The king of War

บทที่ 62 อย่ามาเข้าใกล้



บทที่ 62 อย่ามาเข้าใกล้

ฉันไม่ได้เป็นคนโง่ เธอเริ่มสงสัยตั้งแต่โจวซุ่ยจะออกจากที่ นอย่างกะทันหันแล้ว และตอนนี้เมื่อเห็นหยางเงินกับฉันกลับมา เธอก็รู้ว่าโจวซุ่ยกำลังโกหกเธอ

โจว ยใช้เวลาสักพักถึงจะตั้งสติได้ เธอไม่ได้สนใจฉันแต่ รีบหยิบสร้อยข้อมือหยกจากมือของหวังลู่เหยาอย่างรวดเร็ว

เธอรู้สถานะของทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ได้ ดังนั้นเธอจึง เลือกที่จะไม่คิดจะถือสาใคร

“เราไปกันเถอะ!”

เมื่อเห็นว่าโจวซุ่ยได้กำไลหยกของเธอคืน หยางเฉินจึงพูด เบาๆ แล้วหันหลังเดินออกไป

หลังจากครอบครัวของหยางเฉินจากนั้น หวังลู่เหยาก็พูดขึ้น ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไอ้สารเลว กล้าทำร้ายฉัน ฉันไม่มีวันปล่อย พวกแกไว้หรอก”

“ผัวะ!”

จางกว่างยกมือขึ้นแล้วตบหน้าของหวังเหยาและพูดด้วย ความโกรธ “วันๆ เอาแต่หาเรื่องฉิบหาย คุณอย่ามาถึงผมไปยุ่ง ด้วย”

“คุณตบฉันทำไม? ” หวังลู่เหยาพูดอย่างงุนงง
จางกว่างกัดฟันแล้วพูดต่อ “ถ้ามึงไม่ใช่แม่ของลูก กูฆ่ามึงไป

นานแล้ว วันๆ เอาแต่ก่อเรื่องให้ ถ้ามึงกล้าสร้างปัญหาให้กอีก กูจะฆ่ามึงทิ้งซะ!” หวังลู่เหยาถึงกับสะดุ้ง เธอรู้ดีกว่าสามีของเธอกล้าฆ่าเธอ

จริงๆ

“คุณคะ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ วันหลังฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว

หวังเหยารีบขอโทษและพูดต่อ “ที่รัก แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมคุณถึงกลัวไอ้หมอนั่นขนาดนี้? มันเป็นแค่ลูกเขยกระจอกที่ อาศัยอยู่บ้านเมีย มันก็แค่เก่งแต่ใช้กำลังเท่านั้นนะ

จางกว่างอิ่มใส่เธออย่างเย็นชา “เจ้าโง่ คุณจะไปรู้อะไร? ถ้า มันเป็นแค่ลูกเขยกระจอกไร้น้ำยาจริงๆ แล้วมันจะจัดการลูกน้อง ผมตั้งมากมายได้ยังไง? บอกผมมาสิ”

“ต่อให้มันเก่งกว่านี้ แต่มันก็แค่คนเดียวนะ ถ้าเราหาคนมา เยอะกว่านี้เราจัดการมันได้อยู่แล้ว!” หวังเหยาพูดอย่างค้างคา ใจ

“หวังลู่เหยา กูจะเตือนถึงไว้ก่อนนะ ถ้ามึงกล้าไปยุ่งกับเขาอีก ต่อให้เขาไม่ฆ่ามึง กูจะเป็นคนฆ่ามึงเอง ชัดเจนไหม?” จางกว่าง ขู่เข็ญหวังเหยาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หวังเหยาถึงกับหน้าซีดและรีบพูดตอบ “ที่รักคะ คุณไม่ต้อง ห่วงหรอก ฉันก็แค่บ่นให้คุณฟังเท่านั้น เขาสามารถจัดการกับคนเป็นสิบคนด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ แล้วฉันจะกล้าไปยุ่งกับเขาได้ ยังไงละ 20

จางกว่างไม่ได้สนใจภรรยาอีก แต่นัยน์ตาก็ยังคงเต็มไปด้วย ความเคร่งขรึม

ครั้งล่าสุดที่ลูกน้องของเขาถูกหม่าชาวจัดการตรงหน้าทางเข้า ของโรงเรียนอนุบาล เขาก็เคยใช้เส้นสายเพื่อตรวจสอบประวัติ ของหยางเฉินแล้ว แต่สุดท้ายเขากลับไม่ได้คำตอบอะไร โดย เฉพาะห้าปีที่หายตัวไปของหยางเฉินนั้นไม่มีข้อมูลหลงเหลือเลย

ซึ่งเพื่อนของเขาก็ได้บอกกับเขาว่า คนแบบนี้ถ้าไม่ใช่คน ธรรมดาที่ไร้ประวัติก็คงต้องเป็นผู้ลึกลับที่มีภูมิหลังอันน่ากลัว อย่างแน่นอน

แล้วคนที่สามารถจัดการกับนักสู้ร่างกายมากกว่าสิบคนด้วย

ตัวคนเดียวจะเป็นคนธรรมดาที่ไร้ประวัติหรือ?

ในอีกด้านหนึ่ง หยางเฉินขับรถพาผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คนมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านตระกูลฉิน

เสี้ยวเสียวที่เหนื่อยมาทั้งวันและได้เผลอหลับในร้านอาหาร ก็ได้ผล็อยหลับในอ้อมแขนของฉัน

ฉันยีดวงตาแดงก่ำและมองไปที่นอกหน้าต่างรถตลอดทั้งทาง โดยที่ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

ฉันกลัวว่าจะรบกวนลูกสาวที่กำลังนอนหลับอยู่ แม้เธอจะ สงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เธอก็ทําได้เพียงอดกลั้นความสงสัยนั้นไว้

มีเพียงโจวยคนเดียวที่ดูเป็นปกติ เธอเอาแต่ดูละครใน โทรศัพท์ของเธอและมักจะส่งเสียงหัวเราะออกมา โดยที่ไม่สนใจ ว่าเลี้ยวเลี้ยวกำลังนอนหลับอยู่

เมื่อกลับไปถึงบ้าน หลังจากฉันให้หยางเงินอุ้มเสี้ยวเลี้ยวขึ้น ไปนอนในห้องเธอก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ “สรุปแล้วเกิดอะไร ขึ้น ร้านอาหาร? ทําไมจางกว่างถึงต้องพาภรรยาของเขามา ขอโทษแม่ด้วย?”

โจวซุ่ยรู้สึกตกใจแต่ก็ตอบอย่างไม่พอใจ “แม่บอกแล้วไม่ใช่ เหรอ? ก็ไอ้เหลือขอคนนั้นไปทำร้ายผู้หญิงของคนอื่นน่ะสิ เกือบ ทําพวกเราซวยไปด้วยเลย

“พูดไปเรื่อย!”

ฉันรู้สึกอารมณ์เสียและพูดด้วยความโกรธ “แม่คะ? แม่เป็น คนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉิน แม่ คิดว่าเราจะได้ออกจากร้านอาหารไหม?”

“แม่เป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมาเองนะ ถึงแม้พี่เขยจะลงมือ ทำร้ายผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็ทำเพื่อแม่นะ

“ก่อนที่แม่จะรู้ตัวตนของหวังเหยา แม่ทะเลาะกับคนอื่นอย่าง ไม่เกรงกลัวเลย แต่หลังจากที่แม้รู้ว่าเขาเป็นใครแล้วแม่ก็หัวหด ไปเลย?”

“หัวหดไปแล้วก็แล้วไป แต่แม่กลับเอาหนูไปรับเคราะห์แทนแม่ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าแม่ได้เหรอ?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เขย หนูคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ!”

“แค่นั้นยังไม่พอ แม่กลับโยนความผิดทั้งหมดให้กับพี่เขยอีก

ด้วย แม่ไม่อายบ้างเลยเหรอ!” ฉันยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจ เมื่อพูดถึงจุดนี้น้ำตาของเธอก็เริ่มคลอ

เบ้า เหมือนความเก็บกดของก่อนหน้านี้ได้ระบายออกมาจนหมด

ในที่สุดฉันก็รู้ความจริง จากนั้นเธอมองไปที่โจวยอย่าง เหลือเชื่อ “แม่คะ แม่ปล่อยให้เสี่ยวถูกทำร้ายได้ไง! แม่ทำลงไป ได้ไงคะ? แม่ไม่รู้สึกเจ็บใจบ้างเลยเหรอ?”

“หุบปาก! หุบปากกันให้หมด!

โจวซุ่ยตะโกนส่งเสียงดังเหมือนคนบ้า “ครอบครัวตระกูล จางเป็นครอบครัวระดับต้นๆ ของเมืองนี้เลยนะ เราจะมีเรื่องกับผู้ หญิงของครอบครัวตระกูลจางได้เหรอ? ฉันก็ไม่ได้อยากยอมเขา หรอกนะ แต่ถ้าฉันไม่ทำอย่างนั้นแล้วพวกเขาจะปล่อยเรามา ง่ายๆ แบบนี้เหรอ?”

“แม่หมายถึงการที่พวกเขายอมปล่อยเรามาก็เพราะแม่เป็น คนยอมพวกเขางั้นเหรอ?” ฉันถามด้วยสีหน้าประชดประชัน

“ไม่อย่างงั้นล่ะ? โชคดีที่คุณจางเป็นคนมีเหตุผล เขาฟังคำขอ โทษจากแม่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะออกจากร้านอาหารได้ยังไง? โจวซุ่ยพูดอย่างไร้ยางอาย

เหอะๆ! หนูเคยเห็นคนไร้ยางอายอยู่นะ แต่ไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายขนาด มาก่อนเลย แค่นั้นไม่พอ คนไร้ยางอายแบบนี้ยัง ดันมาเป็นแม่แท้ๆ ของหนูอีก!” ฉันพูดด้วยรอยยิ้มที่ประชด ประชัน

“ผิวะ!”

โจวซุยตบหน้าฉันแล้วพูดด้วยความโกรธ “นี่เธอคุยกับ ผู้ใหญ่แบบนี้เหรอ?”

“แม่! แม่ตบเสี่ยวยีทำไม?”

ฉันพูดด้วยความโกรธ “น้องพูดผิดตรงไหน?”

“เธอหุบปากไปเลยนะ!” โจวซุ่ยหันกลับมาและพยายามจะ ตบหน้าฉิน อีกคน

แต่ฉันเอื้อมมือออกไปคว้ามือของเธอไว้ได้และพูดกับเธอ

อย่างเย็นชาว่า “คุณไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่คนเลยจริงๆ!

หลังจากพูดจบ ฉินซีก็เหวี่ยงมือของโจวซียทิ้งแล้วหันเดิน จากไปทันที

ฉันที่สองตาแดงก่ำและน้ำตาไหลเต็มหน้าก็พูดกับโจวยชัย

ว่า “ฉันเกลียดคุณ! ”

ฉันทิ้งประโยคสุดท้ายก่อนที่จะวิ่งออกจากบ้านไป

โจวซุ่ยที่ยืนอยู่คนเดียวก็เริ่มเล่นละครอีกครั้ง เธอตะโกน ร้องไห้อย่างไม่หยุด “ชาติที่แล้วฉันทำผิดอะไรกัน ทำไมฉันถึง ต้องมาเจอลูกสาวแบบนี้ด้วย?”
เธอร้องไห้อยู่สักพักใหญ่ แต่ไม่เห็นมีใครออกมาห้าม จากนั้น เธอจึงหยุดร้องและกัดฟันพูดว่า “ไอ้พวกจิ้งจอกตาขาว คน เนรคุณ ฉันเสียแรงจริงๆ ที่เลี้ยงพวกเธอจนโตขนาดนี้

จากนั้นโจว ยก็หันมองไปที่ชั้นบนแล้วกัดฟันพูดต่อ ” เพราะไอ้ขยะคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะแก ลูกสาวฉันคงไม่ทำแบบนี้ บฉันหรอก”

หยางเฉินรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ชั้นล่าง เขาได้แต่ถอนหายใจ ลึกๆ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก “เซินปา คุณ อยากติดตามผมไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ผมมีงานสำคัญจะให้

ฉันอยู่คนเดียวสักพักก่อนที่จะกลับไปในห้อง สองตาของเธอ แดงซึ่งดูก็รู้ว่าเธอเพิ่งร้องไห้เสร็จ

“หยางเฉิน เสียว เล่าให้ฉันฟังหมดแล้วนะ แม่ของฉันเป็นคน ผิดเอง ขอโทษคุณด้วยนะ!” ฉันมองไปที่ชายตรงหน้าด้วย ความรู้สึกผิด

หยางเฉินส่ายหัวแล้วยิ้มตอบ “อะไรก็ช่าง ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณ รัก ผมจะพยายามยอมรับมันให้ได้ คุณไม่ต้องขอโทษผมนะ”

ฉันรู้สึกซาบซึ้งและพูดต่อด้วยดวงตาที่แดง “คุณสามารถ อยู่ในคฤหาสน์และสามารถใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ แต่คุณกลับเลือก ที่จะมาอยู่บ้านหลังนี้ ลำบากคุณแล้วจริงๆ นะ”

“สำหรับผมแล้ว การได้อยู่กับผู้หญิงที่ผมรักและอยู่กับลูกสาว ของผม มันก็คือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว” หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินออกจากบ้านแล้วเธอก็ไปที่ร้าน เหล้าคนเดียว ซึ่งบาร์ร้านนี้เป็นบาร์ที่มีชื่อเสียงของเสียงโจว ณ ขณะนี้ เธอแค่อยากจะดื่มให้เมาและลืมทุกอย่างไป แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สาวสวยก็คือสิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุด ดัง นั้นสายตาของผู้คนมากมายก็จับจ้องมาที่ฉัน

“คุณชายเฟิงครับ ดูผู้หญิงคนนั้น เพอร์เฟคจริงๆ ดูเหมือน เธอกำลังผิดหวังกับความรักอยู่นะ คงตั้งใจดื่มให้ลืมความเศร้า ในใจแน่เลย บางทีเธออาจจะรู้สึกอ้างว้างอยู่นะครับ คุณชายเฟิ

งอยากจะเข้าไปปลอบใจเธอหน่อยไหมครับ?” “ฮ่าๆ น่าสนใจดีนะ ผมจะลองเข้าไปปลอบใจเธอดู”

ฉินที่กำลังดื่มอยู่คนเดียวไม่ได้สังเกตถึงภัยอันตรายที่กำลัง เข้าใกล้เธอเลย

“คนสวยครับ มาคนเดียวเหรอ!”

ชายหนุ่มวัยสามสิบถือแก้วไวน์ชาโตว์ลาฟิตที่หรูหราเดิน เข้าไปนั่งอยู่ตรงข้ามฉินด้วยรอยยิ้ม

ฉันเหลือบมองชายหนุ่มคนนั้นแล้วพูดกับเขาอย่างเย็นชา ไปให้พ้น!”

“คนสวยครับ ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อกวนเส วี่ยเฟิง เป็นเจ้าของร้านบาร์แห่งนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่เสียงพูดของชายหนุ่มจบลง ฉันก็สายเครื่องดื่มใน แก้วใส่หน้าของเขาและพูดด้วยความโกรธ “ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ