The king of War

บทที่ 299 ผู้แข็งแกร่งที่บัญชาการเอง



บทที่ 299 ผู้แข็งแกร่งที่บัญชาการเอง

“พี่หยาง จะได้อย่างไรกันคะ? พี่เป็นผู้มีบุญคุณของคุณปู่ เวลา นี้ พวกเราจะมองดูพี่ไปหาที่ตายได้อย่างไรกัน?” หานเฟยเฟย ร้อนใจเช่นกัน รีบเข้ามาบอกทันที

ในความคิดของทานเซียวเทียนและหานเฟยเฟย การกระทำ ของหยางเฉิน ก็คือหาที่ตาย

เป็นตระกูลใหญ่ชั้นนำของเมืองเอกเหมือนกัน พวกเขาย่อม

ชัดเจนดีว่าตระกูลเมิ่งแกร่งมากแค่ไหน

ผู้แข็งแกร่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำด้านหลังของเมิ่งหงเยคนนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่าย ตั้งแต่ต้นจนจบ ยืนอยู่ข้าง หลังของเมิ่งหงเย่ ขอเพียงเมิ่งหงเยสั่งการสักคำ เกรงว่าอีกฝ่าย คงสามารถฆ่าหยางเฉินในชั่วขณะนั้น

ไม่เพียงแค่ผู้แข็งแกร่งเสื้อคลุมสีดำคนนั้น ยังมีผู้แข็งแกร่ง ของตระกูลเพิ่งรอบด้านอีกหลายสิบคน เวลานี้กำลังจ้องหยาง เฉินตาเป็นมันกันหมด

ภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ หยางเฉินจะสามารถ แตะต้องเมิ่งฮุยได้อย่างไร?

เพิ่งหงเย่มองหยางเฉินด้วยสายตาเย็นชา เวลานี้เอ่ยปากบอก ว่า “ไอ้หนุ่ม อย่าได้คืบจะเอาศอก ฉันให้เพิ่งฮุยขอโทษแก โดย เฉพาะชดเชยให้แกห้าสิบล้าน ถือว่าไว้หน้าแกมากพอแล้ว!!
“สําหรับเรื่องของแม่ยายแก ฉันก็ได้ยินมาบ้าง หล่อนไม่ใช่แค่ ผู้หญิง ใจแคบปากร้ายคนหนึ่งหรอกเหรอ น่าจะเหยียดหยามแก ไม่น้อยมั้ง?”

“เดิมหล่อนสมควรตายอยู่แล้ว ตอนนี้โดนเมิ่งฮุยฆ่าทิ้ง ถือว่า ช่วยแกให้โล่งอกไปที่หนึ่ง

สําหรับตื้นลึกหนาบางของโจวยชัย เมิ่งหงเย่รู้ชัดเจนดีมาก แม้กระทั่งเรื่องที่เหยียดหยามหยางเฉิน ยังรู้หมด พอเขาพูดจบไป ก็มองทางเมิ่งฮุย “ขอโทษสิ!!

เพิ่งฮุยยังกล้าปฏิเสธที่ไหนกัน? รีบมองไปทางหยางเฉินแล้ว พูดว่า “หยางเฉิน ขอโทษ ฉันไม่ควรฆ่าแม่ยายของนาย

ฟังดูเหมือนกำลังขอโทษ แต่บนหน้าของเขากลับเต็มไปด้วย การเหยียดหยาม

“หึๆ นี่คือความจริงใจของตระกูลเมิ่งของแก?”

หยางเฉินหัวเราะเยาะ “เจ้าบ้านเมิ่ง ในเมื่อนายจัดการเรื่องนี้ แบบนี้ งั้นแบบนี้ก็ง่ายเลย ส่งตัวเมิ่งฮุยมา ฉันพูดขอโทษนาย ถือ โอกาสชดเชยให้หนึ่งร้อยล้าน เป็นยังไง?

“โอหัง!”

เพิ่งหงเข่พูดอย่างโมโห “ผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง มีอะไรสิทธิ์ อะไรเอามาเปรียบเทียบกับเลือดสายตรงของตระกูลเมิ่ง?”

“เมิ่งฮุยก็ขอโทษแล้ว สำหรับการชดเชย ฉันให้แกหนึ่งร้อยล้าน นี่คือขีดจํากัดของฉัน!!

ได้ยินเข้า หานเซี้ยวเทียนก็โกรธเช่นกัน “เมิ่งหงเย่ นายแม่ง

คิดว่าชีวิตคนสามารถใช้เงินมาวัดกันได้จริงเหรอ? ในเมื่อนาย

อยากทําแบบนี้ งั้นอย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจ!” “เฟยเฟย แจ้งข่าวลงไป วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลหานเปิดศึก อย่างเป็นทางการ กับตระกูลเมิ่ง!”

หานเฟยเฟยรีบตอบทันที “ค่ะ!”

พึ่งพูดจบไป เธอรีบโทรศัพท์แล้ว “คำสั่งการของผู้นำ ตระกูล หานเปิดศึกอย่างเป็นทางการ กับตระกูลเมิ่ง!”

ใครๆ ต่างก็นึกไม่ถึงว่าหานเดี่ยวเทียนจะแข็งกร้าวเช่นนี้ บอก ว่าเปิดศึกก็คือเปิดศึก

เห็นได้ชัดว่าเพิ่งหงเก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกัน แต่เรื่องราวมา

ถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่น

ถ้ายอมอ่อนข้อให้ในเวลานี้ งั้นวันหลังอยู่ต่อหน้าตระกูลหาน ตระกูลเมิ่งคงเงยหน้าไม่ขึ้นอีกเลย

“ไอ้แก่ ในเมื่อนายอยากเปิดศึก งั้นฉันตระกูลเมิ่ง ให้ความ ร่วมมือด้วย!”

เมิ่งหงเย่ตะโกน “สั่งการลงไป เตรียมรบ!

“ครับ!”

ตระกูลเพิ่งก็เริ่มต้นเตรียมตัวเหมือนกัน
เวลานี้ ภายในคฤหาสน์ตระกูลเพิ่งที่กว้างใหญ่ ล้วนเป็น สถานการณ์ตึงเครียด แน่นอน เปิดศึกที่หมายถึงนั้น ไม่ใช่เป็นสองตระกูลใหญ่ต่อสู้

กัน แต่คือการทำสงครามในสารพัดด้าน

ตระกูลหานและตระกูลเมิ่ง อยู่เมืองเอก ต่างครอบครอง กิจการที่ใหญ่โตอย่างยิ่ง

ถ้าเกิดเปิดศึกกัน ตลาดทั่วทั้งเมืองเอกจะเกิดความปั่นป่วน มหาศาลขึ้นแน่

หยางเฉินส่ายหน้าแบบขมขื่น เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าหาน เซียวเทียนจะออกหน้าแทน ยิ่งนึกไม่ถึงอีกว่าหานเซียวเทียนเพื่อ เขาแล้ว จะยอมเปิดศึกกับตระกูลเพิ่ง

บนตัวของหานเยี่ยวเทียน เขาสัมผัสได้ถึงความสำนึกรู้บุญ คุณของผู้ชายชายแดนเหนือแล้ว

เกรงว่าหากเขาพูดมากต่อไปอีก หานเซียวเทียนก็คงไม่ เปลี่ยนแปลงความคิด

“ตระกูลเฉินเมือง โจวเฉิง เปิดศึก กับตระกูลเมิ่งเมืองเอก!”

“ตระกูลกวนเมืองเจียงโจว เปิดศึก กับตระกูลเมิ่งเมืองเอก!” “เมืองคิงแห่งเมืองเจียง โจว เปิดศึก กับตระกูลเมิ่งเมืองเอก!”

หลังจากหานเซียวเทียนพูด เฉินซิงไห่และกวนเสวซง ยังมีหวัง เฉียง ต่างทยอยเอ่ยปากพูดกัน ขณะเดียวกันก็ต่อสายโทรศัพท์แล้ว แจ้งข่าวเรื่องนี้ให้ทราบต่อไป

เมิ่งหงเย่รู้สึกถึงความอึดอัดใจเช่นนี้เป็นครั้งแรก ถูกตระกูล

ของเมือง โจวเฉิงและเมืองเจียง โจวบีบบังคับถึงที่ แม้กระทั่งเปิด

อีกด้วย! “ในเมื่อเปิดศึกแล้ว งั้นพวกแก ใครก็อย่าคิดก้าวออกไปจาก ตระกูลเพิ่งสักก้าว!”

โดยเฉพาะเมิ่งหงเย่เป็นผู้กุมอำนาจหนึ่งในสามของสาม ตระกูลใหญ่เมืองเอก ในเมื่อฉีกหน้ากันถึงที่สุดแล้ว งั้นก็ไม่มี ความจําเป็นต้องให้โอกาสศัตรู

ตัดสินใจฉับพลัน

“ทุกคนฟังคําสั่ง เอาทุกอย่างที่ไม่ได้เป็นคนของตระกูลเพิ่ง เหลือไว้ที่ตระกูลเพิ่งไปตลอดกาล!

เจิ่งหงเย่ โบกฝ่ามือใหญ่ สั่งการที่หนึ่ง ผู้แข็งแกร่งชุดดำหลาย สิบคนนั้น ชั่วขณะหนึ่งพุ่งเข้าไปยังหยางเฉินและคนอื่นๆ

หานเดี่ยวเทียนไม่ได้มาแค่คนเดียว ยังพาผู้แข็งแกร่งชั้นนำ ประจำตระกูลส่วนหนึ่งมาเหมือนกัน

ตระกูลกวนและเมืองคิง ผู้แข็งแกร่งที่เหลืออยู่ที่ตระกูลกวนช่วงเวลานี้ ทั้งที่ได้รับการฝึกอบรมพิเศษจากหม่าชาวก็มากัน หมด

ยังมีเฉินชิงไห่ก็พาผู้แข็งแกร่งของตระกูลมาด้วย

ถึงแม้ว่านี่คือตระกูลเมิ่ง แต่ในด้านจำนวนคน เมื่อหลาย ตระกูลร่วมมือกัน ผู้แข็งแกร่งจึงไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลเมิ่งเลย สักนิดเดียว

การสู้รบระหว่างสองฝ่าย ชั่วขณะนั้นเริ่มลงมือปะทะแล้ว

หยางเฉินไม่พูดจาสักคำ ภายในใจกลับนำบุญคุณของคน เหล่านี้ จำใส่ในก้นบึงหัวใจไว้ไม่ลืมเลือน

“หยางเฉิน นี่คือยอดฝีมือแกร่งสุดของตระกูลหาน กุ้ยหยา เขาจะคุ้มครองนาย!”

หานเซียวเทียนเอ่ยปากบอกโดยทันใด และพูดกำชับกับชาย

วัยกลางคนด้านข้างคนหนึ่ง “คุ้มครองเขาให้ดี!

กุ้ยหยามองหยางเฉินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แวบหนึ่ง จากนั้น พยักหน้า “ฉันยังต้องคุ้มครองเจ้าบ้านหาน นายอย่าห่างไปจาก สายตาของฉัน ฉันรับรองว่านายไม่ตาย!

สำหรับความหยิ่งยโสของกุ้ยหยา หยางเฉินกลับไม่ได้เก็บมา คิดอะไร

จากบนตัวของเขา หยางเฉินสัมผัสได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่เกรียง ไกรส่วนหนึ่งจริงๆ
ในฐานะยอดฝีมือแกร่งสุดของตระกูลหาน เห็นได้ชัดว่าไม่ ง่ายดายเลย เขามีความภาคภูมิใจของตนเอง ย่อมเป็นปกติมาก

หยางเฉินส่ายหน้านิดหน่อย “นายคุ้มครองเจ้าบ้านทานและ หานเฟยเฟย ให้ดี ฉันทางนี้ ไม่ต้องการความคุ้มครอง!

พอพูดจบลง หยางเฉินหมุนตัวไปยังทางเมิ่งฮุย

“หือ?”

กุ้ยหยาขมวดคิ้ว พูดแบบไม่พอใจ “ไอ้หนุ่ม นายอย่าทำมา เป็นอวดดี คนข้างตัวเมิ่งหงเย่นั้นแกร่งมาก ต่อให้เป็นฉัน ก็ไม่ กล้าพูดว่าเอาชนะเขาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ นายเข้าไปในเวลานี้ มี เพียงตายทางเดียว!”

“หยางเฉิน รีบกลับมา!” หานเยี่ยวเทียนร้อนใจเช่นกัน รีบ ตะโกนบอกเสียงดัง

หานเฟยเฟยก็ร้อนใจขึ้นมาด้วย ตะโกนให้หยางเฉินกลับมา

เพียงแต่ด้วยความสามารถของหยางเฉิน จะเห็นยอดฝีมือของ เมืองเอกอยู่ในสายตา ได้อย่างไรกัน?

“เพ้าด่า ฆ่าเจ้าหมอนั่นซะ!”

เพิ่งหงเย่ก็เห็นหยางเฉินว่ากำลังเดินไปทางเมิ่งฮุยแล้ว

“ครับ!”

ผู้แข็งแกร่งที่สวมเสื้อคลุมอยู่ด้านหลังเขาคนนั้น พุ่งออกไป ยังหยางเฉินแบบหน้าตาไร้อารมณ์
“แย่แล้ว!”

หานเยี่ยวเทียนร้อนใจยกใหญ่ในขณะนั้น รีบบอกว่า “กุ้ยหยา รีบไปช่วยหยางเฉิน!”

กุ้ยหยารีบพุ่งออกไปแล้ว ขณะเดียวกันก็ตะโกนบอก “เพ้าดำ คู่ต่อสู้ของแก คือฉัน!”

เขาอยากจะช่วยหยางเฉิน กลับช้าไปเสียแล้ว

เพราะเวลานี้ เพ้าดำดึงดาบนักรบออกมาแล้ว จากนั้นพุ่งไป ตรงหน้าของหยางเฉิน

ในบรรดาตระกูลใหญ่ของเมืองเอก มีคำพูดแบบนี้ซึ่งเป็นที่รู้ กันไปทั่ว: “เพ้า ชักมีด เลือดท่วม!” ตระกูลเมิ่ง ตระกูลหาน ตระกูลหนึ่ง ในบรรดาสามตระกูล

ใหญ่เมืองเอกนี้ ล้วนมีผู้แข็งแกร่งที่บัญชาการเอง และเข้าดำ

คือผู้แข็งแกร่งบัญชาการเองของตระกูลเมิ่ง และเป็นหนึ่งคนใน

สามตระกูลนี้ที่ลึกลับมากที่สุด

เวลานี้กลับชักดาบต่อหยางเฉิน แค่คิดก็รู้ได้แล้วว่าผลสุดท้าย ร้ายแรงมากแค่ไหน

เพิ่งฮุยที่ยืนอยู่ข้างกายเจิ่งหงเย่ ตอนนี้หน้าตากระหยิ่มยิ้ม ย่องเต็มที่ หัวเราะชอบใจพูดว่า “พวกที่โดนทอดทิ้งคนหนึ่ง กล้า สู้กับฉัน?”

เห็นเพียงแสงคมกริบแวบผ่าน เพ้าดำแกว่งมีดเสียบลงบนตัว ของหยางเฉิน ส่วนหยางเฉินกลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน
“ฮ่าๆ เจ้าหมอนตกใจจนไม่กล้าขยับเลย!”

“เพ้าค่าลงมือ ต้องตายแบบไม่ต้องสงสัย!”

“นี่คือผลลัพธ์ของการยั่วยุตระกูลเพิ่ง

คนของตระกูลเพิ่งต่างทำหน้าดุร้าย เหมือนมองเห็นภาพที่ หยางเฉินถูกสังหารด้วยมีดเดียว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ