฉันยืมห้าแสนได้ไหม? ฉัน ต้องคืนนายแน่!”

ว่าแล้วหวังหย่งก็คุกเข่าแทบเท้าหยางเฉิน พูดด้วยน้ำตาคลอ
“นายทําอะไรน่ะ?!”

หยางเฉินรีบฉุดอีกฝ่ายลุกขึ้น พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หวังเสวี่ย

เป็นน้องสาวนาย ก็เหมือนกับน้องสาวฉันนั่นแหละ ตอนนี้เธอไม่ สบาย ฉันก็ยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้อยู่แล้ว!” เมื่อได้ยินดังนั้นหวังหย่งก็ดีใจยกใหญ่ รีบพูด “ขอบใจนะ

ขอบใจมาก!”

หยางเฉินสะท้อนใจและจนใจประมาณหนึ่ง

เขาก็บอกแล้วว่าเขายังเป็นเขาเหมือนแต่ก่อน แต่พอหวังหย่ง เห็นความเกรียงไกรของเขากับตาตัวเองแล้ว แล้วจะให้ข้ามเส้น คั่นกลางระหว่างพวกเขาได้อย่างไร?

หยางเฉินไปโรงพยาบาลกับหวังหย่ง เยี่ยมหวังเสวี่ยที่ ผ่ายผอมอยู่บนเตียง รู้สึกทุกข์ใจมาก

ตอนที่ยังเรียนอยู่พี่น้องคู่นี้ช่วยเหลือตนไว้มาก หากไม่ได้พวก เขา หยางเฉินจะเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายแบบสบายใจได้ หรือไม่ก็ยังไม่รู้

หลังจากหยางเฉินออกจากโรงพยาบาลแล้วก็กลับบริษัท

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ สำหรับเยียนเฉินกรุ๊ปแล้วก็เป็นโอกาส อันดีที่จะขยายกิจการออกไป

แต่งานบางอย่างเขาต้องจัดการด้วยตนเอง

ดังนั้นหยางเฉินจึงยุ่งงวดจนถึงเวลาเลิกงานแล้วถึงจะออกจากบริษัท

ขณะที่เขาเดินออกจากประตูบริษัท ก็เห็นรถเบนซ์ชั้นธุรกิจสี

คันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน รถคันนี้เขาเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว เป็นรถของเยม่าน แม่

ของจินซี

“หยางเฉิน!”

เย่ม่านลงรถมามองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนแล้วพูด “คิด ไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเธอจะเป็นราชาเจียงผึ้ง หลอกฉันได้นะ!”

หยางเฉินย่อมรู้อยู่แล้วว่าเม่านหมายความว่าอะไร

“หลอกคุณ?”

หยางเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา “ผมไม่เคยพูดว่าผมเป็นใคร ทั้งหมดเป็นเพราะความทะนงตัว เอาตนเป็นที่ตั้งของคุณเองที่ไม่ เห็นผมอยู่ในสายตา

เย่ม่านตะลึงค้าง จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความขื่นขม “ใช่สิ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง!”

ว่าแล้วเธอก็ทำหน้าขมึง มองหยางเฉินแล้วพูดต่อ “แต่ไม่ว่า ยังไง ทุกสิ่งที่ฉันทำก็เพื่อลูกสาวฉันทั้งนั้น!

“นั่นเป็นคำพูดไร้สาระไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องพูดอีก มี เรื่องอะไรกับผมก็พูดมาเถอะครับ!”

หยางเฉินพูดตัดบท เขาไม่คิดว่าเท่านจะมาหาเขาเพื่อต้องการพูดจาไร้สาระอยู่แล้ว

เม่านมองหยางเฉินนิ่งๆ สีหน้าท่าทางยโส

“ที่ฉันมาเจียงโจวครั้งนี้ก็เพราะภารกิจ ทันใดนั้นเขม่านก็ เอ่ยขึ้น

หยางเฉินรู้อยู่แล้วว่าภารกิจที่เธอพูดถึงนั้นคืออะไร ตอนที่เม่านเพิ่งมาถึงเจียงโจวก็เอาแต่ออกตามหาราชาเจียง ผิง เพียงแต่ไม่มีใครยอมบอกว่าหยางเฉินก็คือราชาเจียงผึ้ง เท่านั้น

งานต่อสู้วันนี้หยางเฉินเป็นผู้คว้าชัยในที่สุด ไม่เพียงแต่ได้ ครอบครองเจียงตั้งอยู่ในกำมือ แม้แต่หนันหยังเองก็เช่นกัน

ด้วยตำแหน่งของเขา เหล่าตระกูลใหญ่ในเมืองเขียนย่อมไม่ อาจมองข้ามตัวตนของเขา

เมื่อเห็นหยางเฉินนิ่ง เย่ม่านก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วว่าต่อ “ตระกูลเย่คิดจะเกี่ยวดองกับเธอ”

“ในเมื่อเธอเป็นสามีของลูกสาวฉัน งั้นก็ถือเป็นลูกเขยของฉัน ด้วย ดังนั้นตั้งแต่วันนี้ เธอจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่”

“อีกไม่กี่วันตระกูลเย่จะส่งคนมาเจียงโจว ถึงตอนนี้เธอต้องให้ ความร่วมมือด้วย!”

ท่าทีเย่ม่านหยิ่งยโสมาก ถึงจะรู้ฐานะของหยางเฉินในตอนนี้ แล้ว แต่น้ำเสียงก็ยังส่อเสียดอยู่มาก
นี่เป็นเพราะภาพฝังใจ ในตอนแรก ตอนที่เท่านได้พบกับ หยางเฉิน เธอก็คิดว่าหยางเฉินไม่คู่ควรกับฉัน ดังนั้นจึงดูแคลน หยางเฉินมาตลอด

ถึงแม้ตอนนี้จะรู้ฐานะของหยางเฉินแล้ว ทว่าฐานะหยางเฉิน ในใจของเธอก็ยังไม่เปลี่ยน

บางทีหาเปลี่ยนราชาเจียงสิ่งที่เธอเสาะหามาตลอดเป็นอีก คนหนึ่ง เธอยังอาจปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาท ถ่อมตนมากกว่านี้ “คุณพูดจบแล้วใช่ไหม?”

หยางเฉินรอเย่ม่านพูดจบแล้วจึงถามกลับไปแบบลอยๆ

เย่ม่านขมวดคิ้วขุ่นเคือง หรือว่าเธอไม่คิดจะทำอะไรสัก หน่อย?”

“ทําอะไร?”

หยางเฉินหัวเราะเสียด “คุณรู้ไหมว่าท่าทางสูงส่งของคุณน่ะ”

“คิดว่าคุณเป็นแม่แท้ๆ ของฉันแล้วจะวางอำนาจต่อหน้าผม ได้จริงเหรอ?”

“เสี่ยวซีเกิดมายี่สิบกว่าปี คุณเคยทำหน้าที่แม่สักวันไหม?” “ตอนนี้พอเห็นเธอมีประโยชน์ใช้งานได้แล้วก็มาหาเหรอ?

ถือดียังไง?!”

“ถ้าผมเดาไม่ผิด ก่อนหน้านี้ที่คุณจะให้ผมไปจากเสี่ยวให้ได้ ก็เพราะอยากแนะนำเธอกับราชาเจียงสิ่งที่หามาตลอดละสิ?”
นอกจากสายเลือด คุณเคยให้อะไรเสี่ยวบ้าง?

หยางเงินอารมณ์เดือด ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียงดัง

คําพูดของเขาเป็นดั่งมืดแหลม แทงลึกเข้ากลางใจเม่าน การไต่ถาม หัวใจเป็นพรวนทำให้จิตวิญญาณเข่ม่านต้อง สะท้าน

กระทั่งตอนนี้เธอถึงคิดได้ว่าที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่นั้นเป็น

ใคร

คนหนุ่มที่แม้แต่ยอดฝีมือลำดับเก้าของสมาคมบูโดยัง สามารถฆ่าได้อย่างง่ายดาย คนเช่นนี้หรือจะกลัวเธอ?

แต่เมื่อนึกถึงว่าฉันเป็นลูกสาวที่เธออุ้มท้องมาสิบเดือนถึงจะ คลอด และหยางเฉินก็เป็นแค่สามีของฉันแล้ว ความเกรงกลัว ในใจก็ลดไปมาก

“ฉันเป็นคนให้ชีวิตของฉัน ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์เป็นแม่ของ

เธอ?”

“ตอนแรกที่ฉันอยากแยกเธอกับฉัน ก็เพราะอยากให้เธอได้ อยู่กับราชาเจียงผิง นี่ไม่ใช่ว่าหวังดีกับเธอหรอกเหรอ?!”

“ถ้าตอนแรกเธอบอกฉันว่าเธอก็คือราชาเจียงผิง แล้วฉันจะ ขัดขวางพวกเธอไหม?”

“อีกอย่าง ถึงยังไงเธอก็คือราชาเจียงผิง งั้นสิ่งที่ฉันทำทั้งหมด ก็ไม่ใช่เพื่อให้ฉินซีได้อยู่กับเธอเหรอ?”
เปม่านแก้ต่างตาคอเป็นเอ็น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ