The king of War

บทที่ 48 ฉินซีถูกตบ



บทที่ 48 ฉินซีถูกตบ

ฉันได้ยินคำพูดของหยางเฉิน พลันรู้สึกตำหนิตัวเองเล็กน้อย แต่ว่านึกถึงสามชีวิตของตระกูลสง สีหน้าของเธอก็หนักแน่น อีกครั้ง ใบหน้าซับซ้อนมองไปที่หยางเฉินเอ่ยว่า “ฉันเพียงแค่ไม่ อยากให้นาย ทำผิดกฎหมายเพราะเรื่องของฉัน”

หยางเฉันรู้ว่าฉันซีจิตใจดี ก็ไม่อธิบายอีก เพียงแค่พูดออกมา ประโยคหนึ่ง “ฉันรู้แล้ว! ”

โฟล์คเกาตนออกตัวไปทางโรงเรียนอนุบาลหลานเทียน ตลอดทาง ทั้งสองคนเงียบงันไม่พูดคุย

หยางเฉินเป็นเพราะว่าไม่รู้จะพูดอะไร ฉันนั้นรู้สึกว่าคำพูด

เมื่อครู่ค่อนข้างแรงไปหน่อย ในใจตำหนิตนเอง และขอโทษ แต่

กลับไม่รู้ว่าจะพูดออกไปอย่างไร

แต่หลังจากไปรับเสี้ยวเสี้ยว ไม่ช้าสามีภรรยาทั้งสองก็ถูกเด็ก หญิงตัวน้อยแหย่จนเบิกบานใจแล้ว

หลังจากฉินซีและเสี้ยวเลี้ยวกลับมาถึงบ้านฉันแล้ว เสี้ยวเสี้ยว สีหน้าเบิกบานเอ่ยว่า “คุณย่า วันนี้คุณพ่อมารับหนูกลับบ้านอีก แล้ว! ”

โจวซุ่ยจับคำว่า “อีกแล้ว” ในคำพูดของเสี้ยวเลี้ยวได้อย่าง แม่นยำา สีหน้ามืดครึ้มลงทันที มองไปทางจีนแล้วซักถาม “อย่า บอกฉันนะ ว่าไม่กี่วันมานี้ ล้วนเป็นหยางเฉินไปรับไปส่งลูกและเสียวเลี้ยว? ”

งิน ขมวดคิ้ว เอยอย่างไม่ชอบใจ “คุณแม่ เขาก็แค่ไปรับส่ง พวกเราทํางานเล็กงานเท่านั้น อีกอย่าง เขาเป็นพ่อของเสียว เสียว ไปรับไปส่งพวกเราแล้วจะเป็นอะไร? ”

“จะเป็นอะไร? ”

โจวซุ่ยเอ๋ยอย่างโมโห “ตอนนี้ลูกเป็นผู้บริหารระดับสูงของ ซานเรือกรุ๊ป ชายหนุ่มหล่อเหลามากความสามารถตั้งเท่าไหร่ คิดอยากจะขอลูก ลูกกับหยางเฉินถ่วงรั้งกันมาเรื่อยๆ ยังจะ แต่งกับคนอื่นได้ยังไง? ”

ฉันรู้ว่าโจวซุ่ยมีอคติต่อหยางเป็นอย่างมาก ก็ไม่สนใจไป เสียเลย จูงเสี้ยวเสี้ยวขึ้นบ้านไป

“คุณแม่ หนูกลับมาแล้ว” ฉันมีเวลานี้ก็เลิกงานกลับบ้านแล้ว

ฉันเพิ่งจะเข้าประตูมาก็เห็นโจวซุยทำหน้ามืดครึ้ม เอ่ยถาม ยิ้มๆ “คุณแม่ ใครยั่วโมโหคุณแม่อีกแล้ว?

โจวซุ่ยถลึงตาจ้องฉินอย่างอารมณ์ไม่ดี “ยังไม่ใช่คนไร้ ประโยชน์นั่นหรือ พี่สาวเธอไม่รู้ว่าไปหลงไหลอะไร ถึงกับให้เขา มารับส่งทุกวัน ลูกว่า ถ้าให้ชายหนุ่มบ้านรวยที่อยากสู่ขอพี่สาว ลูกเหล่านั้นเห็นเข้า ยังจะยินดีสู่ขอพี่สาวลูกไหม? ”

ฉันตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ในสมองพลันนึกถึงวันนั้นที่ อยู่ร้านอาหารเปียหยวนซุน ท่าทางที่ทั่วถึงและซูเฉิงอู่เคารพ นอบน้อมต่อหยางเฉิน อดเผยรอยยิ้มขมฝาดไม่ได้ “คุณแม่ เรื่องของพี่สาว คุณแม่ก็อย่ากังวลใจไปเปล่าๆ เลย พี่เขยไม่ได้เป็น แบบที่คุณแม่เห็น”

“อะไรที่เรียกว่าแม่กังวลใจไปเปล่าๆ? เดี๋ยวก่อน ลูกเรียกคน ไร้ประโยชน์นั้นว่าอะไร? ” โจวอยถลึงตากว้าง

ฉันกลับไม่ได้รู้สึกตัวว่าตนเองพูดอะไรผิดไป “พี่เขยน่ะสิ! ”

“พวกลูกแต่ละคนกินยาผิดใช่ไหม? พี่สาวลูกให้เขามารับมา ส่งทุกวัน ตอนนี้แม้แต่ลูก ก็เปลี่ยนคำพูดแล้ว? พวกลูกจะยั่ว โมโหแม่ให้ตายใช่ไหม ถึงจะพอใจ? ” โจวยสีหน้าโกรธ เกรียว

“คุณแม่! ”

ฉันยีรีบจับไหล่ทั้งคู่ของโจวซุยไว้แล้วบีบนวดไปมา พูดอย่าง เอาใจว่า “คุณแม่ สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำสามสิบปี อยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ อย่าได้ดูถูกชายหนุ่มวัยรุ่นที่เคย ยากจน ห้าปีก่อนหยางเงินเป็นคนไร้ค่า แต่ว่าใครจะรับประกัน ได้ว่าห้าปีต่อมาเขายังเป็นคนไร้ค่า? ”

“ในเมื่อพี่สาวไม่เต็มใจหย่า ไม่เช่นนั้นก็ให้เวลาพวกเขาสัก ระยะ ถ้าเขายังเป็นคนไร้ค่าเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ ถึงคุณแม่จะไม่ พูด พี่สาวก็จะเอาเท้าเดียวเตะเขาไปแน่ แต่ถ้าเกิดว่าเขาสามารถ เปลี่ยนแปลงได้ล่ะ? ก็ไม่แน่ว่าวันใด เขาก็จะกลายเป็นลูกเขย เต่าทองของคุณแม่แล้ว ถูกไหม? ”

คำพูดของฉัน ทำให้โจวซุยจับผิดอะไรไม่ได้อีก เอยอย่าง อารมณ์ไม่ดี “เป็นลูกที่ความคิดไม่ดีเยอะ ใครแต่งกับลูกสาวแม่ก็ได้ทั้งนั้น แต่คนไร้ค่าคนนั้นไม่ได้ แม่จะเตือนลูกไว้ ถ้าลูกยัง กล้าเรียกเขาว่าพี่เขยอีก อย่าโทษว่าแม่ไม่เกรงใจแล้วกัน”

“พอแล้ว! คุณแม่ หนูรู้แล้วหัวจะตายอยู่แล้ว อาหารทำเสร็จ หรือยังเอ่ย? ” ฉันยี่ยิ้มกริ่มเอ่ยถาม

“ได้พบเจอลูกสาวอย่างพวกลูกสองคน จะต้องเป็นชาติก่อนที่

แม่ติดค้างพวกลูกแน่ๆ ” โจวซุ่ยพูดไป ก็หมุนกายไปที่ห้องครัว

ชั้นบน เสี้ยวเลี้ยว ตาคลอมองฉัน “คุณแม่ ทำไมคุณถึง ไม่ขอบคุณพ่อ? เสี้ยวเสี้ยวอยากให้คุณพ่อมาอยู่ด้วยกันกับเรา ทุกวันกอดหนูเล่านิทานมากมายให้ฟัง

ได้ยินคำพูดของเสี้ยวเสี้ยว ในใจของฉันก็เป็นทุกข์ ถึงจะพูด ว่าโจวย ยอยากให้เธอและหยางเฉินหย่าร้างกันมาโดยตลอด แต่ว่าตอนนี้หยางเฉินไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันกับพวกเธอ เธอก็มี ภาระรับผิดชอบที่มากเช่นกัน

ตอนนี้ในใจของเธอไม่เกลียดหยางเฉินชั่วคราว พอจะมีความ รู้สึกดีๆ อยู่บ้างเล็กน้อย แต่ว่าจะพูดว่าให้อยู่ด้วยกัน เธอยังคง ไม่สามารถผ่านด่านในใจนั้นไปได้

“เสี้ยวเสี้ยว อย่ารีบร้อน จะต้องมีสักวัน ที่พวกเราจะได้อยู่ด้วย กันกับคุณพ่อ” ฉินซีช่วยเตี๋ยวเสียวเช็ดน้ำตาบนใบหน้า สีหน้า อ่อนโยนเอ่ยตอบ

“จริงหรือ? ” ในดวงตาของเสี้ยวเลี้ยวพลันเปล่งประกายมี ชีวิตชีวา
ฉันไม่อาจตัดใจหลอกลวง แอบลังเลเล็กน้อย ถึงได้พยักหน้า อย่างหนักแน่น “จริง! ”

“เยี่ยมไปเลย! คุณแม่ เลี้ยวเลี้ยวรักคุณแม่! รักคุณพ่อ! ” ใบหน้าของเสี้ยวเลี้ยวเผยรอยยิ้มยินดีขึ้นมาทันที จูบลงไปบน แก้มของจินซีครั้งหนึ่ง

เช้าวันรุ่งขึ้น หยางเฉินมาถึงหน้าประตูบ้านฉินตรงเวลา แต่กลับยังไม่ทันรอได้รอฉินซีและเสี้ยวเสียวมาถึง กลับเป็น แม่ยายที่มาถึง

โจวซุ่ยพร้อมกับไม้กวาดในมือพุ่งออกมา เห็นหยางเฉินแล้ว ยกมันขึ้น

“นายไอ้คนสารเลว ถึงกลับยังกล้ามาพัวพันเสียวซี ดูซิว่าฉัน จะมีนายให้ตายไหม” โจวซุยด้านหนึ่งด่าทอ ด้านหนึ่งทุบตี

ด้วยความแข็งแกร่งของหยางเฉิน เพียงแค่ไม่กวาดด้ามเดียว จะบาดเจ็บได้อย่างไร?

เขาไม่หลบไม่หลีก ปล่อยให้โจวซุยด่าทอทุบตี หลังจากโจว ยูซุยทุบตีไปหลายที เห็นหยางเฉินไม่หลบเลี่ยง จึงเอ่ยถามอย่าง สงสัย “นาย โดนตีจนโง่ไปแล้วหรือ? ทำไมไม่หลบ? ”

หยางเฉินยิ้มเจิดจ้า “ถ้าผมหลบแล้ว คุณแม่จะต้องยิ่งโมโห แน่ ขอเพียงแค่คุณแม่ยินยอมให้ผมกับเสี่ยวอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ จะตีผมอีกหลายที ก็ไม่เป็นไร

“นายฝันไปเถอะ! ” โจวซุ่ยแค่นเสียง
เหลือบมองสายตาหนึ่ง ตอนนี้ถึงได้สังเกตเห็นรถเก๋งคันเล็กสี คนหนึ่งที่ด้านหลังหยางเฉิน ดูไปแล้วภายนอกนั้นก็ดูสวยดี แต่ว่าตอนที่เห็นโลโก้รถ ก็เยาะหยันขึ้นว่า “ก็แค่โวลต์สวาเก้นท์ พังๆ คนหนึ่ง ก็คิดจะอยู่ด้วยกันกับลูกสาวฉันแล้วหรือ?

หยางเงินก็ไม่โกรธ ยิ้มเล็กน้อย “คุณแม่ คุณแม่หวังให้ผมทำ อย่างไร ถึงจะยอมตกลงให้ผมกับเสี่ยวซีอยู่ด้วยกัน? ”

โจวซุ่ยกลอกดวงตารอบหนึ่ง พลันเอ่ยขึ้น “ถ้าทุกเดือนนาย สามารถให้ค่าใช้จ่ายประจำวันกับฉันห้าหมื่นได้ ฉันก็จะสัญญา ชั่วคราวให้นายและเสี่ยวซีอยู่ด้วยกัน”

“คุณแม่ คุณแม่พูดจริงหรือ? ” หยางเฉันดีใจขึ้นมาทันที

โจวซุ่ยมองหยางเฉินอย่างดูถูกครั้งหนึ่ง เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ ดีว่า “นายคิดจริงๆ หรือว่าทุกเดือนหาเงินได้ห้าหมื่นนั้นง่าย มาก? ”

ก็เป็นในตอนที่เธอกำลังพูดอยู่ หยางเฉินก็เปิดประตูรถออก แล้ว หยิบธนบัตรร้อยหยวน ใหม่เอี่ยมออกมาห้าปีก ออกมาจาก กล่องเก็บของหน้าที่นั่งข้างคนขับ

“คุณแม่ ห้าหมื่นนี้เป็นการแสดงความกตัญญูต่อคุณแม่ คุณ แม่รับไปเถอะ รอให้เวลาผ่านไปสักพัก ผมค่อยแสดงความ กตัญญูต่อคุณแม่อีก” หยางเฉินหัวเราะแล้วเอาเงินห้าหมื่นยื่น ออกไป

โจวซุ่ยเห็นด้วยตาตัวเองว่าหยางเฉินหยิบเงินห้าหมื่นจาก ในรถออกมา ช่วขณะหนึ่งก็ตกตะลึงไปแล้ว
ในสายตาของเธอ หยางเจีบ คนไร้ประโยชน์ที่ไม่มีอะไรดี สักอย่าง เมื่อครู่ที่บอกว่าห้าหมื่นก็จงใจพูดเท่านั้น แต่คิดไม่ ถึงว่า หยางเงินถึงกับหยิบออกมาจริงๆ

“เงิน คือการที่นายแสดงความกตัญญูต่อฉันจริงหรือ? ” โจว ซุยรีบหยิบเงินมา ยังมีท่าทางราวกับกังวลว่าหยางเฉินจะแย่ง กลับคืนไป

หยางเฉินยิ้มแล้วพยักหน้า “เงินก็ส่งถึงมือของคุณแม่แล้ว หรือว่าผมยังจะต้องการมันกลับมาอีกหรือ? ขอเพียงคุณแม่ ยินยอมให้ผมและเสี่ยวซีอยู่ด้วยกัน เดือนหน้าผมให้คุณหนึ่ง แสน”

“ดี นี่เป็นนายที่พูดเองนะ! ” โจวชุ่ยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ตกลงแล้ว กลัวว่าหยางเฉินจะเปลี่ยนความตั้งใจ

หยางเฉินสีหน้าประหลาดใจ ถ้ารู้ก่อนว่าแม่ยายจัดการได้ ง่ายดายขนาดนี้ เขาคงทําแบบนี้นานแล้ว เงินเล็กน้อยไม่กี่แสน เท่านั้น ถึงจะเป็นกี่ร้อยล้าน แล้วอย่างไร? ขอเพียงแค่สามารถ อยู่ด้วยกันกับภรรยาและลูกสาวได้ ถึงแม้จะเป็นทั้งหมดทุกอย่าง ทีมี เขาก็ล้วนยินดี

“คุณแม่ คุณแม่กำลังทำอะไรอยู่? ” ฉันกำลังพาเสียวเสี้ยว เดินออกมา มองเห็นโจวซุ่ย ฉับพลันสีหน้าก็โกรธเกรี้ยวทันที

โจวซุ่ยรีบเอาเงินซ่อนไว้ในใต้ผ้ากันเปื้อน จงใจกระแอมไอ เสียงหนึ่ง “เสี่ยวซีเอ๊ย เมื่อครู่แม่พิจารณาดูแล้ว หยางเฉินอย่าง ไรก็เป็นพ่อของเสียวเสี้ยว ก็ให้เขามาอยู่ที่บ้านชั่วคราวแล้วกัน”
“คุณแม่พูดอะไรนะ? ” ฉันมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ ความไม่เป็น มิตรของโจวยที่มีต่อหยางเงินล้ำลึกแค่ไหน เธอชัดแจ้งดีกว่า ใคร

โจว ยกลังคาใส่ดินรอบหนึ่ง เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี “แม่ เพียงแค่ตกลงให้เขาอยู่ที่บ้านได้ชั่วคราว ถ้าทำตัวไม่ดี ก็ในหัว ออกไปให้น

โจวซุ่ยพูดจบ ก็รีบร้อนหมุนตัวจากไป

เสียวเดี๋ยวก็มีสีหน้ายินดี เอยอย่างดีใจว่า “คุณแม่ คุณแม่ไม่ ได้หลอกหนู คุณพ่อมาอยู่ด้วยกันกับพวกเราได้แล้วจริงๆ! ”

ประโยค “คุณแม่ไม่ได้หลอกหนู” ของเสียวเสี้ยวประโยคนั้น เป็นการแฉฉินซีอย่างที่สุด เธอหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ถลึงตา ใส่เสี้ยวเสี้ยวครั้งหนึ่ง “รีบไปขึ้นรถ ไม่เช่นนั้นจะไปสายแล้ว”

พูดจบ เธอก็รีบจูงเสี้ยวเลี้ยวเข้าไปนั่งในรถ ทิ้งหยางเฉินให้ ยืนยิ้มโง่งมอยู่ที่เดิมคนเดียว “ดูเหมือนเสี้ยวเสี้ยวจะเผยความ ลับอะไรออกมาแล้ว”

หยางเฉินพาเสียวเสี้ยวไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลก่อน หลังจาก นั้นค่อยพาฉันไปส่งที่ซานเรือกรุ๊ป แล้วค่อยฮัมเพลงจากไป รําพัง

ฉันเพิ่งจะมาถึงห้องทำงาน หวังเพิ่งก็โยนเอกสารข้อมูลกอง โตเข้ามาหา “ฉินชี เอาของเหล่านี้ เอาทั้งหมดไปถ่ายเอกสารมา ยี่สิบฉบับ อีกสักพักฉันจะใช้ประชุม”
ฉันเอาเอกสารข้อมูลที่ถ่ายเอกสารเรียบร้อยแล้วส่งไป หวัง เพิ่งพลิกเปิดผ่านๆ เล็กน้อย ใบหน้าโกรธจัดเอาเอกสารทั้งหมด ปัดลงไปที่พื้น เอ่ยอย่างโมโหง่า “นี่ก็คือเอกสารข้อมูลที่เธอถ่าย เอกสารมาหรือไง? ”

“มีปัญหาอะไรหรือ? ” ฉินซีหยิบเอกสารชุดหนึ่งขึ้นมา กลับไม่ พบปัญหาอะไร

“ที่ฉันต้องการก็คือสําเนาหน้าเดียว ใครใช้ให้เธอถ่าย เอกสารสองหน้ากัน? แม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำได้ไม่ดี เธอ ยังมีหน้าตั้งอยู่ที่บริษัทอีกหรือ? ” หวังเพิ่งเอ่ยอย่างโมโห

ถ้าฉันยังไม่เข้าใจว่าเธอจงใจทำให้ตนเองลำบาก เช่นนั้นก็ คือคนโง่แล้ว

“หวังเมิ่ง ถ้ารู้สึกว่าฉันไม่มีคุณสมบัติตั้งอยู่ที่บริษัท เธอ สามารถไปหาฝ่ายบุคคลให้ปลดฉันออกได้เลย ไม่จําเป็นต้องมา ทรมานเคี่ยวกรําฉัน” บนใบหน้าของฉันก็เผยแววโกรธเกรี้ยว ออกมาสายหนึ่งเช่นกัน

นับตั้งแต่เธอเข้ามาในบริษัทด้วยฐานะของพนักงานใหม่ หวัง เพิ่งมักจะหาทุกโอกาสมารังแกเธอ รวมถึงวันนั้นที่ถูกหลอกให้ ไปหาสงโป๋เหริน บริษัทการบันเทิง โป๋เหรินเพื่อลงนามสัญญา ร่วมงาน ที่เป็นผู้หญิงคนนี้

“ดีนี่ ตอนนี้กล้าที่จะเถียงฉันแล้ว เธอยังคิดว่าตัวเองเป็น ประธานอันทรงเกียรติคนนั้นเหมือนเมื่อก่อนอยู่หรือไง? ฉันจะ บอกเธอให้ ตอนนี้เธอทำงานภายใต้อำนาจของฉัน ก็ต้องฟังฉันถ้าเธอรับไม่ไหว เช่นนั้นก็ลาออกเองแล้วไสหัวไป หวังเพิ่งเอ๋ย ด้วยใบหน้าเยาะหวั่น

ดวงตาทั้งคู่ของจีนซีแดง สงสัยอย่างที่สุด “หวังเมิ่ง แท้จริง แล้วฉันล่วงเกินอะไรเธอกันแน่ ถึงได้ทำให้เธอปฏิบัติกับฉันแบบ นี้? ตอนนั้นถ้าเกิดว่าไม่ใช่ฉัน จะมีเธอในวันนี้ได้หรือ?

“เซี๊ยะ! ”

หวังเพิ่งพา โกรธขึ้นมา ตบไปบนหน้าของฉันไปหนึ่งฝ่ามือ เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เธอหุบปากให้ฉันนะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ