The king of War

บทที่ 90 ชุดไปเลย



บทที่ 90 ชุดไปเลย

หยางเลยจ้องมองหยางเฉิน แล้วพูดอย่างตั้งใจว่า “หลังจากนี้ คุณหยางจะประกาศไปว่า คุณเป็นคนตระกูลหยางแห่งเมืองโจว เฉิง”

“ฮ่าๆ !

หยางเฉินหัวเราะลั่น แล้วก็แกล้งพูดเล่นๆ ว่า “คุณกลับไปถาม หยางเซี่ยงหมิง ว่าจะให้ผมป่าวประกาศให้ทั่วเลยไหม ว่าเยี่ยน เฉินกรุ๊ปเป็นกิจการของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิงด้วย

พอได้ยินว่าหยางเฉินเรียกตนเองตรงๆ แบบนี้ หยางเวยก เผยสายตาลึกๆ อะไรบางอย่าง แต่สีหน้ายังคงแกล้งทำเป็นกลัว แล้วรีบพูดว่า “เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นกิจการของตระกูลอวี่เหวิน”

“กิจการของตระกูลอวี่เหวินงั้นหรือ?”

หยางเฉินก็หัวเราะ “ตระกูลหยางของคุณไม่กล้าฮุบเอาของ ของตระกูลอวี่เหวิน แต่กล้าอยากได้ของของผมงั้นหรือ?”

พูดถึงคำหลัง หยางเวยก็ทำตาหยีลง หยางเวยแยกไม่ออกว่า หยางเฉินดีใจหรือโกรธ ได้แต่พูดไปว่า “คุณหยางครับ อย่า เข้าใจผิดไปนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่อยากร่วมมือกับ คุณเท่านั้น จะได้ชนะไปด้วยกัน เพราะถึงอย่างไร คุณในตอนนี้ ก็ได้ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลอวี่เหวินแล้ว”

หยางเฉินก็เพิ่งเข้าใจขึ้นมา ว่าทำไมทั้งทั้งที่ตระกูลหยางรู้ตัวตนที่แท้จริงของตนเองแล้ว ยังกล้าพูดแบบนี้อีก ที่แท้ก็เนตอนที่ หยางเฉินและแม่ถูกขับออกจากตระกูลอวี่เหวินเมื่อ10กว่าปีก่อน “หยางเวย กลับไปบอกกับหยางเซียงหนึ่งว่า แค่ตระกูลหยาง ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะร่วมงานกับผม ความสัมพันธ์

ระหว่างผมกับตระกูลหยาง เป็นได้เพียงเจ้านายกับลูกน้อง

เท่านั้น ส่วนผม ก็คือเจ้านาย”

สายตาของหยางเฉินก็เฉียบแหลมขึ้นมาทันใด “ถ้าอยากให้ ตระกูลหยางพัฒนาไปอีกขั้นล่ะก็ ก็ต้องทำตามคำสั่งของผมให้ดี ถ้าคิดแต่จะเล่นงานผม ก็ให้ล้มเลิกความคิดนั้นเสีย อย่าหาเรื่อง ใส่ตัว”

คำพูดนี้ของหยางเฉิน ช่างบาตรใหญ่มาก ไม่เอาตระกูลหยาง ไว้ในสายตาเลย

ทำให้ในใจหยางเวยไม่พอใจ สายตาก็เผยความโกรธออกมา แต่พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในงานเลี้ยงตระกูลกวน เขา ก็ได้แต่เก็บความโกรธนั้นไว้

“คุณหยางวางใจเถอะครับ คำพูดของคุณ ผมจะไปบอกคุณปู่ โดยไม่ให้ตกหล่นเลยสักคำ” หยางเวยพูดเสียงต่ำ

หยางเวยก็มองเขานิ่งๆ แล้วก็รีบเปิดประตูรถออกไป

พอหยางเฉินเข้าไปยังเขตบ้านของตระกูลฉิน หยางเวยก็เอา โทรศัพท์มาโทร “ปู่ครับ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่ดูจากคำพูดคำจา ไม่เห็นตระกูลหยางของพวกเราอยู่ใน สายตาเลย แถมยังเตือนพวกเราว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัวด้วย”
“เหอะ! ”

หยางเซี่ยงหมิงได้ยินดังนั้น ก็โมโห “บ้าบอจริงๆ ถ้ามึงกลับ มาที่ตระกูลอวี่เหวินได้ บางทีอาจจะยอมถึง ก็แค่ลูกนอกคอกที่ ถูกขับออกจากตระกูลอวี่เหวินไป ถือดีอย่างไรให้ไปยอมก้มหัว ให้?”

“คุณปู่ครับ แล้วพวกเราจะทำอย่างกันต่อไปครับ?” หยางเว ยถาม

“ถือสะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะเป็นอย่างไรก็ตามนั้น หุ้นของ บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ49%ก็ให้มันไปฟรีๆ แล้ว จะยอมแพ้ ง่ายๆ ไม่ได้”

หยางเซี่ยงหมิงพูดเสียงต่ำว่า “ไม่ว่าอย่างไร มันก็ยังมีเยี่ยนเฉ นกรุ๊ปอยู่ในมือ ขอเพียงมันยังไม่ได้หักหน้ากับตระกูลอวี่เหวิน เสียหมดสิ้น งั้นพวกเราก็ยืมมือของมันมาช่วยขยายกิจการ ตระกูลหยางของเรา”

“ในเมื่อไอ้หมอนี่ไม่ได้มีใจคิดที่จะสร้างตระกูลเอง งั้นพวกเรา ก็อาศัยจังหวะที่ข่าวการล่มสลายของตระกูลกวนยังไม่ได้แพร่ ออกไป ก็ไปฮุบเอากิจการของตระกูลกวนเสียเลย”

“ครับ คุณปู่! ” หยางเวยตอบ

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หยางเฉินก็เดินอ่อนแรงมาที่ห้องนอน เขาเพิ่งผลักประตูไป ก็เห็นว่าไฟหัวนอนเปิดอยู่ เสี้ยวเลี้ยว หลับไปแล้ว แต่ฉันยังไม่หลับ ยังนั่งพิงหัวเตียงอยู่
“ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะ?” หยางเฉินถามเบาๆ

ฉันไม่ได้สนใจหยางเฉิน ดวงตา สวยดั่งดอกท้อก็จ้องมอง หยางเฉินหัวจรดเท้า เหมือนกับกำลังดูให้มั่นใจว่าหยางเฉินไม่ ได้บาดเจ็บ แล้วก็เอนหลังนอนลงไป

พอเห็นว่าฉันไม่สนใจตนเอง หยางเฉินก็รู้เหตุผล

แต่ว่าเขาไม่มีวิธีอธิบายให้เข้าใจ ถ้าหากว่าอธิบายไปแล้ว เรื่องที่เสี้ยวเสี้ยวถูกจับตัวไปก็จะถูกเปิดเผย ฉินซีก็จะต้องเป็น ห่วงมากแน่

หยางเฉินก็ยิ้มแหยๆ พอไปอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว ก็มุด เข้ามาในผ้าห่ม

ฉินซีก็ยังไม่ได้หลับไป แต่หลับตาอยู่ตลอด

เห็นใบหน้าที่สะสวยของฉัน หยางเฉินก็ถอนหายใจในใจ

หวังว่าฉันจะลืมเรื่องนี้ไปเร็วๆ

กว่าจะได้สนิทกับฉินซีมากขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย เขาไม่อยากให้ เรื่องที่กขึ้นมาแบบนี้ มาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันเย็นชาลง

ไป

บางทีอาจจะเป็นเพราะเหนื่อยมาก ไม่นาน เสียงกรนของ หยางเฉินก็ดังขึ้น

ฉินซีก็ลืมตาขึ้น พอเห็นว่าหยางเฉินหลับไปแล้ว ก็มีใบหน้า โมโห ไอ้บ้าน ไม่อธิบายอะไรเลย หลับไปสะงั้น
เงียบไปทั้งคืน เช้าวันต่อมา หยางเฉินออกไปอย่างเงียบๆ แต่ พอเขาเพิ่งออกไป ฉินซีก็ตื่นตามเขาพอดี

หยางเฉันกำลังวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ก็ได้ยินเสียงวิ่ง ใกล้เข้ามาทางด้านหลัง ยังไม่ทันได้หันไปมอง ก็เห็นฉินซีในชุด

กีฬา

“เสี่ยวซี คุณมาได้ไง?” หยางเฉินถามอย่างตกใจ

ฉินซีก็พูดหน้านิ่งว่า “คุณยังไม่ได้อธิบายให้ฉันฟังเลย

หยางเฉินก็อึ้ง ที่เธอวิ่งตามเขามาเพื่อจะฟังคำอธิบาย ในตอน นั้นก็พูดไม่ออก “เสี่ยว ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ เสี้ยวเลี้ยวไป อยู่กับเพื่อนผมพักหนึ่ง ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับผู้หญิง คนนั้นเลย เสี่ยวยีเป็นพยานให้ได้

“เหอะ!

ฉินซีมีใบหน้าไม่เชื่อ “เสี่ยวยีเป็นแฟนคลับของคุณมานาน แล้ว แม้แต่พี่สาวอย่างฉัน ก็มีเรื่องให้ปิดบังกันตลอด

หยางเฉินก็ตกใจเล็กๆ ฉันมาเป็นแฟนคลับของตนเองตอน ไหนกัน?

“เสี่ยว คุณคงไม่ได้ดึงผมอยู่ใช่ไหม?” หยางเฉินกลอกตาไป มา แล้วถามอย่างตกใจ

ครู่หนึ่ง ฉันก็หน้าแดง แล้วก็เขินอายพร้อมพูดอย่างโมโหว่า “คุณพูดบ้าอะไรของคุณ?”
ตุหยางเฉินไป แล้วเธอก็หันหลังกลับไปทางบ้านตนเอง

“ฉันคงจะไม่ได้ชอบเขาจริงๆ ใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นเขาจะไป รู้จักกับผู้หญิงคนไหน มีความสัมพันธ์อะไรกัน แล้วฉันจะโกรธ ทำไม?”

เมื่อนึกถึงที่ตนเองเสียหน้าเมื่อครู่นี้ ฉันก็เขินจนโมโห “ถึง อย่างไรเขาก็เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน จะไปเด็ด ดอกไม้ริมทางแบบนั้นไม่ได้ ใช่แล้ว เหตุผลนี้แหละ! ”

ฉันไม่รู้เลยว่า หยางเฉินที่มีความสามารถทางการได้ยินสูง มากนั้น ได้ยินสิ่งที่เธอพูด แล้วก็ยิ้มแบบโง่ๆ ออกมา “ฉัน ยอมรับผมเป็นสามีของเธอแล้ว

หยางเฉินก็ไม่อยากจะวิ่งต่อ แล้วก็ตามฉินซีไป “เสี่ยวซี รอผม ด้วย!

ถึงแม้เข้าจะไม่มีทางยืนยันได้ว่าฉันชอบตนเองหรือไม่ แต่ที่ มั่นใจได้ก็คือ อย่างน้อย ในใจฉินซีก็นับเอาตนเองเป็นสามีของ เธอแล้ว

ทั้งช่วงเช้า หยางเฉินก็อารมณ์ดีมาก

นี่ก็ทำให้ฉันสงสัย เดี๋ยวเห็นฉินซีมีใบหน้าเขินอายและโกรธ เดี๋ยวเห็นหยางเฉินยิ้มอย่างได้ใจ รู้สึกว่าระหว่างสองสามีภรรยา คู่นี้ จะต้องมีความลับอะไรที่ไม่บอกใครแน่ๆ

“โครม!

ตอนกำลังกินอาหารเช้า ที่ประตูก็มีเสียงดังขึ้น
คนทั้งบ้านก็ตกใจกันหมด โจวซุ่ยตกใจลุกขึ้น “เกิดเรื่อง อะไรขึ้น?”

เธอเพิ่งออกจากห้องไป ก็เห็นว่ามีรถแบคโฮมาอยู่ในเขตบ้าน

แล้ว ส่วนรั้วกำแพงบ้านก็พังทลายแล้ว

แต่นี่ไม่ใช่จุดสำคัญ ที่สำคัญคือ รถแบคโฮมันกำลังวิ่งใกล้

เข้ามา

“ขุดไปเลย! ชายวัยกลางคนสวมหมวกนิรภัยกำลังสั่งการ

อยู่

บุ้งกี้ของรถแบคโฮ ก็ยกสูงขึ้น แล้วก็เตรียมจะขุดมาที่ ชั้น2ของบ้านเดี่ยว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ