The king of War

บทที่ 275 เข้าใกล้ความจริง



บทที่ 275 เข้าใกล้ความจริง

“ภรรยาของหูฉาวมีชื่อว่าจ่ายจวน เป็นคนนอกพื้นที่ จ่ายจวน มีญาติห่างๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านเหลียง วันที่เกิดเรื่องกับพ่อตาคุณ ผู้หญิงคนนั้นก็ไปซ่อนตัวอยู่ที่หมู่บ้านเหลียงครับ”

กวนเจิ้งซานพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “พอผมได้ข้อมูลของ เธอ ผมก็รายงานให้คุณทราบทันทีเลยครับ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไม เธอถึงไปซ่อนตัวอยู่ที่หมู่บ้านนั้น ผมยังไม่ทันได้ตรวจสอบเลย ครับ”

กวนเจิ้งซานค่อนข้างเป็นกังวล เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อตา ของหยางเฉินก็ได้ผ่านมาตั้งห้าวันแล้ว แต่เขากลับสืบรู้แค่ว่าฉ่า ยจวนอยู่ที่ไหนเท่านั้น

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “โอเค ผมเข้าใจแล้ว!”

วันก่อนที่เขาโมโหใส่กวนเจิ้งซานก็เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น กับฉันต้าหย่ง ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงได้ระบายความ โกรธ ใส่กวนเจิ้งซาน

พอกวนเจิ้งซานเห็นว่าหยางเฉินไม่ได้โมโห เขาถึงได้รู้สึกโล่ง อกทันที

หมู่บ้านเหลียงนั้นอยู่ค่อนข้างไกล ต้องใช้เวลากว่าหนึ่ง ชั่วโมงเต็มถึงเดินทางไปถึง

รถถูกขับไปจอดอยู่ที่ลานหน้าบ้านของครอบครัวชาวนาหลังหนึ่ง ประตูหน้าบ้านสีแดง ภายในลานบ้านคือบ้านที่ก่อขึ้นจาก อิฐเป็นแถว

พวกของหยาวเฉินยังไม่ทันได้เข้าไปที่ลานบ้าน หมาที่อยู่ข้าง

ในก็ส่งเสียงเห่าออกมาแล้ว “คุณหยางครับ ช่วงที่ผ่านมา จ่ายจวนก็พักอยู่ที่นี่แหละครับ”

กวนเจิ้งซานพูดขึ้น

“พวกคุณเป็นใคร?”

ทันทีที่หยางเฉินกับกวนเจิ้งซานเดินเข้ามาในลานหน้าบ้าน กองหินที่ซ้อนกันอยู่ตรงข้างๆ ก็มีชายแก่ผิวเข้มคนหนึ่งนั่งอยู่ ใน ปากยังคาบกระบอกสูบยาเส้นเอาไว้ด้วย และถามด้วยสำเนียง พื้นเมืองที่เด่นชัด

“พวกเรามาหาฉ่ายจวนครับ!”

กวนเจิ้งซานตอบ

“ฉ่ายจวนคือใคร? ฉันไม่รู้จัก!

พอชายแต่ได้ยินว่าจะมาหาฉ่ายจวน แววตาของเขาก็ดู กระวนกระวายขึ้นมา แต่ก็พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด

กวนเจิ้งซานเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดออกไปอย่างไม่ชอบใจว่า “คุณ ชื่อหลี่โหย่วใช่มั้ย จ่ายจวนคือหลานสาวที่เป็นญาติห่างๆ ของ คุณ ถ้าไม่เป็นเพราะรู้ว่าฉ่ายจวนอยู่ที่นี่ ผมก็ไม่มาหรอก!”

“ฉันบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีไง! ที่นี่มันบ้านของฉัน! แล้วคุณยังคิดจะบุกเข้าไปอีกเหรอ?”

พอได้ยินคำพูดของกวนเจิ้งซาน ชายแก่ก็โมโหขึ้นมาทันที ถือ กระบอกสูบยาเส้นเดินมาตรงหน้าของกวนเจิ้งซาน ยื่นมือออก มาเพื่อที่จะผลักกวนเจิ้งซานออกไป

“ไอ้แก่! ถ้ากล้าทำอะไรฉันก็ลองดู!!

กวนเจิ้งซานก็โกรธแล้วเหมือนกัน เขาที่เป็นถึงผู้นำตระกูล ของหนึ่งในสี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจว ในที่แบบนี้ ยังมีคนกล้า ลงมือกับเขาอีก

บอดี้การ์ดของกวนเจิ้งซานรีบก้าวมาข้างหน้า และเตรียมที่จะ สั่งสอนชายแก่

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

หยางเฉินจําหนิออกมาเสียงดัง

“ท่านผู้เฒ่า ที่เรามาหาฉ่ายจวนนั้นเพราะเรามีธุระกับเธอ รบกวนคุณช่วยเรียกเธอออกมาหน่อยนะครับ เราแค่พูดคุยกับ เธอไม่กี่ค่า จากนั้นเราก็จะไปทันที!

หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หยิบกระเป๋าตังออกมา แล้วล้วงเอาแบงก์สีแดงปีกใหญ่ที่อยู่ด้านในออกมาทั้งหมดจาก นั้นก็ยื่นมันให้ชายแก่พร้อมกับพูดไปว่า “ท่านผู้เฒ่า นี่ถือเป็นค่า บุหรี่ที่เป็นการแสดงความเคารพต่อคุณแล้วกันนะครับ”

ชายแก่เหล่ตามองเงินที่หยางเฉินยื่นมาให้ ดูแล้วน่าจะมีสัก สามสี่พันเห็นจะได้
เขารับเงินไปอย่างไม่ลังเล แล้วเหล่ตามองกวนเจิ้งซานที่หนึ่ง “ดูสิพ่อหนุ่มเขามีมารยาทขนาดไหน?

กวนเจิ้งซาน โกรธหน้าแดง ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินอยู่ด้วย เขาจะปล่อยให้ตาแก่นี้มีโอกาสได้ทำตัวโอหังแบบนี้ได้ยังไง?

“เข้ามาสิ!”

ชายแก่มองไปยังเมอร์เซเดส เบนซ์ จี คลาสที่จอดอยู่ข้างทาง แล้วหันมามองการแต่งตัวของกวนเจิ้งซาน โดยมีบอดี้การ์ด ติดตามมาด้วย เขารู้ดีว่า เรื่องที่จ่ายจวนอยู่ที่นี่นั้นคงปิดไว้ไม่ได้ แล้ว

“ฉ่ายจวน!”

ชายแก่ได้พาทั้งสองไปที่ลานหลังบ้าน แล้วตะโกนไปยังบ้าน อิฐด้วยเสียงที่ดังลั่น

“คุณน้า มีอะไรคะ!”

ทันใดนั้น ก็ได้มีหญิงวัยกลางคนที่ใส่ผ้ากันเปื้อนไว้เดินออก มาจากห้องที่อยู่ด้านใน ในมือยังมีแป้งติดอยู่ ดูแล้วน่าจะกำลัง นวดแป้งอยู่

“พวกเขามาหาแกนะ!” ชายแกชี้ไปที่พวกหยางเฉิน จากนั้นก็

พูดออกมา

เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของฉายจวนนั้นดูร้อนรนปรากฏขึ้น เธอ มองพวกหยางเฉินด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ ติดขัดว่า “พะ พวกคุณเป็นใคร? ฉันไม่รู้จักพวกคุณสักหน่อย จะมาหาฉันทําไม?”

หยางเฉินเดินมาข้างหน้า มองหน้าฉ่ายจวนแล้วพูดไปว่า “นี่พี่ สาว คุณไม่ต้องกลัวไปนะครับ ที่เรามาหาคุณนั้น ก็แค่ต้องการ มาสืบหาข้อมูลอะไรบางอย่างจากคุณเท่านั้น ขอแค่คุณยอมให้ ความร่วมมือ แบบเดียวก็หมดเรื่องแล้วครับ” หยางเฉินนั้นไม่มี ทางคิดว่า ผู้หญิงที่พอเห็นพวกเขาแล้วพูดจาตะกุกตะกักนั้นจะมี ส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของฉันต้าหย่งจริงๆ

“พวกคุณไม่ต้องมาถามฉัน ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!

จ่ายจวนหันหลังแล้วจะจากไปทันที

แต่พอเธอจะเดินเข้าห้อง บอดี้การ์ดของกวนเจิ้งซานก็เข้ามา ขวางไว้ทันที

“นี่พวกคุณคิดจะทำอะไร?”

จ่ายจวนทำหน้าหวาดกลัว มือทั้งสองข้างก็เริ่มสั่นแล้ว

“เรายังไม่ได้ถามอะไรคุณเลย คุณก็บอกว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ดู ท่า คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเราต้องการถามคุณเรื่องอะไร

กวนเจิ้งซานพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ

ฉ่ายจวนถูกหยางเฉินกับกวนเจิ้งซานและบอดี้การ์ดล้อมอยู่ ตรงกลาง จนเธอรู้สึกร้อนรนไปหมดแล้ว

ทันใดนั้นเอง ชายแก่ที่พาพวกหยางเฉินเข้ามานั้นก็ได้พูดออก มาว่า “นี่ฉ่ายจวน ในเมื่อพวกเขามาหาถึงที่แล้ว แกก็บอกเรื่องที่แกรู้ให้พวกเขาไปเถอะ!

ชายแก่นั้นรู้ดี ว่า ในหมู่บ้านเหลียงนั้น ไม่มีกล้องเลยสักตัว

จ่ายจวนก็มาซ่อนตัวถึงที่นี่แล้ว แต่พวกหยางเฉินก็ยังตามหาจน เจอ งั้นก็แสดงว่าพวกหยางเฉินนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ พอได้ยินคำพูดของชายแก่ จ่ายจวนกลับใจเย็นขึ้นมาก แต่

สีหน้ายังคงขัดขืนอยู่

กวนเจิ้งซานกำลังจะเร่งเธอ แต่ก็ถูกหยางเฉินส่งสายตาห้าม เอาไว้ก่อน

ผ่านไปพักใหญ่ จ่ายจวนถึงได้พูดด้วยดวงตาที่แดงว่า “พวกคุณเข้ามาข้างในเถอะค่ะ!”

หยางเฉินกับกวนเจิ้งซานเข้าไปในห้อง แล้วเห็นเตียงเหล็กที่

ขึ้นสนิมเตียงหนึ่ง

บนเตียงมีเด็กผู้หญิงที่หัวโล้นนอนอยู่ ดูแล้วอายุน่าจะ ประมาณเจ็ดแปดขวบ

เด็กสาวนั้นผอมมาก เมื่อเห็นคนแปลกหน้าเข้ามา เธอก็แสดง สีหน้าที่หวาดกลัวออกมา

“หนุนหนัน รีบทักทายเร็ว!” ฉ่ายจวนพูดกับเด็กสาว

เด็กสาวถึงได้มองหน้ากวนเจิ้งซานอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วพูด ออกมาว่า “สวัสดีค่ะคุณปู่

จากนั้นก็มองไปที่หยางเฉิน “คุณอาสวัสดีค่ะ!”
“สวัสดี!”

หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

พูดจบ เขาถึงมองไปที่กวนเจิ้งซาน “คุณมีเงินสดมั้ย?”

“มีครับ!”

กวนเจิ้งซานหยิบกระเป๋าตังออกมา หยิบเงินสดทั้งหมดที่อยู่ ด้านในออกมา ดูจากความหนาแล้ว น่าจะประมาณสองพัน

หยางเฉินยื่นเงินสดให้เด็กสาว แล้วพูดด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน ว่า “หนุนหนัน ที่คุณอามา ก็ไม่ได้เอาของขวัญอะไรติดมือมาด้วย เงินก้อนนี้ ให้แม่ของหนูพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ นะ”

หนันหนันรีบปฏิเสธออกมาทันที “ของคุณมาค่ะคุณอา แต่เงิน ของคุณอา หนุนหนันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”

ไม่รู้ทำไม พอหยางเฉินได้เจอเด็กสาวคนนี้แล้ว หัวใจก็เกิด

รู้สึกเมื่อยล้าขึ้นมาทันที

เขาจึงรีบพูดไปว่า “นี่คือน้ำใจจากคุณอา รีบรับไว้ซะ ถ้าหนูไม่ รับมันไว้ คุณอาจะโกรธเอานะ”

หนุนหนันแอบมองฉ่ายจวนที่หนึ่ง พอเห็นฉ่ายจวนพยักหน้า เธอถึงได้รับเงินมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ขอบคุณค่ะคุณอา!” ทันที ที่พูดจบ เลือดกันเดาของหนุนหนันก็ได้ไหลออกมา

จ่ายจวนทําหน้าแตกตื่น ดวงตาแดงก่ำ และรีบหยิบกระดาษ มาเช็ดเลือด ให้หนุนหนัน
กวนเจิ้งซานสีหน้าเคร่งขรึม แล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า “เหมือน จะเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาวนะครับ!”

ทันทีที่หยางเดินเข้ามาในห้องก็สัมผัสได้แล้วว่าร่างหายของ หนุนหนันนั้นอ่อนแอมาก สีหน้าซีดเซียว สภาพโดยรวมเห็นแล้ว ก็เหมือนคนป่วยไม่มีผิด

“พวกคุณมาเพราะเรื่องของสามีฉันใช่มั้ยคะ?”

หลังจากที่ทำความสะอาดคราบเลือด ให้หนุนหนันเสร็จ จ่าย จวนก็นั่งลงข้างๆ แล้วถมหยางเฉินด้วยดวงตาที่แดง

หยางเฉินพยักหน้า “สามีของคุณขับรถไปชนพ่อตาของผมเข้า ตอนนี้เขายังนอนอยู่ในโรงพยาบาล หมอบอกว่า มีความเป็นไป ได้สูงที่เขาต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา และไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้ อีกแล้ว”

เมื่อฟังหยางเฉินพูดจบ จ่ายจวนก็ทำหน้าร้อนรน

“ตูบ!”

เธอคุกเข่าลงต่อหน้าหยางเฉิน แล้วพูดไปร้องไห้ไปว่า “ขอโทษค่ะ ขอโทษ ฉันไม่มีปัญญาชดใช้ค่ารักษาให้พวกคุณได้ หรอกค่ะ ซด ใช้ไม่ไหวจริงๆ!!

“ลูกสาวของฉันเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว หมอบอกว่า ถ้ายัง ไม่รีบทําการรักษา เธอก็ไม่มีทางรอดแล้ว”

“ถ้าไม่ถูกบีบจนหมดทางเลือก สามีของฉันก็ไม่มีทางทำเรื่อง แบบนั้นแน่นอน”
“มีคนจ่ายให้เขามาห้าแสน บอกให้ชนคนคนหนึ่งให้ตาย เพื่อ ช่วยหนุนหนันแล้ว เขาถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้นไปขอโทษนะคะ ต้องขอโทษจริงๆ!”

“ฉันห้ามเขาตั้งแต่แรกแล้ว บอกให้เขาอย่าทําเรื่องที่มันผิด แบบนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง!”

“เขายังบอกอีกว่า ยังไงตัวเองก็เป็นมะเร็งแล้ว เวลาที่เหลือก็ ไม่มาก ใช้ชีวิตของตัวเองไปแลกค่ารักษาของหนุนหนันดีกว่า”

“ขอโทษค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ สามีของฉันได้เอาเงินห้าแสนที่ ได้มาไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาให้หนุนหนันแล้ว ฉันจึงชดใช้ ค่ารักษาพยาบาลของพ่อตาคุณไม่ไหวจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ